söndag 22 juni 2014

ศาลหัวดอของไอ้ยุทธ์เหล่ สุนัขรับใช้ไอ้บอดจอมเผด็จการหัวหน้าผู้ก่อการร้ายของแผ่นดิน ที่ทั่วโลกกำลังประนามอย่างรุนแรงถึงความโหดร้ายของการปล้นประเทศชาติ และไล่ล่าข่มขู่ประชาชนชาวไทยอยู่ในเวลานี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (20 มิ.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางมาที่ศาลทหารเพื่อรายงานตัวตามกระบวนการ และขออำนาจศาลฝากขังในผลัดที่ 3 อีก 12 วัน ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วยการไม่ไปรายงานตัว มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท รวมถึงกระทำผิดกฎหมายอาญาตามมาตรา 116 ยุยงให้เกิดความกระด้างกระเดื่องและให้เกิดการทำผิดกฎหมายจากกรณีแถลงข่าว ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศมีโทษจำคุก 7 ปี รวมทั้งสองข้อหา 9 ปี ซึ่งเมื่อโทษทั้งหมดไม่ถึง 10 ปี จึงทำให้สามารถฝากขังได้ไม่เกิน 4 ผลัด ผลัดละ 12 วัน รวม 48 วัน
ทั้งนี้ ภายหลังใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้นกระบวนการรายงานตัว โดย นายจาตุรนต์ กล่าวภายหลังขึ้นศาลว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนฟังคำพิจารณาไม่กี่นาที ว่า ตนเองกระทำผิด พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) กระทบต่อความมั่นคง หรือก่อการร้าย ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดิมในวันแถลงต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่ไปปรากฏในเฟซบุ๊ค มีความผิดระวางโทษ 5 ปี รวมขณะนี้ตนเองมีความผิดที่ถูกกล่าวหาระวางโทษจำคุกรวม 14 ปี

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า จะจัดหาทนายความที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อต่อสู้คดีให้ถึงที่สุดเพราะกรณีที่พลเรือนขึ้นศาลทหารนั้น นับเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี โดยจะหาข้อมูลในส่วนที่จะช่วยทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ภายใต้เงื่อนไขที่ศาลกำหนด คือ ห้ามออกนอกราชอาณาจักร ห้ามชุมนุมทางการเมือง และจากนี้ไปจะศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมนำเสนอความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูป ประเทศในโอกาสต่อไป

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

สหภาพยุโรป เตรียมลงมติของสมาชิกกลุ่มทบทวนความร่วมมือทางการทหารกับไทย


[​IMG]


สหภาพยุโรป เตรียมลงมติของสมาชิกกลุ่มทบทวนความร่วมมือทางการทหารกับไทย
สื่อต่างประเทศ รายงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ของไทย กลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างเร่งด่วน ภายในวันจันทร์นี้ ขณะที่เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้การเรียกร้องให้ คสช. กำหนดกรอบเวลาการเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ชัดเจน พร้อมยกเลิกกฎอัยการศึก และเคารพสิทธิมนุษยนชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน

ทั้งนี้ สหภาพยุโรป กล่าวเมื่อวานว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนการประชุมของคณะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ทั้ง 28 ชาติ ที่จะมีขึ้นในวันจันทร์นี้ จะมีการลงนามของประเทศสมาชิก เพื่อจะทบทวนความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับประเทศไทย อย่างพร้อมเพรียงกัน

lördag 21 juni 2014

ภาพปริศนา.. ภาพกระสุนจริงเกลื่อนถนน .ในวันสลายการชุมนุม .ที่ถนนอักษะ ฝากให้ใครที่รู้ข่าวช่วยกันหาความจริง นำออกมาเปิดเผยให้สังคมโลกได้รับรู้....เป็นกระสุนปืนอะไรทหารกลุ่มไหนทำหล่นไว้???










ภาพกระสุนจริง ในวันสลายการชุมนุม ที่อักษะ หลังประกาศกฎอัยการศึก ทหารเข้าสลายการชุมนุมเสื้อแดง...

ดร. ปรีดี พนมยงค์ บิดาแห่งการอภิวัฒน์ พ ศ. ๒๔๗๕

วันที่ ๒๔ มิถุนายน พศ. ๒๔๗๕ - วันที่ ๒๔ มิถุนายน พศ. ๒๕๕๗ ....เป็นเวลา ๘๒ ปี ที่มีการเริ่มต้นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐ ธรรมนูญ นับว่าไทยเป็นประเทศแรกที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ จนถึงวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ เมื่อรัชกาลที่ ๘ ถูกน้องชายลอบปลงพระชนต์ แล้วได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๙แทน ระบอบประชาธิปไตยที่คณะราษฎรได้สถาปนาขึ้นจึงได้ดับสูญไปพร้อมกับการสิ้นพระ ชนต์ของในหลวงอานันทม์ ร. ๘ หลังจากนั้น ประเทศไทยก็ได้กลายมาเป็นระบอบเผด็จการภายใต้กษัตริย์ภูมิพล ..ที่กษัตริย์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ.. ตั้งแต่นั้นมาความขัดแย้งในสังคมไทยก็เกิดขึ้นและดำรงค์อยู่มาจนถึงในเวลา ปัจจุบัน พอมาถึงตอนปลายรัชกาลที่ ๙ ความรุณแรงก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ มีการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างลูกชายและลูกสาวของกษัตริย์ภูมิพลซึ่งความขัด แย้งในเวลานี้ก็คือความขัดแย้งของ " ศึกชิงบัลลังก์ " ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็มีกลุ่มอำมาตย์ให้การสนับสนุนพอๆกัน... จนกว่าจะมีการเปลี่ยนรัชกาลที่ ๑๐ หรืออาจจะไม่มีก็ได้ ถ้าเชื่อตามคำทำทายของโหรหลวงเมื่อตอนตั้งกรุงรัตน์โกสินทร์.... !!! เมื่อผ่านยุคเผด็จการอำมหิตนี้ไปแล้วประเทศไทยจึงจะมีประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพ มีความยุติธรรม ความเท่าเทียมกันในสังคมก็จะเกิดขึ้น ....

ดร. ปรีดี พนมยงค์ บิดาแห่งการอภิวัฒน์ พ ศ. ๒๔๗๕


Dr. ปรีดี พนมยงค์  บิดาแห่งการอภิวัฒน์ ๒๔๗๕
เมื่อ อายุได้ ๑๘ ปี  นายปรีดีพนมยงค์  สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายและเป็นสมาชิกของเนติบัณฑิตยสภา  ต่อมาได้รับทุนจากกระทรวงยุติธรรมไปศึกษาวิชากฎหมาย  ณ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง ๒๔๖๓- ๒๔๗๐
นาย ปรีดี พนมยงค์  ถือกำเนิดและเติบโตมาในท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง  ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๔๓ อันเป็นช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ ๕  ในครอบครัวชาวนาจังหวัดพระนครศรีอยุทธยา  ชีวิตในวัยเด็กทำให้นายปรีดีได้สัมผัสกับสภาพปัญหาของชาวนา  ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในยุคนั้น
“ ผมได้กล่าวแล้วถึงสภาพสังคมไทยที่ผมประสบพบเห็นแก่ตนเองว่าราษฎรได้มีความ อัตคัดขัดสนในทางเศรษฐกิจ  เพราะไม่มีสิทธิเสรีภาพกับความเสมอภาคในทางการเมือง  อีกทั้งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและอำนาจของหลายประเทศทุนนิยม  ผมได้มีความคิดก่อนที่ได้มาศึกษาในฝรั่งเศสแล้วว่าจะต้องค้นคว้าศึกษาเพิ่ม เติม ว่าวิธีใดที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของราษฎรดีขึ้น “
ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕  นายปรีดีเป็นผู้นำคณะราษฎรฝ่ายพลเรือน  ผู้มีบทบาทมากที่สุดในการจัดวางรูปแบบการปกครองในระบอบใหม่  เนื่องจากเป็นคนไทยคนแรกที่สำเร็จดุษฎีบัณฑิตกฎหมายจากมหาวิทยาลัยปารีส  นายปรีดีจึงให้ความสำคัญกับงานด้านนิติบัญญัติ  กับการปกครองเป็นพิเศษ  นอกจากจะเป็นผู้ร่างประกาศคณะราษฎรแล้ว  ท่านยังเป็นผู้ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยามประเทศ  ที่ใช้เป็นบรรทัดฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตย  และยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการร่างพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่ง ราชอาณาจักรสยาม พ.. ๒๔๗๖  ซึ่งมีเนื้อหาจัดรูปแบบการปกครองออกเป็นส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
นาย ปรีดีมิได้มุ่งหมายเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบ ประชาธิปไตยทางการเมืองเท่านั้น  หากแสดงเจตนารมณ์และแสดงบทบาทอย่างแจ่มชัดที่จะก้าวไปสู่ประชาธิปไตยทาง เศรษฐกิจ  สังคมและการศึกษา  เหนือสิ่งอื่นใด  ท่านปรารถนาที่จะให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นบรรทัดฐานในการพัฒนาประชาชาติเล็กๆ อย่างสยาม  ให้ยืนหยัดอยู่อย่างมีเอกราชและศักดิ์ศรีในทุกด้าน  ท่ามกลางนานาอารยประเทศในประชาคมโลกยุคใหม่  เจตนารมณ์ประชาธิปไตยของท่านปรากฎอย่างชัดเจนในหลัก ๖ ประการของ  “ ประกาศคณะราษฎร “  ที่ท่านเป็นผู้ร่างขึ้นเพื่อใช้เป็นคำแถลงการณ์ในวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕


หลัก ๖ ประการของ  “ ประกาศคณะราษฎร “
        จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย  เช่นเอกราชในทางการเมือง  ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
        จะต้องรักษาความปลอดภัยในประเทศ  ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
        จะ ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ  โดยรัฐบาลใหม่จะหางานให้ราษฎรทุกคนทำ  จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ  ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
        จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน
        จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ  มีความเป็นอิสระ
        จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
นาย ปรีดี พนมยงค์  เป็นนักการเมืองคนแรกที่ริเริ่มแนวความคิดที่จะให้ราษฎรทุกคนได้รับการ ประกันสังคมจากรัฐบาล โดยระบุไว้อย่างชัดเจนในหมวดที่ ๓  แห่งเค้าโครงการเศรษฐกิจฯ  แต่น่าเสียดายที่ร่างของแนวความคิดดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์  กว่าประเทศไทยจะยอมรับให้มีนโยบายประกันสังคมให้แก่ประชาชนก็เป็นเวลา ๖๐ ปีหลังจากนั้น


นาย ปรีดีเป็นตัวตั้งตัวตีให้รัฐบาลยกฐานะกรมร่างกฎหมายเป็น  “ คณะกรมการกฤษฎีกา “  ทำหน้าที่ร่างกฎหมายและเป็นที่ปรึกษากฎหมายของแผ่นดิน  ทั้งยังพยายามพลักดันให้  “ คณะกรรมการกฤษฎีกา “ ทำหน้าที่ “ ศาลปกครอง “ อีกด้วย  แนวความคิดในเรื่อง “ ศาลปกครอง “  ของท่านแสดงให้เห็นว่า  ท่านต้องการให้ราษฎรสามารถตรวจสอบฝ่ายปกครองได้  และมีสิทธิในทางการเมืองเท่าเทียมกับข้าราชการอย่างแท้จริง  นายปรีดีสนับสนุนแนวคิดศาลปกครองมาตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.. ๒๔๗๕
“ ระหว่างที่ข้าพเจ้าศึกษาวิชากฎหมายนั้น  ข้าพเจ้าเห็นว่า  มหาอำนาจต่างชาติถือสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือประเทศสยาม  ไม่ว่าจะเป็นทางทฤษฎีหรือทางปฏิบัติ  คนในสังคมมหาอำนาจเหล่านี้ไม่ต้องขึ้นศาลไทย  เพราะคดีที่มีคู่ความเป็นคนสังกัดต่างชาติเหล่านั้น จะต้องให้ศาลกงสุล  หรือศาลคดีระหว่างประเทศตัดสิน  ทั้งนี้เป็นไปตามสนธิสัญญาที่ไม่เสมอภาคระหว่างชาติมหาอำนาจกับประเทศสยาม  ในศาลคดีระหว่างประเทศ  คำวินิจฉัยของผูพิพากษาชาติยุโรปจะมีน้ำหนักมากกว่าคำวินิจฉัยของผู้พิพากษา ชาวสยาม  ข้าพเจ้าไม่พอใจการใช้อำนาจอธิปไตยเช่นนี้เลย   ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชของชาติอัน สมบูรณ์  โดยมีอำนาจอธิปไตยของตนอย่างเต็มเปี่ยม “
เมื่อ ภารกิจด้านการปกครองกระทรวงมหาดไทยเข้ารูปเข้ารอยแล้ว  นายปรีดีเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  เพื่อเป็นผู้นำในการแก้ไขสนธิสัญญาไม่เสมอภาคที่รัฐบาลสยามสมัยสมบูรณาญา สิทธิราชย์ได้ทำไว้กับประเทศต่างๆ  ในนามของสนธิสัญญาทางไมตรี  พานิชย์ และการเดินเรือ  เป็นจำนวน ๑๒ ประเทศ  ซึ่งเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของคณะราษฎรในหลัก ๖ ประการที่จะต้อง  “ รักษาความเป็นเอกราชของประเทศไว้ให้มั่นคง “  หลักการใหญ่ๆ  ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์  สามารถแก้ไขในสนธิสัญญาไม่เสมอภาคได้สำเร็จ  คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต   แต่เดิมคนในบังคับของต่างประเทศไม่ต้องขึ้นศาลสยาม  ทำให้สยามสูญเสียเอกราชในทางศาล  นอกจากนี้ต่างประเทศยังบังคับให้รัฐบาลสยามเรียกเก็บภาษีขาเข้าได้เพียงไม่ เกินร้อยละ ๓ เท่านั้น  ทำให้เก็บรายได้ไม่เต็มที่  นับเป็นการเสียเอกราชทางเศรษฐกิจที่จำต้องแก้ไข
นาย ปรีดีได้ใช้ยุทธวิธีบอกเลิกสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับประเทศคู่สัญญา  และได้ยื่นร่างสนธิสัญญาฉบับใหม่ที่สยามได้เอกราชและอธิปไตยสมบูรณ์ให้ ประเทศเหล่านั้นพิจารณา  นายปรีดีได้ใช้ความอุตสาหะพยายามเจรจา  โดยอาศัยหลัก  “ ดุลยภาคแห่งอำนาจ “  จนประเทศนั้นๆ ยอมทำสนธิสัญญาใหม่ที่สยามได้เอกราชอธิปไตยสมบูรณ์ทั้งในทางการเมือง  ในทางศาล  และในทางเศรษฐกิจ
เมื่อนายปรีดีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการครัง  (.. ๒๔๘๑- ๒๔๘๔  )  ได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคมคือ
       ยกเลิกเงินภาษีรัชชูปการ  อันเป็นเงินส่วยที่ราษฎรไพร่ต้องเสียให้แก่เจ้าศักดินา
       ยกเลิกอากรค่านาซึ่งชาวนาต้องเสียแก่เจ้าศักดินาสูงสุดที่ถือว่าที่ดินทั้งหลายทั่วราชอาณาจักรเป็นของประมุขของสังคม
       จัด ระบบเก็บภาษีอากรที่เป็นธรรมในระบอบประชาธิปไตยโดยสถาปนา  “ ประมวลรัชฎากร “  เป็นแบบฉบับครั้งแรกในประเทศไทย  ซึ่งรวมบทบัญญัติเกี่ยวกับภาษีอากรทางตรง  ผูใดมีรายได้มากก็เสียภาษีมาก  และถ้าผู้ใดบริโภคเครื่องบริโภคที่ไม่จำเป็นแก่การดำรงชีพ  ก็ต้องเสียภาษีอากรมากตามลำดับ
       การ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ  เพื่อให้มีการใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของราษฎรอย่างรัดกุม  และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ
ใน ช่วงเวลาที่นายปรีดีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  แม้จะเป็นช่วงที่ใกล้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้วก็ตาม  แต่เสถียรภาพทางการเงินและการคลังของสยามนับว่ามั่นคงที่สุดยุคหนึ่ง  ด้วยการเล็งการณ์ ไกลของท่าน  ได้ทำให้เสถียรภาพของเงินบาทมั่นคง  กล่าวคือเมื่อก้าวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ ๒  นาย ปรีดีคาดคะเนว่าเงินปอนด์ที่เป็นเงินทุนสำรองเงินตราอาจจะไม่มีเสถียรภาพจึง ได้นำเงินปอนด์จำนวนหนึ่งไปซื้อทองคำเป็นจำนวนน้ำหนักประมาณ ๑ ล้านออนซ์  ในราคาออนซ์ละ  ๓๕ เหรียญสหรัฐฯ  และได้นำทองคำนั้นมาเก็บไว้ในห้องนิรภัยกระทรวงการครัง  ซึ่งยังคงรักษาไว้เป็นทุนสำรองเงินบาทอยู่จนปัจจุบัน

ทัน ที่ที่กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้าประเทศไทย  เมื่อวันที่ ๘  ธันวาคม ๒๔๘๔  ผู้นำเผด็จการทหารของไทยเวลานั้นเข้าร่วมกับญี่ปุ่นประกาศสงครามกับสัมพันธ มิตรสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ  นายปรีดีได้อาศัยฐานะของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทำการประสานความสามัคคีของคนไทยทุกฝ่ายทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ  นับตั้งแต่พระบรมวงศานุวงค์  ทหาร ตำรวจ  ข้าราชการพลเรือน  นิสิตนักศึกษา  ปัญญาชน กรรมกร ชาวไร่ชาวนา  ทำงานกู้ชาติบ้านเมืองในนามของขบวนการเสรีไทย  โดยมีท่านเป็นหัวหน้า  มีชื่อจัดตั้งว่า รูธ  ภารกิจของขบวนการเสรีไทยคือร่วมมือกับคนไทยและสัมพันธมิตรต่อสู้ญี่ปุ่นผู้ รุกราน  และปฏิบัติการให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงของราษฎรไทย ไม่เป็นศัตรูต่อฝ่ายสัมพันธมิตร  เพื่อหวังผลให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองว่าไทยเป็นรัฐเอกราชไม่ตกเป็นประเทศแพ้ สงคราม
ภาย หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒  นายปรีดีได้ใช้ความรู้ความสามารถเจรจาต่อรองกับฝ่ายสัมพันธมิตร  ทำให้ประเทศไทยไม่ต้องถูกยึดครองโดยฝ่ายสัมพันธมิตร  ทำให้ประเทศไทยเป็นเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้  และท่านมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ ๕๕ ของสหประชาชาติ  ซึ่งเป็นองค์การของผู้ชนะสงครามโลกในเวลานั้น  ต่อมาเมื่อวันที่ ๘ ธันวา ๒๔๘๘ มีพระบรมราชองการ  ยกย่องนายปรีดี พนมยงค์  ไว้ในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส  และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษและนพรัตน์ราช วราภรณ์  อันเป็นชั้นสูงสุดที่สามัญชนพึงได้รับ
๙  มิถุนายน ๒๔๘๙  รัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคต  นายปรีดี พนมยงค์   นายกรัฐมนตรีได้ขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาให้อันเชิญพระเจ้าน้องยาเธอ  เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลยเดช ขึ้นครองราชย์สืบสันติวงค์ต่อไป  และรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์  เสร็จการประชุมรัฐสภา  นายปรีดีได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  โดยเหตุผลว่า  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้เสด็จสวรรคตเสียแล้ว
( นายสุภา  ศิริมานนท์  นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ได้กล่าวใน  สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์  ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๖)
“ ผมเห็นว่าชีวิตของท่านมีสองอย่าง  คือถ้าไม่มีท่าน  ไทยจะไม่มีประชาธิปไตยและไม่มีเอกราช  เพราะท่านตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นมา  เพื่อไม่ให้ไทยชื่อว่าเป็นประเทศแพ้สงคราม  ส่วนกรณีสวรรคตนั้น  ยังเป็นเรื่องที่ต้องสะสางกันต่อไป  เป็นการใส่ร้ายป้ายสี  ใครที่บังอาจกล่าวเรื่องนี้ต้องแพ้คดีในศาลหมด “
        พฤศจิกายน ๒๔๙๐  พลโท ผิน ชุณหะวัณ  และทหารบางกลุ่มได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือน  ซึ่งมีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์เป็นนายกรัฐมนตรี  และใช้กำลังทหารประกอบด้วยรถถังและอาวุธทันสมัยระดมยิงเข้าไปในทำเนียบท่า ช้างเพื่อจับตัวนายปรีดีซึ่งเป็นเพียงรัฐบุรุษอาวุโส  เป็นผลให้นายปรีดีต้องหนีตายไปสิงคโปร์  และแม้ว่านายปรีดีได้รวบรวมกลุ่มผู้รักชาติในนามของขบวนการประชาธิปไตย  ๒๖  กุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ เข้าต่อสู้กับคณะรัฐประหาร แต่ก็ประสบความพ่ายแพ้  ทำให้นายปรีดีต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศจีน  เหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นการปิดฉากการปกครองระบอบประชาธิปไตย  และส่งผลให้อำนาจมืดครอบงำการเมืองไทยไปอีกยาวนาน.
( ที่มาจาก สารคดี ฉบับพิเศษ คือวิญญาณเสรี  ปรีดี พนมยงค์  พฤษภาคม ๒๕๔๓ )

ประเทศขยะ??? ปัญหาขยะ ??? ในสายตา คมช. อำมาตย์ นายทุน ขุนศึก นักเล่นการเมือง .มองประเทศชาติและประชาชนเป็นปัญหาขยะได้อย่างไร..???..ทั้งๆที่ประชาชนและประเทศชาติถูกเผด็จการอำมาตย์ทรราชสั่งจับเป็นตัวประกัน..เปิดหน้าเปิดตาพิสูจน์ "ทฤษฎีสมคบคิด"ให้เห็นจะๆกันไปเลย. เสื่อมสุดๆ....



[​IMG]



"เพื่อไทย" ดอดถก "คสช." หารือปฏิรูปประเทศ
แนะรธน.ฉบับใหม่ต้องเป็นประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาสมาชิกพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคพื่อไทย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทยและตน
เป็นตัวแทนของพรรค ไปร่วมหารือและให้คำปรึกษาด้านการปฏิรูปประเทศ
ที่กระทรวงกลาโหม ตามคำเชิญของคณะทำงานด้านการปฏิรูปประเทศ คสช.
ซึ่งบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมให้ความร่วมมือที่จะสร้างความปรองดอง สมานฉันท์
โดยทางพรรคให้ความสำคัญในประเด็นหลักๆ คือ
เรื่องของรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ที่มาของสภาปฏิรูป
ซึ่งจะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพ
รวมถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นขณะนี้
พรรคเพื่อไทยเสนอว่าต้องยึดหลักความยุติธรรม
การใช้หลักธรรม คือการให้อภัย
ซึ่งผู้มีอำนาจต้องเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ได้เสนอทาง คสช.ให้เร่งขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น
ซึ่งภาคประชาชนและภาคเอกชนมีส่วนสำคัญ
ที่จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องดูแลอย่างเข้มข้น

“สำหรับปัญหาที่ คสช.ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยและ คสช.เห็นสอดคล้องต้องกัน
คือการแก้ไขปัญหาขยะ
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น
ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา โดยเฉพาะทาง กฟผ.และ กฟภ.
ควรนำขยะมาผลิตเป็นไฟฟ้า รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน
ไปจนถึงการปฏิรูประบบราชการ
ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค” นายชวลิต กล่าว

นายชวลิต กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย
แม้จะหยุดทำกิจกรรมทางการเมือง
แต่เรายังให้ความสำคัญกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ถูกดำเนินคดีและ
ต้องขึ้นศาลทหาร ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะเข้าไปดูแลและ
ให้ความช่วยเหลือ ทั้งในแง่ข้อกฎหมายและการจัดหาทนายความ
รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ
ขณะขึ้นศาลทหาร ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย
จะไม่ทอดทิ้งสมาชิกพรรคอย่างแน่นอน

๒๑ มิ.ย. ๕๗ วันที่สามสิบเอ็ด เข้าโหมดทหารแช่แข็งประเทศไทย "ตามแผนปิดประเทศ" สมใจอำมาตย์เผด็จการทรราชราชาธิปไตย สำหรับประชาชนไทยโปรดเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมตัดสินใจเลือกชีวิตตัวเอง "ก่อนเวลาลับหาย" กับใครแช่แข็งตัวเองได้แข็งตายเอง



อ่านกลอน สุจิตต์ วงษ์เทศ : เฉาตายเอง
หนุมานชาญกำแหงมากแรงฤทธิ์

หยุดรถพระอาทิตย์หาได้ไม่

โลกหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดไป

ใครแช่แข็งตัวเองได้แข็งตายเอง

สุจิตต์ วงษ์เทศ

ข่าวสดออนไลน์ เสาร์ 21 มิถุนายน 2557
 
อ่านบทกวี "ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น" โดย สุชาติ สวัสดิ์ศรี
เมื่อ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า  
ต่อไปนี้คือบทกวีที่ผมจะอ่านในงานชุมนุมช่างวรรณกรรมประจำปี 2557 ที่หอศิลป์ มศว. ประสานมิตร ในงานแสดงศิลปะ "ก่อนเวลาลับหาย"
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง
ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย
ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ
ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า
ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าภูเขา
ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์
ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากปากกระบอกปืน
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากปากกระบอกปืน 
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
อ่านครั้งแรกในงานวันต้อนรับ "ศิลปินแห่งชาติ" ประจำปี พ.ศ. 2554
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544

เทศกาลแย้ลงรู "กำจัดมาเฟีย" โจรปราบโจร เพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ไว้คนเดียว แล้วประเทศชาติและประชาชนได้อะไร????




การ์ตูนเซีย 21/6/57 เทศกาลแย้ลงรู

[​IMG]

เสียงป่าวร้อง ก้องรู เฮ้ยสูหลบ
ความสงบ คืนเร็วรี่ บ่มีหือ
คสช. เขาจัดให้ ได้ร่ำลือ
ว่านี้คือ คืนความสุข สู่ประชา....
ตะกวด แย้ แลเห็น เป็นต้องหลบ
ยอมสยบ ลงรู ไม่สู้หน้า
ทั้งมาเฟีย ใหญ่น้อย จ๋อยทันตา
สุขทั่วฟ้า ประเทศไทย ทันใดเอย....

๓ บลา

fredag 20 juni 2014

ผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ก็รักชาติ มิใช่อาชญากร.....



by  Ngaesai


เมื่อสิ้นเสียง ปืนดัง กังวานฟ้า
ผู้ถามหา เสรีภาพ ก็ดับดิ้น
เมื่ออำนาจ เถื่อนถ่ม ข่มขู่ดิน
จักไม่สิ้น ผู้กล้า ร้องท้าทาย

   
อำนาจใด ได้มา มิชอบธรรม
จึงครอบงำ เมามัว กลัวสูญหาย
หลงเตลิด พันพัว จนตัวตาย
ย่อมถึงจุด สุดท้าย ไม่ยั่งยืน

 
ไม่มีใคร ใหญ่เกินกรรม อยู่ค้ำฟ้า
หมดวาสนา ลากลับ หลับไม่ตื่น
หมดวาระ จะเกษียณ เพื่อเปลี่ยนคืน
แต่อยากหื่น ฝืนต่อ ขอชีวิต

   
ถึงคราวไป ไม่ยอมไป ด้วยใจหวง
ติดในบ่วง ตัณหา ประกาศิต
เพียงเวลา เหลือวัน อันน้อยนิด
กลับสิ้นคิด ต่อทาง สร้างเวรกรรม

   
ยื้อยุดต่อ เพราะหลงไหล ในลาภยศ
เเม้ใกล้หมด ไม่ยอมทิ้ง ยิ่งถลำ
ไม่เคยคิด ถึงผล ที่ตนทำ
ตาดำๆ อีกกี่คน ต้องทนทุกข์

 
เมื่อเสียงปืน กังวาน สะท้านฟ้า
เหล่านกกา บินหนี ไร้ที่สุข
บ้างทนอยู่. บนความกลัว ขนหัวลุก
บ้านเคยซุก หัวนอน ร้อนเป็นไฟ

 
จึงความร้อน ทั้งหลาย ดับไม่หมด
หากยังกด สิทธิ์เสรี ไม่มีไห้
และความสุข ที่ยัดเยียด เบียดเข้าไป
ก็ยิ่งไกล เกินสร้าง ทางปรองดอง

   
ยุติธรรม ล้วนๆ ควรเทียมเท่า
คือหนทาง บรรเทา ความเศร้าหมอง
คืนอำนาจ ให้ปวงชน บนครรลอง
ผู้เรียกร้อง ก็รักชาติ มิใช่อาชญากร.....





[​IMG]

เรื่องเบาๆ ฝัน ฝัน มีคนนอนหลับฝันดี " เกิดนิมิตร เดือนต่ำดาวตก " มาช่วยกันทำนายฝันเพื่อคลายความเครียด ...ในยุคบ้านเมืองปกครองด้วยกฎทหาร...

by  akausa



17 มิถุนายน 2014 - 20:49
ว่าแต่ว่าจะเริ่มต้นยังไงดีหว่าเพราะมันเป็นเรื่องฝัน....ฝันมาหลายวันแระเก็บงำไว้คนเดียวไม่ได้อีกต่อไป...ต้องระบาย....ต้องระบาย....
 
ในฝันมีอยู่ว่า.....คืนหนึ่ง...ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ในที่โล่งแจ้ง..จะว่าป่าก็ไม่ใช่..ทุ่งนาก็ไม่เชิงแล้วเหมือนปรากฎว่ามีแสงส่องมาทางด้านหลังผม....ผมก็แปลกใจว่ามันเป็นแสงอะไร..ในเมื่อไม่มีบ้านคน...ไม่มีถนน..ไม่มีไฟฟ้า...ผมก็หันกลับไปดูก็เห็นดาวตกหรือผีพุ่งใต้วิ่งจากทางทางทิศตะวันออกข้ามหัวผมไปทางทิศตะวันตก...แล้วก็หายลับกับขอบฟ้าไป....
 
ขณะที่ผมกำลังตลึงงันอยู่กับแสงนั้นก็มีเสียงพูดดังขึ้นว่า....สิ้นไปหนึ่งแล้ว...สิ้นไปหนึ่งแล้ว...คนสำคัญของแผ่นดิน...แต่ยังไม่สามารถป่าวประกาศให้ราษฎร์ประชาทราบได้เพราะจะเกิดโกลาหล....ต้องรอให้อีกหนึ่งสิ้นก่อนจะได้ประกาศว่าสิ้นภายในวันเดียวกัน....จะได้เป็นอภินิหารอันยิ่งใหญ่
 
เจ้าเห็นดาวอีกสามดวงที่ส่งแสงริบหรี่ตรงกลางฟ้านั่นไหม.....ผมไม่ได้มองหาเจ้าของเสียง...แต่มองขึ้นไปในกลางฟ้า...ก็เห็นดาวอีกสามดวงส่งแสงริบหรี่อยู่...สองดวงอยู่ใกล้กัน....อีกดวงหนึ่งอยู่ห่างออกไป.....
แล้วเสียงนั้นก็กล่าวขึ้นอีกว่า...ดาวสามดวงนั่นจะตกหรือดับสูญในเวลาไล่เลี่ยกัน..


ดวงที่อยู่สูงสุดจะร่วงก่อนถัดไปก็จะเป็นดาวดวงโตนั่นและดาวที่อยู่ห่างออกไป จะมีการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินขนานใหญ่อย่างที่ผู้คนนึกไม่ถึง....สิ่งที่ไม่เคยบังเกิดขึ้นกับแผ่นดินก็จะเกิด...คนคุมบังเหียนแผ่นดินก็จะมีสภาพเหมือนตกกระไดพลอยโจร...ต้องปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามฟ้าลิขิต..ภายในปี 2560..นี่แหละ...จงคอยดู.....จงคอยดู.....


พลันสิ้นเสียงกล่าว.....ผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นพอดี....จึงรู้ว่าเป็นความฝัน...นอนหลับตาลำดับภาพอีกทีก็ได้อย่างที่เล่ามาให้ทราบนั่นแหละ
ใครพอจะทำนายฝันของผมได้ไหมเนี่ย.......

20 มิถุนายน 2014 - 21:51

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา
ใครอย่าอหังการ์ว่าเป็นดาวแล้วต้องอยู่ค้ำฟ้าไม่มีวันดับ  แต่ละดวงล้วนมีความหมายเกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์ เพราะเราคนไทยหรือแม้แต่ชาติอื่นๆหลายๆชาติก็มีความเชื่อมั่นในดวงดาว เชื่อมั่นในโหราศาสตร์ ก็ต้องแหงนหน้าดูดวงดาวเป็นประจำอยู่แล้ว ก็เลยเกิดมีการเคารพนับถือดวงดาว มีเซ่นบูชากราบไหว้เทวดาประจำดาวนพเคราะห์
โดยเฉพาะพระราหู เป็นดาวที่ค่อนข้างอิ่มหมีพีมันเป็นพิเศษ แค่ไปวัดศีรษะทองก็อิ่มตลอดวันด้วยของเซ่นไหว้สีดำ ๆ (วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม เป็นสถานที่ไหว้พระราหูอันเลื่องชื่อ ของเซ่นไหว้สีคำจะต้องมี 8 อย่างเช่น...1. ไก่ดำ 2. เหล้าดำ 3. กาแฟดำ 4. เฉาก๊วย 5. ถั่วดำ 6. ข้าวเหนียวดำ 7.ขนมเปียกปูน 8. ไข่เยี่ยวม้า ได้เอาลิงค์มาให้ดูประกอบว่าความหมายของแต่ละอย่างหมายถึงอะไรข้างล่าง )
ดูเหล่าดวงดาวในภาพนี้สิ…มันช่างอยู่ในตำแหน่งเหมือนเรื่งที่ผมเคยฝันมาแล้ว..(ในเรื่อง..เรื่องนี้ต้องรายงาน.....)

ในภาพประกอบนี้มีดาวหายไปคือหมายเลข 2 ต้องขออภัยท่านผู้อ่าน ภาพมันถูกตัดไปตรงนั้นเลยทำให้ดาวมีไม่ครบ
ก็เลยทำให้ดาวดวงนี้หายไปจากจอซึ่งหายไปราว ๆ กลางเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา
ทางหอดูดาวเก็บงำความลับเงียบเชียบ กระเด็นมาหาผมนิดเดียว ผมหาทางตะกายขึ้นหอดูดาว แต่เขาไม่อนุญาตเลยได้ข้อมูลมาเพียงเท่านี้
แต่ไหนแต่ไรมาทางหอดูดาวเขาก็มีภาพดวงดาวปรากฏทุก ๆ ดวงนะครับ เวลาดาวดวงไหนกลายเป็นดาวแคระและดับสูญ หรือถูกดึงดูดหายเข้าไปในหลุมดำ เขาก็จะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ
แต่เดี๋ยวนี้ทางหอดูดาวก็มีอะไรประหลาด ๆ ดาวบางดวงหายไปก็ไม่ยักประกาศให้ผู้คนได้ทราบกัน
อ้อ...ขออธิบายดาวแต่ละดวงสักนิด ดาวหมายเลข 1 เป็นเสมือนดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ เป็นประธานจักรวาลหนึ่ง มีแสงโชติช่วงชัชวาล เคยส่องแสงสุกสกาวราวกับดาวพระศุกร์ในจักรวาลของเรา แต่มาระยะหลังนี้แสงจะริบหรี่ลงไป ถ้าสักวันมันหายไปก็หมายถึงถูกดึงดูดหายไปในหลุมดำเป็นแน่แท้
คาดเดาว่าทางหอดูดาวอาจประกาศการหายไปของดาวหมายเลข 2 พร้อม ๆ กันกับการหายไปของดาวหมายเลข 1 เพราะช่วงที่ผ่านมาดาวสองดวงนี้เหมือนดาวคู่แฝด มีแสงส่องสว่างจ้าอยู่ท่ามกลางดาวนับล้าน ๆ ดวง มันเพิ่งหายไปเมื่อราวกลางเดือนที่ผ่านมานี่เอง (โดยการสังเกตการณ์ผ่านกล้องดูดาวขนาดใหญ่ฮับเบิ้ล)
ส่วนดาวหมายเลข 3-7 นั้นเป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์แฝด เมื่อดาวสุริยะของจักรวาลนั้นล่มสลายก็คงจะสลายตามไปด้วย เนื่องเพราะการระเบิดของดาวเคราะห์ขนาดใหญ่นั้นมันมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ดาวเล็กดาวน้อยที่อยู่ใกล้ชิดก็จะถูกแรงระเบิดกระแทกทำลายไปด้วย อันเป็นหลักธรรมชาติของสรรพสิ่งที่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เป็นธรรมดา……




 

เผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย??? "ตอนนี้กองทัพได้นำเอาปัตตานีโมเดลมาใช้กับทั้งประเทศ" ภายใต้ปลายกระบอกปืนขุนศึกของพระราชา...เพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ให้ระบอบเผด็จการทรราชราชาธิปไตย...



"ชาวใต้ผู้ไม่ต้องการความรุนแรงหวาดกลัวว่ารัฐประหารกำลังบั่นทอนเสรีภาพครั้งใหม่ของพวกเขา"

[​IMG]

บทความโดย Andrew R.C. Marshall จาก ปัตตานี, ประเทศไทย วันที่ 17 มิถุนายน 2557

(ได้รับการแปลภาษาไทยโดนแฟนเพจ
นักข่าวหน้าจอ ท่านที่สนใจสามารถติดตามข่าวประเทศไทยจากต่างประเทศไทยที่ไม่ถูกเซ็นเซอร์ได้ที่นี่)
------------
ปัตตานี ประเทศไทย (รอยเตอร์) - เมื่อก่อนพวกเขาเคยอภิปรายให้ฟังถึงการคอร์รัปชั่นและการเมือง พวกเขาเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องการประกันสุขภาพ พูดถึงเรื่องสิทธิสตรี พูดเกี่ยวกับความกังวลว่าจะเลี้ยงดูบุตรหลานให้เติบโตขึ้นมาในมุมมืดแห่งนี้ของประเทศไทยได้อย่างไร ในดินแดนที่ซึ่งสงครามได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 6,000 คนในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

แต่ตอนนี้พวกเขาก็เงียบงันไป

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ "มีเดียเซลาตัน" สถานีวิทยุชุมชนเป็นที่นิยมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่ซึ่งมุสลิมผู้แบ่งแยกดินแดนใช้เป็นฐานในการต่อสู้กับทหารของรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2547 แต่หลังจากการยึดอำนาจในวันที่ 22 พฤษภาคมโดยกองทัพไทย คณะผู้ยึดอำนาจก็ได้ออกคำสั่งให้ทำการปิดสถานีวิทยุชุมชนนับพันแห่งทั่วประเทศ และ มีเดียเซลาตัน ก็เป็นหนึ่งในสถานีที่ถูกปิดไป

มีเดียเซลาตัน ซึ่งเป็นชื่อภาษามาเลย์อันมีความหมายว่า "สื่อของชาวใต้" นั้น เป็นมากกว่าพื้นที่แสดงความเห็นของประชาชนผู้เบื่อหน่ายกับภาวะสงครามในพื้นที่ นับตั้งแต่ที่มีการเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพขึ้นเมื่อปีกลายสถานีดังกล่าวยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเบ่งบานของเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมืองของมุสลิมผู้พูดภาษามาเลย์ในพื้นที่ ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนที่ปกครองโดยชาวพุทธที่พูดภาษาไทย

ชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายคนเริ่มกังวลว่าต่อไปนี้กองทัพจะใช้การทำรัฐประหารครั้งนี้เพื่อทวงคืนเสรีภาพที่ได้มาอย่างยากลำบากของพวกเขา "มันเหมือนกับการปิดหูปิดตาประชาชน" Wanahmad Wankuejik กล่าวถึงกรณีที่สถานีของเขาได้ถูกปิดลงตามคำสั่งของคสช.

กลุ่มประชาสังคมในพื้นที่ได้ออกมาแสดงความห่วงไยแล้วว่าการเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูง และการเข้ามารับผิดชอบพื้นที่ของผู้บัญชาการทหารที่ค่อนข้างแข็งกร้าวเหล่านี้อาจจะทำให้สถานการณ์เปราะบางในพื้นที่ซึ่งก็นับว่าเป็น ความขัดแย้งที่เลวร้ายที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ยิ่งแย่เข้าไปอีก

วันที่ 24 พฤษภาคม มีการเหตุระเบิดต่อเนื่องกันหลายจุดในเขตอำเภอเมืองปัตตานีซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก เหตุการณ์ในวันนั้นได้คร่าชีวิตประชาชนไป 3 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกนับสิบ นี่อาจจะเป็นสัญญาณกระตุ้นให้เกิดความกลัวที่ว่าความรุนแรงครั้งใหม่ภายหลังการทำรัฐประหารอาจกำลังประทุขึ้น

"กรุงเทพยังไม่ว่าง"

ภายหลังจากการถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยกว่าศตวรรษที่ผ่านมา ดินแดนด้ามขวานแห่งนี้ก็ได้ถูกบ่มเพาะด้วยไร้ซึ่งความสนใจใยดีจากการปกครองทางไกลของกรุงเทพฯ เป็นผลให้ความรุนแรงครั้งล่าสุดเริ่มประทุขึ้นในช่วงต้นปี 2543 ซึ่งเกิดขึ้นจากกลุ่มเครือข่ายติดอาวุธที่เข้มแข็งนับพันในพื้นที่ ต่อสู้กับเจ้าหน้าภาครัฐกว่า 60,000 นายอันประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ และ กองกำลังกึ่งทหาร (อาทิ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ลูกเสือขาวบ้าน ฯลฯ - VFV)

มีรายงานในพื้นที่ที่เกี่ยวกับการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน การขับรถยิงกราด การตัดศรีษะ และการวางระเบิดเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน กฎอัยการศึกซึ่งเพิ่งถูกประกาศใช้ในเดือนที่ผ่านมาในส่วนอื่นๆของประเทศไทยนั้นในความเป็นจริงได้ถูกประกาศใช้ในปัตตานีและพื้นที่ใกล้เคียงอันรวมถึงจังหวัดนราธิวาส และ ยะลามาเป็นนับเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว

รัฐบาลที่ผ่านมาหลายๆรัฐบาล และคนไทยส่วนใหญ่ ต่างก็สาละวนกับการจัดการเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วในส่วนอื่นๆของประเทศ จนลืมที่จะให้ความสนใจกับปัญหาที่เกิดในพื้นที่ส่วนที่เรียกว่าดินแดนใต้สุดของประเทศแห่งนี้

กองทัพได้ทำการรัฐประหารขึ้นในเดือนพฤษภาคมภายหลังจากการประท้วงบนถนนที่ยืดเยื้อและรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมากว่าหกเดือน ซึ่งเป็นการประทุอีกครั้งของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง ชนชั้นนำผู้จงรักภักดีซึ่งมีถิ่นอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก กับ กลุ่มเสื้อแดงซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชนบท ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนอดีตนายกผู้ถูกยึดอำนาจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ พี่ชายของเธอ อดีตนายก ทักษิณ

ก่อนที่วิกฤติทางการเมืองครั้งนี้จะประทุขึ้น รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ได้เริ่มต้นการเจรจาสันติภาพขึ้นกับกลุ่มที่ก่อความรุนแรง Barisan Revolusi Nasional (หรือ ภาษาอังกฤษว่า National Revolutionary Front, หรือ BRN) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของประเทศมาเลเซียเมื่อปีก่อน

การเจรจาต้องสะดุดลงในที่สุด แต่การเจรจาที่เกิดขึ้นก็มีมากพอที่จะกระตุ้นให้กลุ่มประชาสังคมต่างๆ ซึ่งรวมถึง นักเคลื่อนไหวทางสังคม นักวิชาการ นักข่าว นักศึกษา และ นักกฎหมายออกมามีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นมากขึ้น พวกเขาต่างก็พูดกันถึง การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ และเรียกร้องให้มีการให้ความสำคัญมากขึ้นต่อ ภาษามาเลย์ วัฒนธรรม และความแตกต่างในพื้นที่

การกลับมาเปิดการเจรจาสันติภาพอีก "น่าจะไม่เกิดขึ้น"

ตั้งแต่การยึดอำนาจ กองทัพได้กระทำการในสิ่งที่นายตำรวจอาวุโสคนนึงขนานนามว่าเป็นการ "สังคายนาระบบ" ของข้าราชการที่พวกเขาเชื่อว่ามีความจงรักภักดีต่อทักษิณ หรือ ยิ่งลักษณ์

หนึ่งในนั้นคือ ทวี สอดส่อง อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารกิจการชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) ทวีนั้นเป็นที่นิยมในหมู่ของชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ด้วยนโยบายการจ่ายเงินช่วยเหลือเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง และ ความพยายามสืบสวนกรณีการใช้อำนาจในทางไม่ชอบโดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐ

แต่เพียงแค่สองวันหลังการรัฐประหาร เขาก็ถูกย้ายเข้าไปยังหน่วยงานที่ไม่มีความสำคัญ และตำแหน่งของเขาก็ถูกแทนที่ด้วย ภานุ อุทัยรัตน์ อดีตผู้บริหารของศอบต. ซึ่งมีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับกลุ่มผู้จงรักภักดีกับราชวงศ์และกลุ่มผู้นำของกองทัพ

แต่ที่เป็นที่น่ากังวลสำหรับกลุ่มประชาสังคมมากกว่าคือการที่ พล.ท.วลิต โรจนภักดี เข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นกองพลซึ่งมีความรับผิดชอบโดยตรงในการควบคุมภาคใต้ของประเทศไทย พล.ท.วลิต ถูกมอบหมายให้รับผิดชอบตำแหน่งนี้ในการโยกย้ายของกองทัพสองเดือนก่อนการรัฐประหาร

พล.ท.วลิตก็เหมือนกับผู้นำรัฐบาลทหารคนปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ตรงที่ต่างก็มาจากทหารในกลุ่มสาย "บูรพาพยัคฆ์" หรือ กองกำลังรักษาพระองค์ของพระราชินี ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีส่วนสำคัญในการทำรัฐประหารทั้งสองครั้งที่ผ่านมา คือในเดือนก่อน และในปี 2549 ครั้งที่เอาทักษิณลงจากอำนาจ

ในปี 2553 พล.ท.วลิตได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่นายทหารผู้ช่วยของเขาตายในระหว่างการประทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงวันที่ 10 เมษายนในกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นผู้ควบคุมกองพันทหารราบที่ 2 ซึ่งเป็นกองกำลังที่เป็นศูนย์กลางในการเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมโดยการทหารอันยังผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 คน

วลิตนั้นน่าจะเป็นพวกที่ "ยึดถือแนวทางตามตำรากลยุทธทางการทหาร" โดยแนวทางการบัญชาน่าจะเป็นการเน้นเรื่องการหาข่าว และ เพิ่มความถี่การเข้าจู่โจมที่แหล่งหลบซ่อนของพวกผู้ก่อความไม่สงบให้มากขึ้น ตามความเห็นของ แอนโทนี เดวิส ซึ่งที่มีถิ่นอยู่ในประเทศไทยและนักวิเคราะห์ให้กับองค์กรให้คำปรึกษาด้านความมั่นคง IHS-Jane's

เดวิสกล่าวต่อว่า หรือไม่เขาก็อาจจะกลับมาใช้วิธีการซึ่ง "เป็นการโต้ตอบการต่อต้านที่รุนแรงมากขึ้น" ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกใช้มาในช่วงปี 2550 และ 2551 ในเวลานั้นผู้ต้องสงสัยชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์เป็นจำนวนนับร้อยคนถูกควบคุมตัวจากผลของการปฏิบัติการทางการทหารที่เป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นการเติมไฟให้เกิดความคับข้องใจจากชาวบ้านมาก แต่กลับมีผลบรรเทาช่วยสถานการณ์ความรุนแรงระยะยาวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม มันจะไม่ใช่การปฏิบัติการแบบปกติ" เดวิสกล่าว เผด็จการทหารจะไม่มีทางที่จะกลับมาเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มก่อความไม่สงบ BRN ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าแน่ๆ เขากล่าวเพิ่มเติม
"เอาชนะใจและความคิด"

วิธีการใช้ความรุนแรงอาจจะทำให้ความขัดแย้งถูกยกระดับจากที่จำกัดอยู่ในวงของจังหวัดชายแดนขึ้นมาอยู่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว โดยปกติเมืองหาดใหญ่ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้กับพื้นที่ความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ก็ต้องเผชิญกับการโจมตีโดยการวางระเบิดอยู่หลายครั้งอยู่แล้ว แต่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านก็ยังปรากฎว่าตำรวจในจังหวดภูเก็ตได้ตรวจพบคาร์บอมบ์และจัดการถอดชนวนออกได้

พ.อ วีระชน สุคนธปฏิภาค โฆษกของกองทัพกล่าวว่า "การเจรจาสันติภาพยังคงเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานของเรา" ซึ่งเป็นกล่าวเพิ่มเติมว่ารัฐบาลเผด็จการทหารกำลังออกแบบแผนการเพื่อที่จะ "นำเอาทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหา"

"เรายังคงเชื่อว่าในการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องเอาชนะใจ และความคิดของคนในพื้นที่" เขากล่าว

ถึงอย่างนั้นก็ตาม นักข่าวหลายๆคน รวมถึงนักเคลื่อนไหวต่างก็เตรียมพร้อมที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หลังจากการรัฐประหาร พล.ต.วลิตได้ทำการเรียกตัวนักข่าวหลายคนเข้าไปยังค่ายทหารของเขา และเตือนว่าการตีพิมพ์เรื่องราวที่ "เป็นลบ" เกี่ยวกับกองทัพจะมีความผิดที่ต้องระวางโทษจำคุกสองปี

มาตรการหลายๆอย่างที่ถูกนำมาใช้โดยคณะรัฐประหารเพื่อที่จะกดขี่ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารในประเทศไทยครั้งนี้ ดูเป็นวิธีโสมมที่คุ้นเคยของชาวมุสลิมในภาคใต้ของไทยมาก

ในเดือนที่ผ่านมา มีนักเคลื่อนไหวและนักการเมืองหลายร้อยคนถูกควบคุมตัวโดยไม่มีข้อหาในค่ายทหาร ซึ่งหลายคนต้องเข้าสู่กระบวนการที่เจ้าหน้าที่ทหารเรียกว่า "การปรับทัศนคติ"

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเช่นกัน ที่มีชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในพื้นที่ นับพันคนที่ถูกควบคุมตัวและบางครั้งก็ถูกทรมาณโดยกองทัพ หรือ บางคนก็ถูกบังคับให้เข้าสู่แผน "การอบรมให้การศึกษาใหม่"

การรณรงค์ครั้งล่าสุดของกองทัพหลังการรัฐประหารเพื่อ "นำความสุขคืนสู่คนไทย" โดยการจัดงานงานแสดงรื่นเริงขึ้นนั้น ทำให้นึกถึงเสียงคร่ำครวญที่เล็ดลอดออกมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดินแดนที่ซึ่งมีความพยายามที่จะเอาชนะหัวใจและความคิดของคนในพื้นที่ แต่กลับละเลยถึงการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของเจ้าหน้าที่

"ตอนนี้กองทัพได้นำเอาปัตตานีโมเดลมาใช้กับทั้งประเทศ" นักข่าวในพื้นที่ที่ไม่ประสงค์จะเอ่ยนาม เพราะเกรงเรื่องความปลอดภัยคนหนึ่งกล่าว "เพื่อนของผมหลายๆคนที่กรุงเทพบอกกับผมว่า ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าจะรู้สึกแบบไหนถ้าต้องมาใช้ชีวิตอยู่ทีนี่"

แปลโดย VFV
ที่มา :
http://www.reuters.com/article/2014/06/17/us-thailand-pattani-insight-idUSKBN0ES2TQ20140617

อัพเดทข่าวทั่วไป เพื่อทันต่อสถานการณ์บ้านเมือง ยุค "ผู้สั่งการลอยนวล" ปล่อยให้ทหารเผด็จการครองเมือง ...มีการเล่นพรรคเล่นพวก .ตรวจสอบไม่ได้...






[​IMG]


[​IMG]


Pavin Chachavalpongpun
คุณประยุทธบอกว่า สาเหตุหนึ่งของการทำรัฐประหารก็เพื่อล้างไพ่ทักษิณ ความเลวที่เกิดขึ้นในระบอบทักษิณ การโกง การเล่นพรรคเล่นพวก
แต่ทำไมคุณประยุทธเอาคนของตัวเองขึ้นมาครองตำแหน่งสำคัญละครับ ล่าสุด คือการนำนางพรทิพย์ (ขอไม่เรียกคุณหญิง เพราะกระดากปาก) กลับมาเป็น ผอ นิติเวชวิทยา อย่างนี้เล่นพวกไหม? นอกจากนี้ นางพรทิพย์ยังเป็นส่วนหนึ่งของการฉ้อฉลเรื่อง GT200 เอ..... ท่านจะปกครองประเทศด้วยความสุจริตได้เหรอเนี้ย???


[​IMG]




ทหารก็คือทหาร...คิดจะมาแก้ปัญหาประเทศ  แต่กำลังพาประเทศดิ่งลงเหวลึก...





พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เสนอแนวคิดเปลี่ยนธนบัตรรูปแบบใหม่ แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น บีบกลุ่มเก็บเงินสดไว้บ้านออกมาแลกธนบัตรใหม่ เพื่อให้สถาบันการเงินตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2557 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสถาบันการเงิน โดย พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาคอร์รัปชั่นมาก แต่ไม่สามารถจัดการได้เด็ดขาด ซึ่งหลังจาก คสช. เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ ตนได้ดำเนินการตรวจสอบบ้านพักของบุคคลหลายแห่งและพบกระเป๋าเปล่า จำนวน 40 ใบ ที่คาดว่าเป็นกระเป๋าที่ใช้ขนเงินสด จึงต้องให้สถาบันการเงินช่วยตรวจสอบ



พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นในกลุ่มที่นำเงินสดเก็บไว้ที่บ้าน หากยกเลิกธนบัตรแบบเดิมและเปลี่ยนเป็นธนบัตรแบบใหม่ จะเป็นการบังคับให้ผู้ครอบครองธนบัตรเหล่านี้นำเงินสดมาแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตรชุดใหม่ ทางสถาบันการเงินจะสามารถตรวจสอบและแก้ปัญหาเงินที่มาจากคอร์รัปชั่นได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากจัดการกับธุรกรรมการเงินได้จะแก้ปัญหาการกระทำผิดได้ทุกเรื่อง ไม่เฉพาะปัญหายาเสพติด แต่รวมถึงธุรกิจมืดอื่น ๆ และการคอร์รัปชั่น เพราะหากไม่มีเงินแลกเปลี่ยนจำนวนมากก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงกระทำผิด

ด้าน พ.ต.อ.สีหนารถ ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ทาง ปปง. จะส่งรายชื่อบุคคลที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายไปให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ช่วยตรวจสอบติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกรรมเพื่อรายงานกลับมายัง ปปง. โดยจะเน้นบัญชีที่ค่อนข้างชัดเจน เพื่อให้สถาบันการเงินทำงานได้สะดวกมากขึ้น โดยจะใช้เวลาธนาคารตรวจสอบ 3 เดือน เพื่อรายงานข้อมูลกลุ่มที่มีความเสี่ยงเหล่านี้กลับมาให้ ปปง. ดำเนินการต่อไป
อ้างอิงเดลินิวส์

................................................


by  big60
21 มิถุนายน 2014 - 01:42
ธรรมดาสำหรับผู้แพ้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ พิศดารกว่านี้ก็อาจมีได้ ถึงได้บอกให้ รบ.สู้มาแต่ต้น เพราะผู้ชนะเท่านั้นจึงถูก ผู้แพ้ก็คือคนผิด ผู้ชนะเท่านั้นอยู่สุขสบาย ผู้แพ้ย่อมลำบาก ผู้ชนะย่อมเขียนกฏ ส่วนผู้แพ้ก็ต้องปฏิบัติตามกฏที่ผู้ชนะเขียน เมื่อแพ้ก็หมดทางถกเถียงต่อรอง

แต่ก็ไม่เคยมีเสียงตอบรับจากปลายทางสักที คงเห็นแต่อาการถอยหลังแบบไม่คิดชีวิต นั่นก็พอทราบชะตามกรรมอยู่ลางๆแล้ว ว่ามันจะจบยังไง เพราะมันเป็นทฤษฎีของการล่าที่เป็นสัจจะธรรม ที่เห็นกันอยู่จนชินตา ไม่ว่าสัตว์ป่าหรือมนุษย์ ก็ใช้ทฤษฎีเดียวกัน ในการล่าหรือถูกล่า

ผู้ล่า ไม่จำเป็นต้องตัวใหญ่แต่ใจต้องใหญ่ จึงกล้าไล่ล่า
ผู้ถูกล่า ไม่จำเป็นต้องตัวเล็กแต่ใจต้องเล็ก จึงยอมถูกไล่ล่า
ผู้ล่า ไม่จำเป็นต้องมากแต่เมื่อล่าไปเรื่อยๆจะมากขึ้นเอง เพราะไครก็อยากเป็นผู้ล่า
ผู้ถูกล่า ไม่จำเป็นต้องน้อย แต่เมื่อหนีไปเรื่อยๆจำนวนจะลดลงเอง เพราะไครก็ไม่อยากถูกไล่ล่า
สุดท้าย ผู้ถูกล่า ย่อมพ่ายแพ้เสมอ และงานนี้ เขาเป็นผู้ล่า ส่วนเราเป็นผู้ถูกล่า มันถึงเป็นแบบนี้

นี่ไม่ได้ต่อว่าอะไรกัน เพราะทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่า ย่อมมีเหตุผลของตัวเอง
ผู้ล่า ย่อมมีเหตุผลของการล่า ส่วนผู้ถูกล่า ย่อมมีเหตุผลของการยอมถูกล่า
แต่จนป่านนี้ ก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงยอมถูกล่า



“ยี่สิบสี่มิถุนา ยนมหาศรีสวัสดิ์ ปฐมฤกษ์ของรัฐ ธรรมนูญของไทย เริ่มระบอบแบบอา รยประชาธิปไตย เพื่อราษฎรไทย ได้สิทธิเสรี สำราญสำเริง บันเทิงเต็มที่ เพราะชาติเรามี เอกราชสมบูรณ์

82 ปีคณะราษฎร / โดย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

On June 20, 2014
0
7n
คอลัมน์ : ถนนประชาธิปไตย
ผู้เขียน : สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
คลิกฟังเสียง
ในที่สุดก็ถึงโอกาสครบรอบ 82 ปีประชาธิปไตยไทยในบรรยากาศที่เหลือเชื่อ จนผู้ก่อการคณะราษฎรไม่มีทางที่จะสร้างจินตนาการล่วงหน้าได้ว่าประชาธิปไตย จะมีการพัฒนาลดเลี้ยวอย่างนี้ ในโอกาสนี้จึงอยากเล่าทบทวนถึงคณะราษฎร ซึ่งเป็นกองหน้าที่นำประชาธิปไตยมาสู่สังคมไทย แม้จะถูกฝ่ายขุนศึกและพวกอนุรักษ์นิยมสลิ่มทำลายเสียมากมายก็ตาม
คณะราษฎรเริ่มต้นโดยนักเรียนไทยในปารีส 2 คนคือ นายปรีดี พนมยงค์ นักเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และนายประยูร ภมรมนตรี นักเรียนทุนส่วนตัวที่ไปเรียนวิชารัฐศาสตร์ ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนกันเรื่องปัญหาการเมืองของประเทศสยามเสมอ วันหนึ่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2467 ทั้งสองไปกินอาหารที่ร้านอังรีมาร์แตง นายประยูรได้ชักชวนนายปรีดีว่า “เราพูดเรื่องการเมืองมามากแล้ว สมควรจะลงมือเสียที”
นายปรีดีก็ตอบตกลง แต่ต่อมาอีก 2-3 วัน นายปรีดีเกิดความไม่แน่ใจ เพราะนายประยูรเป็นนายทหารมหาดเล็กของรัชกาลที่ 6 มาก่อน อาจเป็นสายลับมาลวงล่อ จึงถามนายประยูรว่า ที่คุยกันไว้จะเอาจริงหรือ นายประยูรก็ยืนยัน เพราะเห็นว่าบ้านเมืองควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบรัฐธรรมนูญเช่นอารยประเทศ และถือเป็นการแบ่งเบาภาระของพระมหากษัตริย์
คนที่ 3 ที่ได้รับการชักชวนเข้าร่วมคือ ร.ท.แปลก ขีตตะสังคะ นายทหารปืนใหญ่ที่มาศึกษาวิชาทหารปืนใหญ่เพิ่มเติมที่ฝรั่งเศส จากนั้นชักชวนกันจนได้สมาชิก 7 คนแรก จึงมีการเปิดประชุมที่บ้านของนายประยูร เลขที่ 5 ถนนซอมแมราด (Rue de Sommerad) ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 (ตามปฏิทินเก่า ซึ่งขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน) คนอื่นที่ร่วมประชุมอีก 4 คน ได้แก่ หลวงศิริราชไมตรี (จรูญ สิงหเสนี) ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นายตั้ว ลพานุกรม และนายแนบ พหลโยธิน ได้มีการกำหนดชื่อเรียกคณะก่อการนี้ว่า “คณะราษฎร” กำหนดให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ
เหตุผลอย่างหนึ่งที่นำมาสู่การคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองมาจากความรู้สึก ชาตินิยมแบบชนชั้นกลางที่เริ่มก่อตัวขึ้นในภาวะที่มหาอำนาจจักรวรรดินิยมที่ เคยครอบโลกในระยะก่อนหน้านี้เสื่อมอิทธิพลลงเพราะสงครามโลกครั้งแรก ปัญญาชนในดินแดนอาณานิคมและกึ่งอาณานิคมเช่นประเทศสยามได้เห็นความเพลี่ยง พล้ำของกองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสต่อกองทัพเยอรมัน เห็นการล่มสลายของจักรวรรดิรัสเซีย เห็นการเติบโตของมหาอำนาจใหม่เช่นสหรัฐอเมริกา และมหาอำนาจเอเชียเช่นญี่ปุ่น
ภายใต้สถานการณ์อันเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงเห็นกันว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเรื่องล้าหลัง ไม่อาจแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ และเมื่อเห็นประเทศประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าเช่นสวิตเซอร์แลนด์ จึงนำมาสู่แนวคิดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงประเทศสยามให้ก้าวหน้ามากขึ้น
จากนั้นคณะราษฎรได้ชักชวนนักเรียนนอกอีกหลายคนมาเข้าร่วม เช่น ร.ท.สินธุ์ กมลนาวิน ทวี บุณยเกตุ ประจวบ บุนนาค บรรจง ศรีจรูญ ม.ล.กรี เดชาติวงศ์ เป็นต้น ต่อมาเมื่อคนเหล่านี้กลับมาประเทศไทยก็ได้ชวนเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่งเข้าร่วม ขบวนการ เช่น ร.ท.แปลก ซึ่งได้เลื่อนเป็นหลวงพิบูลสงคราม ก็ได้ชวนหลวงอดุลเดชจรัส (บัตร พึ่งพระคุณ) หลวงอำนวยสงคราม (ถม เกษะโกมล) และหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น เข้าร่วมในคณะราษฎร
ส่วน ร.ท.สินธุ์ ซึ่งเลื่อนเป็นหลวงสินธุสงครามชัย ก็ได้ชักชวน ร.อ.สงวน รุจิราภา หลวงนาวาวิจิตร(ผัน อำไพวัลย์) หลวงศุภชลาศัย (บุง ศุภชลาศัย) และหลวงสังวรยุทธกิจ (สังวร สุวรรณชีพ) เป็นต้น การขยายสมาชิกของคณะราษฎรเป็นไปได้ช้า ต้องเริ่มจากผู้ที่ร่วมความคิดและไว้ใจกันได้ เพราะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมาก ถ้าหากข่าวรั่วไหลอาจจะถูกลงโทษขั้นกบฏ ซึ่งรุนแรงมาก
จนถึง พ.ศ. 2474 คณะราษฎรก็ยังไม่เห็นแนวโน้มที่จะสามารถยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ จนกระทั่งนายประยูรสามารถชักชวนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 4 คนเข้าร่วมคือ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) พ.อ.พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ) และ พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น)
ที่น่าสังเกตคือ พระยาพหลฯ พระยาทรงสุรเดช และพระประศาสน์ฯ ก็เป็นนักเรียนนอก เรียนวิชาทหารจากเยอรมันตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลก เมื่อชักชวนกันได้เช่นนี้จึงเสนอให้พระยาพหลฯเป็นหัวหน้าคณะราษฎร พระยาทรงสุรเดชเป็นรองหัวหน้า แต่ก็เป็นบุคคลที่สำคัญ เพราะเป็นผู้วางแผนการยึดอำนาจ
เนื่องจากคณะราษฎรต้องอาศัยการดำเนินงานแบบองค์กรลับ ไม่สามารถชักชวนทหารจำนวนมากหรือระดมมวลชนเข้าร่วมสนับสนุน ต้องอาศัยกำลังที่มีจำนวนน้อยไปก่อการ พระยาทรงสุรเดชจึงวางแผนลวงให้ทหารมาประชุมกันแล้วใช้กำลังทหารนั้นยึดอำนาจ ที่ประชุมคณะราษฎรได้เลือกวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันลงมือก่อการ เพราะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯไม่ได้ประทับอยู่ในพระนคร แต่ไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล ซึ่งเป็นการลดการต้านทานจากทหารรักษาพระองค์
เช้าวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน นายทหารฝ่ายคณะราษฎรได้ลวงกองทหารส่วนใหญ่ในพระนครมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูป ทรงม้า อ้างให้มาดูการซ้อมรบตามยุทธวิธีใหม่ โดยมีฝ่ายทหารเรือและนักเรียนนายร้อยล้อมอยู่ด้านนอก ได้กำหนดรหัสติดต่อระหว่างผู้ก่อการคือ ถ้าถามว่า “ดาว” ให้ตอบว่า “หาง” หมายถึงเป็นฝ่ายเดียวกัน สำหรับฝ่ายพลเรือนให้ดำเนินการตัดโทรศัพท์เพื่อควบคุมการติดต่อภายในพระนคร และให้ไปลาดตระเวนจับตาตามบ้านของเจ้านายและนายทหารคนสำคัญ
เวลาหลัง 6 โมงเช้า เมื่อกองทหารส่วนใหญ่มาประชุมกันพร้อมแล้ว พระยาทรงสุรเดชก็เข้าควบคุมการบัญชาการทหาร และให้พระยาพหลฯออกไปยืนหน้าทหารแล้วอ่านคำแถลงการณ์ยึดอำนาจ เมื่ออ่านเสร็จก็ให้ทหารทั้งหมดเปล่งเสียงไชโยพร้อมกัน จากนั้นคณะทหารก็เข้ายึดพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นกองบัญชาการ แล้วจัดกำลังไปควบคุมบุคคลสำคัญมาไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม การยึดอำนาจในพระนครเสร็จเรียบร้อยในวันนั้น
เวลาเย็นวันที่ 24 มิถุนายน คณะราษฎรได้มอบหมายให้ น.ต.หลวงศุภชลาศัยนำเรือหลวงสุโขทัยไปยื่นคำขาดต่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ที่พระราชวังไกลกังวล หลวงศุภชลาศัยนำเรือไปถึงหัวหินเวลาค่ำ จึงตัดสินใจนำคำขาดของคณะราษฎรไปยื่นในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯได้รับหนังสือของคณะราษฎรที่ทูลเชิญพระองค์ให้ เป็นกษัตริย์ “ใต้” รัฐธรรมนูญ พระองค์ก็ตัดสินใจตอบรับที่จะเป็นพระมหากษัตริย์ “ตาม” รัฐธรรมนูญ
การเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงลุล่วงไปได้ ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยาม และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคประชาธิปไตย ถ้ามองด้วยกรอบของชาตินิยม 24 มิถุนายน ก็คือจุดเปลี่ยนจาก “สยามระบอบเก่า” มาเป็น “ไทยระบอบใหม่”
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2482 วันที่ 24 มิถุนายน ได้รับการประกาศให้เป็นวันชาติของประเทศไทย และมีการแต่งเพลงสำหรับวันชาติที่ขึ้นต้นว่า

“ยี่สิบสี่มิถุนา               ยนมหาศรีสวัสดิ์
ปฐมฤกษ์ของรัฐ          ธรรมนูญของไทย
เริ่มระบอบแบบอา       รยประชาธิปไตย
เพื่อราษฎรไทย            ได้สิทธิเสรี
สำราญสำเริง                 บันเทิงเต็มที่
เพราะชาติเรามี             เอกราชสมบูรณ์”

๒๐ มิ.ย. ๕๗ วันที่สามสิบ กับข่าวดีที่รอคอย "คุณ จารุพงษ์ เรืองสุวรรณ " ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อมาร่วมต่อสู้ขับไล่พวก"เผด็จการอำมาตย์ทรราชราชาธิปไตย " จับมือกันเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์และพี่น้องประชาชนไทยผู้รักความถูกต้องยุติธรรมต้องการระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ขอแสดงความยินดีกับการตัดสินใจครั้งสำคัญของคุณจารุพงษ์ครั้งนี้ นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีสถานการณ์ได้สร้างวีระบุรุษผู้นำที่แท้จริงขึ้นมาให้กับฝ่ายประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนไทยจะยืนอยู่เคียงข้างท่านและเป็นกำลังใจให้ท่านตลอดไป ขอคารวะในจิตใจอันสูงส่งของท่านที่เสียสละมาช่วยทำงานเพื่อมวลมนุษย์ชาติ...มาช่วยนำพี่น้องประชาชนเพื่อนร่วมชาติร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับแผ่นดินของเรา....ด้วยจิตคารวะ...




[​IMG]


   


 

ฟังคลิป อ.ชูพงษ์ ประจำวันที่ ๒๐ มิ.ย ๕๗




http://mfi.re/listen/d3n88uzekfcck81/chupong-usa-2014-06-20.mp3




    

ถ้ามีคำสั่งมาให้กระผมยึดอำนาจผมก็ต้องทำ เพราะท่านสั่ง " คำพูดของประยุทธ์ " แล้วใครสั่งประยุทธ์ ได้ ? ....

 หัวหน้าผู้ก่อการร้ายของแผ่นดิน

Posted Image

.
[IMG]
 

 
ไอ้ขี้ข้าตาเหล่ ....
โดย  unter

มึงก็แค่ขี้ข้า ที่ตาเหล่
มาทำเท่ห์เก๋ไก๋ไอ้ลูกหมา
โถไอ้ยุดอย่าอวดโม้โฆษณา
มาทำบ้าโอชาหรือโอเลี้ยง

มึงก็ไพร่กูก็ไพร่มิใช่หรือ
แค่มีมือถือปืนแล้วยิงเปรี้ยง
เกาะกระโปรงเกย์เฒ่าเคล้าคลอเคียง
มึงก็เพียงขี้ครอกเขาหลอกฟัน

มึงก็ไพร่ใครก็รู้ดูก็เห็น
มึงก็เป็นแค่ขี้ข้ามาข่มขวัญ
ทำขึ้งโกรธจะคาดโทษขู่ลงทัณฑ์
หัวหน้ายามสารขัณฑ์รับบัญชา

ความโง่งมจมปลัก รักจนหลง
ทระนงว่าสูงส่งสูงเสียดฟ้า
เคยเป็นยามยืนตาเหล่ อยู่เอกา
ไปแนวหน้านั่งยองๆเป็นแค่ยาม

บุญนำพาวาสนามากระชาก
เป็นขี้เรื้อนเกลื้อนกลากดูเกรงขาม
เห็นผู้เฒ่าเร้าใจในกลกาม
จึงติดตามมาเลียบเลียงข้างเวียงวัง

มาอวดโอ้โอ่อ่าว่ากูใหญ่
สารพัน ทำจัญไรตามใบสั่ง
พูดลุกลี้ลุกลนให้คนชัง
ทำคุ้มคลั่งดั่งควายคะนองนา

เหวยๆไพร่จงอยู่ในความสงบ
จงเคารพค้อมคำนับนะขี้ข้า
กูแลเห็นมึงเป็นยามตามบัญชา
ใต้ฟากฟ้าไทยแลนด์แดนลิเกย์

torsdag 19 juni 2014

หนึ่งเดือนกำลังจะผ่านไป คนสั่งยึดอำนาจลอยนวลไม่รับผิดชอบกับผลที่ตามมา กับคำสั่งให้ทหารปล้นยึดอำนาจครองเมือง . ประเทศชาติกำลังจะล้มละลายปัญหาต่างๆรุมเร้ารอบด้าน "คสช" จิตใจร้อนรุ่มเหมือนมีไฟนรกเผาผลาญ หาทางออกไม่เจอ.เจอแต่เหวลึก..สังคมไทยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทรราชราชาธิปไตยมายาวนาน เหมือนคนป่วยหนักเกินจะเยียวยา ..ต่อให้มีร้อยประยุทธ์ใช้ร้อยกฎเผด็จการก็ไม่มีวันแก้ปัญหาได้ ถ้าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ อำนาจเผด็จการและเงินตราของอำมาตย์ทรราชไม่สามารถซื้อใจและความเชื่อมั่นศรัทธาจากประชาชนได้ "ใจต้องซื้อด้วยใจเท่านั้น " คสช.ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศว่าเขาต้องการอะไร?? เพราะประชาชนไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาในการยึดอำนาจครั้งนี้ ..."คสช"ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเท่านั้นไม่ใช่มาไล่จับประชาชน..แล้วยัดเยียดข้อหา จับขังคุก ปรับเปลี่ยนนโยบายก่อนที่จะสายเกินไป. ..



[​IMG]

บทความเขียนลงข่าวหุ้น
อยากให้คำปรึกษา คสช.จัง (ฮา)
ทั่นมีเวลา 3 เดือนกว่าๆ นะครับ ที่จะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแก้ปัญหาให้ถึงรากถึงโคน
เพราะถ้าเพียงแค่แก้ปัญหาตามปรากฏการณ์ มันทำอะไรไม่ได้
บางเรื่องก็ยุ่งไปใหญ่ เช่น อยากแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
พอแตะปั๊บกลับกลายเป็นสร้างความแตกตื่น แรงงานเขมรหนีกลับเป็นแสน
ถ้าจะสร้างผลงานก็ต้องใช้โอกาสนี้ รื้อระบบทั้งหมดให้มีการจ้างงานอย่างถูกกฎหมาย เป็นธรรม
คุ้มครองสิทธิเท่าแรงงานไทย ถามว่าจะทำได้ไหม อันนี้ทำได้นะ ไม่ต้องรอเลือกตั้งหรอก

รัฐวิสาหกิจก็เหมือนกันครับ ไม่ยอมให้แปรรูป ก็ต้องปฏิรูปใหญ่
แตะแค่เงินเดือนค่าตอบแทนกรรมการ ก็ไปไม่ถึงไหน

ปราบมาเฟีย รถตู้ แมงกะไซค์ ยาเสพย์ติด ตัดไม้ทำลายป่า
ถ้าไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ก็แค่ "ไฟไหม้ฟาง" เดี๋ยวก็มีเหลือบตัวใหม่
พูดไม่ทันขาดคำ บทความนี้เขียนก่อนตอนเย็นวาน
ตกค่ำก็มีข่าวท่านจะให้ขายลอตเตอรี่ 80 บาทอีกแล้ว
ก็ดีนะแต่ต้องรื้อระบบโควต้าทั้งหมด แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด ต้องหวยบนดินสิครับ
แก้ให้ถึงราก

คสช.ต้องประกาศมาตรการชั่วคราวแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว
เคลียร์ความเข้าใจว่าไม่ได้มีนโยบาย “กวาดล้างปราบปราม”
หลังแรงงานกัมพูชานับแสนคน แตกตื่นหนีกลับบ้านอย่างไม่เคยเห็นกันมาก่อน
กระทั่งวิตกว่าจะเกิดผลกระทบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการก่อสร้างและประมง

ถามว่าเป็นเพียงพิษ “ข่าวลือ” เท่านั้นหรือ
ถ้าดูข่าวย้อนหลังจะพบว่าหลัง คสช.มีคำสั่งฉบับที่ 59 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2557
ตั้งคณะกรรมการนโยบายจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน
วันถัดมา พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกก็แถลงว่า
คสช.จะเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวเพื่อความมั่นคง
หากตรวจสอบพบแรงงานที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายและส่งตัวกลับ
แน่นอนว่าท่านไม่ได้สั่งให้กวาดล้างปราบปรามอย่างไร้มนุษยธรรม
ท่านคงเจตนาดี อยากแก้ไขปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง
ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นคง หากยังทำให้เสียภาพลักษณ์
เมื่อถูกโจมตีว่าประเทศไทยใช้แรงงานต่างด้าวเยี่ยงทาส
เพียงแต่ปัญหาแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องอ่อนไหว
มีผลประโยชน์นอกระบบสูง
เมื่อ คสช.ขยับตัว ก็กระเพื่อมทันที ทั้งในแง่จิตวิทยาและผลที่เป็นจริง
เพราะ คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แค่ท่านพูดยังไม่ต้องออกคำสั่งเป็นทางการ
ข้าราชการก็เต้น ผลักภาระออกจากตัว นายจ้างก็ลอยแพคนงาน
ตำรวจก็ลูบปากหวานคอแร้ง ฯลฯ
แรงงานจึงโกลาหลอลหม่าน หนีกลับบ้านยังดีกว่าถูกจับ ถูกปรับ ถูกขัง

ท่านต้องตระหนักนะครับว่า อำนาจ คสช.
เป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ชี้เป็นชี้ตาย ท่านพูดท่านขยับอะไร
จึงไม่เหมือนนักการเมือง ซึ่งชาวบ้านรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น
คำถามคือเมื่อมาถึงขั้นนี้ จะทำอย่างไรต่อ
ขอยืนยันว่าเจตนารมณ์ “จัดระเบียบ” ถูกต้องแล้ว
เมื่อ คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
ก็ต้องเดินหน้าไป เพียงทำความเข้าใจว่าไม่ได้มุ่งจัดการแรงงานต่างด้าว
ไม่ได้คิดไล่พวกเขา หากมุ่งจัดการขบวนการค้ามนุษย์ มุ่งแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ
เพื่อคุ้มครองแรงงานทุกชาติตามหลักสิทธิมนุษยชน

เราคงหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง ให้เศรษฐกิจไทยหวังพึ่งแรงงานผิดกฎหมายนับล้านนี้ไม่ได้
ต้องยอมรับนะครับ แรงงานต่างด้าวเป็นแหล่งผลประโยชน์ใหญ่
ตั้งแต่เดินทางเข้าออก ไปจนเดินทางข้ามเขต
ซึ่งมีกฎเข้มงวดแบบทุเรศๆ เช่นขึ้นทะเบียนสมุทรปราการ
บ้านอยู่สำโรง ข้ามเขตมาบางนาไม่ได้ เดินไม่กี่ก้าวโดนตำรวจรีดไถ
มองให้กว้างออกไปจากปัญหาแรงงานต่างด้าว

เรื่องต่างๆ ที่ คสช.กวดขันอยู่ตอนนี้ก็เช่นกัน
ตั้งแต่มาเฟียรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ ไปถึงปัญหายาเสพย์ติด ตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ
คำถามจากประชาชนคือทำอย่างไรจะไม่เป็นไฟไหม้ฟาง
ท่านทำได้ท่านปราบได้ แต่อีกไม่นานก็มี “เหลือบตัวใหม่”
เหมือนที่เคยเป็นมาหลายยุคหลายสมัย เช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง
ซึ่งปัญหาไม่ใช่แค่ค่าตอบแทนกรรมการ หรือความโปร่งใสจัดซื้อจัดจ้าง
แต่เรื่องเรื้อรังคือรัฐวิสาหกิจบางแห่งก็สมควร “ปฏิรูปใหญ่” อันที่จริงบางแห่งควร “แปรรูป” ด้วยซ้ำ
แต่เมื่อถูกต่อต้าน ก็ต้องปฏิรูปแบบยกเครื่องใหม่ ลดขนาด เปลี่ยนบทบาทหน้าที่ ฯลฯ
ซึ่งมีแต่อำนาจ คสช.นี่แหละที่ใช้ได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร

คสช.มีเวลา 3 เดือนเศษที่จะใช้อำนาจเด็ดขาดแก้ปัญหาหลายเรื่องให้ถึงราก
นี่ผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว เหลืออีก 2 เดือน ต้องเร่งทำ อำนาจ คสช.วันนี้ไม่มีขีดจำกัด
แก้กฎหมายแก้ระเบียบต่างๆ ได้โดยไม่ติดขั้นตอน
ถ้ามีธรรมนูญชั่วคราว มีรัฐบาลชั่วคราว มีสภานิติบัญญัติ ก็ต้องกลับสู่กระบวนการ
แม้ยังไม่ใช่กระบวนการจากเลือกตั้งก็ตาม

[​IMG]

๑๙ มิ.ย. ๕๗ วันที่ยี่สิบเก้า ยุคเศรษฐกิจไทย " ไทยสร้างไทยทำลาย" ผลที่ได้ประเทศชาติพังเสียหายเป็นระบบลูกโซ่ ประเทศไทยภายใต้ "ระบอบเผด็จการอำมาตย์ทรราชราชาธิปไตย" เปรียบเหมือนโรคร้ายจากฝูงเหลือบที่กัดกินผลประโยชน์ของประเทศไทยและดูดกินเลือดเนื้อประชาชนไทยมาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคนไม่มีวันจบสิ้น ทำให้ประเทศชาติไม่พัฒนาประชาชนก็ด้อยพัฒนาตามไปด้วย..การยึดอำนาจครั้งนี้หมุนเวลาให้ประเทศชาติล้าหลังกลับไปเหมือนอดีตเมื่อ ๔๐ กว่าปีที่ผ่านมา นับเป็นโศกนาฎกรรมที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง..ไม่มีประเทศไหนในโลกปิดประเทศฆ่าตัวตายเหมือนประเทศไทย .ทหารหยุดทำตามคำสั่งเผด็จการอำมาตย์ทรราชหยุดได้แล้ว. เสื่อมสุดๆ....

การ์ตูนเซีย 19/6/57 แรงงานอพยพ
[​IMG]

ด้วยแรง แห่งรัก ใช่ผลักไส
สัญญาหมด ก็ต้องไป อย่าไขสือ
ใช่กลั่นแกล้ง ใช่ล้างบาง อย่างคำลือ
ที่เห็นคือ ความถูกต้อง ครรลองธรรม....

ทั้งภายนอก ภายใน ใสหมดจด
ไปตามกฎ กำหนดไว้ ใช่ตกต่ำ
คืนความสุข อบอุ่น ช่วยหนุนนำ
เพื่อตอกย้ำ คำว่ารัก สามัคคี....
๓ บลา






ปัญหาขาดแคลนแรงงานกระทบหนัก-ชาวสวนจ่ายค่าจ้างเพิ่ม-500-บาทวัน




[​IMG]



คลิกอ่านhttp://news.thaipbs.or.th/content/ปัญหาขาดแคลนแรงงานกระทบหนัก-ชาวสวนจ่ายค่าจ้างเพิ่ม-500-บาทวัน

onsdag 18 juni 2014

อัพเดท ข่าวน่ารู้น่าสนใจทั่วไป เพื่อทันต่อสถานการณ์




" พรุ่งนี้รัฐสภาสเปนจะออกกฏหมาย..สละราชสมบัติให้องค์รัชทายาท..!!!! " เพื่อสืบสันตติวงศ์แห่งราชอาณาจักรสเปนต่อไป....

กษัตริย์ฮวน คาลอส แห่งสเปน ทรงมีพระประสงค์จะสละราชสมบัติ
เพื่อให้เจ้าชายเฟลีเปซึ่งเป็นพระโอรสได้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์องค์ใหม่
ซึ่งเป็นพระประมุขของราชอาณาจักรสเปนสืบไป..
ดังนั้น รัฐสภาของสเปนจึงได้ออกกฏหมายดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามพระประสงค์ต่อไป...
...........................................................

18 มิถุนายน 2014 - 22:24



17 มิ.ย. 2014ประเด็นเด็ด 7 สี - ทหารกองบัญชาการกองทัพไทย และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบการลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิน ในพื้นที่ป่าปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. จ.เพชรบูรณ์ โดยพบว่ามีการเลี่ยงไม่ชำระค่าภาคหลวงนานกว่า 5 ปี ทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท
เจ้าหน้าที่รัฐ ในท้องที่นี่แหละต้องรู้เห็นด้วย
อีกที่นึงตอนนี้กำลังสนใจคือเหมืองทองคำที่พิจิตร นั่นก็มหาศาล
.......................................................

คลังเสนอ"คสช."รื้อโบนัสรัฐวิสาหกิจสูงสุด  11เดือน.

คลิกอ่านรายละเอียดตามลื้งค์ข้างล่าง....


...............................................................................................


′พล.อ.ไพบูลย์′ เผย ผบ.ทบ.ย้ำจะไม่เกษียณหรือลาออก หากบ้านเมืองยังมีปัญห



วัน ที่ 18 มิถุนายน ที่โรงแรมเอเชีย พล.อ.ไพบูลย์  คุ้มฉายา  ผู้ช่วยผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม  คสช.  กล่าวระหว่าง เป็นประธานมอบนโยบายกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสถาบันการเงิน ว่า  คสช.ไม่มีความคิดจะยึดอำนาจ แต่ประเทศไม่มีทางออก กปปส.เรียกร้องให้ปฏิรูป ตนเคารพในแนวคิดของเขาแต่ไม่เคารพในสิ่งที่เขาทำผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลรักษาการก็ไม่สามารถนำเงินค่าข้าวมาจ่ายให้ชาวนาได้เพราะกฎหมาย ไม่ถูกต้อง ในทางการเมืองไม่มีฝ่ายใดยอมกันเพราะกลัวจะเสียรูปมวย คสช. ไม่ใช่มนุษย์วิเศษที่จะสามารถบันดาลสิ่งใดก็ได้
แต่ คสช.มีพลังที่จะทำให้ปัญหาหมดไปได้อาจจำเป็นต้องทิ้งมิติ ประชาธิปไตยไปสักระยะเพื่อแก้ปัญหาประเทศเพราะหากทำไม่สำเร็จจะเกิดผลกระทบ มหาศาล  คสช.ถือเป็นองค์กรเดียวที่จะแก้ไขได้ งานนี้ไม่ใช่เรื่องของคนเก่งแต่เป็นเรื่องของคนกล้า ตนบอกผบ.ทบ.ว่าเราต้องกล้า  ทำให้สำเร็จ ถ้าทำไม่สำเร็จแล้วเกษียณไปอาจจะมีความสุขกับลูกกับเมีย แต่ปัญหาจะคงอยู่กับประเทศนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ย้ำว่าจะไม่เกษียณหรือลาออกไปในขณะที่บ้านเมืองยังมีปัญหา

( ประยุทธ์ เป็นเพียงสุนัขรับใช้ระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพลเท่านั้นเอง ฉนั้นนายโดยตรงของประยุทธ์ก็คือกษัตริย์ภูมิพล ที่สั่งให้ประยุทธ์ยึดอำนาจเพื่อต่ออายุให้แก่ระบอบ เผด็จการภูมิพล  ผู้ที่ต่ออายุให้แก่ประยุทธ์ได้ก็คือกษัตริย์ดังนั้นกษัตริย์ต้องการให้ ประยุทธ์รักษาอำนาจให้แก่ตัวเองไปจนกว่าตัวเองจะตายจึงจำเป๋นต้องให้ ประยุทธ์ต่ออายุราชการออกไปเรื่อยๆ ความผิดทั้งหลายที่ทำให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ภายใต้ท็อบบู๊ชของ ประยุทธ์ และ คสช.ก็มาจากกษัตริย์ภูมิพลนั้นเอง )