torsdag 9 april 2015

อันตรายๆๆๆ หมาจนตรอกกำลังดิ้นตาย ตะเกียกตะกายหาทางเอาตัวรอดรอด .โดยนำประชาชนและประเทศชาติเป็นเดิมพัน ยอมทิ้งตลาดการค้าขายปากท้องประชาชน เปลี่ยนเป็นสนามรบซักศึกเข้าบ้าน ยอมให้สามมหาอำนาจผู้ผลิตอาวุธใช้ประเทศไทยเป็นสนามประลองกำลังแย่งชิงจุดยุทธศาสตร์กัน พร้อมทดลองอาวุธหาตลาดขายอาวุธ โดยร่วมกันจุดชนวนให้เกิดสงครามในประเทศด้อยพัฒนาที่การเมืองไม่นิ่ง ยุยงให้มีความขัดแย้งภายในประเทศจนกลายเป็นสงครามลุกลามเข่นฆ่ากันประเทศเสียหายบ้านเมืองพังทลายผู้คนล้มตาย ประเทศผลิตอาวุธขายร่ำรวยกันไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมายในหลายประเทศที่เกิดทั้งในอดีตและปัจจุบัน ในตะวันออกกลาง อัฟริกา ยุโรปตะวันออก เช่น อิยิปต์ ซีเรีย อิรัก เยเมน อัฟกานิสถาน ไรบีเรีย ลิเบีย ยูเครน..รายต่อไปคงประเทศไทย??? ถ้าอำมาตย์เผด็จการทรราชราชาธิปไตย ไม่หยุดทำลายตัวเอง...

โดย  อนันต์ ประพงษ์
จะเลอะไปถึงไหน ?
ฟังจากบทสนทนาของนายสุทธิชัย หยุ่น กับตัวแทนของรัฐบาลประเทศรัสเซีย ในช่องทีวีเนชั่น เวลาประมาณสี่ทุ่ม การสนทนากับตัวแทนของรัฐบาลประเทศรัสเซีย นั้น ทำให้ทราบว่าทางตัวแทนรัสเซียมีความเข้าใจปัญหาทางการเมืองโลก และเข้าใจปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยอย่างมาก อาจจะมากกว่ารัฐบาล คสช. เข้าใจปัญหาทางการเมืองของไทยเองเสียด้วยอีก เพราะสิ่งที่ตัวแทนของประเทศรัสเซียได้แสดงทัศนะทางการเมืองในอดีตของสงครามเย็น และความขัดแย้งในปัญหาลัทธิทางการเมืองของสองค่าย คือ ค่ายสังคมนิยมกับค่ายเสรีนิยม ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวไม่ได้ทำให้ประชาชนหายจากความยากจน การลดอาวุธยุทโธปกรณ์ของทั้งสองค่ายลงและหันมาแก้ไขปัญหาความยากจนโดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจก็จะทำให้โลกเกิดสันติภาพของถาวร นอกจากนั้น การทำสงครามเป็นมาตรการที่ผิดกับลัทธิสังคมนิยมและไม่ได้สร้างให้เกิดหายจากความยากจน
ซึ่งเรื่องนี้ใครจะไปเชื่อโดยเฉพาะคนไทยบางส่วนที่มีอิทธิในทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศไทย (บุคคลกลุ่มนี้เคย “ต่อต้าน” จีนและรัสเซียมาก่อน แต่พอมาสถานการณ์นี้ก็บอกว่าจับมือกับจีนกับรัสเซีย จะเรียกอะไร ถ้าไม่เรียกว่าหมาจนตรอก )
การยุติความขัดแย้งทางการเมืองของทั้งสองค่าย มีการทำข้อตกลงร่วมกันทั้งสองลดอาวุธนิวเคลียทั้งพิสัยไกลและไกลลงลงเกือบหมดสิ้น อาวุธร้ายแรงต่างๆกลายเป็นเศษเหล็กให้พ่อค้าเอาไปขายถลุงเป็นสินค้าแปรสภาพเป็นเครื่องจักรสร้างความสุขสบายให้กับสังคมจะดีกว่าเอาไปฆ่ากัน
สิ่งที่ทำให้ทั้งสองค่ายสามารถลดความตรึงเครียดลงได้ ก็เพราะเป็นการศึกษาลัทธิแนวคิดของนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทรและพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ( จากเอกสารลับต่างๆที่ยังไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ ) แล้วนำเอาแนวทางของนโยบาย 66/2523 ไปประยุกต์ใช้แทบทั้งสิ้น
ในประเทศสหภาพโซเวียตรัสเซีย นั้น มีการประกาศนโยบาย “เปอร์เรสตอยก้า” กับ “นโยบายกลาสน็อต” ในสมัยประธานาธิบดีกอบอชอบ หลังจากการประกาศใช้ทั้งสองนโยบายสักพักหนึ่ง ประเทศสหภาพโซเวียตรัสเซีย ก็แตกสลายให้เป็นการปกครองตัวเองในแต่ละรัฐ และไม่ให้พรรคคอมมิวนิสต์รัสเซียและคนรัสเซียไปติดรูปปั้นของเลนินเพราะจะเป็นการยึดกับบุคคลมากเกิดไปมีการเอารูปปั้นของเลนินลง
ส่วนประเทศจีน นั้น หลังจากการลดอาวุธพิสัยไกลของรัสเซียกับอเมริกาลง ในประเทศจีนก็มีการผ่อนคลายความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศลง โดยเฉพาะพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ติดต่อแลกเปลี่ยนทางทฤษฏีกับคณะที่เสนอนโยบาย 66/2523 ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีประเทศไหนที่ไม่แพ้พรรคคอมมิวนิสต์ แต่ไทยสามารถชนะและไม่เป็นคอมมิวนิสต์ทั้งๆที่เกือบจะยึดไปหมดแล้ว จนได้ข้อสรุปทางทฤษฏี ซึ่งจะได้นำอธิบายในโอกาสต่อไป
จากนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศจีน เช่น สี่ทันสมัย ซึ่งก็คือ การเอาระบบทุนนิยมไปสร้างสังคมนิยม ก่อนนั้น มีการปฏิเสธระบบทุนนิยม เป็นการก้าวผิดขั้นตอนในทางเปลี่ยนแปลงสังคม
การเปิดประเทศจีนในทางเศรษฐกิจ และเปิดกว้างในทางการเมืองภายในประเทศทำให้ประเทศจีนพัฒนาเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับต้นๆของโลก ซึ่งในจีน นั้น เรียกได้ว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังยกระดับเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แตกต่างจากประเทศรัสเซียที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ( ของไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา )
ทีนี้ หันมาทางรัฐบาล คสช. จะไปร่วมมือกับรัฐบาล “รัสเซีย”และ “จีน” (เพราะในยุโรปและอเมริกาไม่สนับสนุน ซึ่งเป็นค่ายเสรีนิยม ) เพื่อทำการค้าโดยจะเอาสินค้าทางการเกษตรกรรมในประเทศไทยไปแลกกับอาวุธและเศษเหล็กของประเทศรัสเซียที่เขาทิ้งไปแล้ว
ถ้าทางการค้าขายธรรมดาทั่วไปคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ขบวนการที่จะสนับสนุนให้รัฐบาล คสช. ไปร่วมมือทางการเมืองกับจีนและรัสเซียแล้ว ก็ชวนให้นึกขำ เพราะไปด่าและเล่นงานรัฐบาลอเมริกาแทบทุกวันสามเวลา แสดงว่าคนพวกพวกนี้มีปัญหาทาง “ระบบความคิด” อย่างหนัก และหนักมากกว่าการป่วยทางร่างกายเสียอีก
เฉพาะฉะนั้น ถ้าเป็นการร่วมมือทางการค้าขายและวัฒนธรรมกับรัฐบาลจีน นั้น เป็นเรื่องปกติในทุกๆรัฐบาล แต่ในเรื่องทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย นั้น เขามีกฎเกณฑ์ของเขาอยู่ เขาจะไม่สนับสนุนพรรคขวาจัด และพรรคที่รับใช้คนส่วนน้อย
และพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับพรรครัสเซียเขาจะไม่ทราบการเมืองของไทยเชียวหรือ ?
เพราะฉะนั้น ที่ตัวแทนของรัฐบาลไทยและ คสช. เที่ยววิ่งไปหาความร่วมมือกับประเทศนั้นประเทศนี้ เสียเวลาเปล่าและทำให้เขาหัวเราะเยาะเอา ในประเทศทั่วโลกเขาไม่สนับสนุนรัฐบาลเผด็จการ
ยิ่งในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทำไมเขาไม่สนับสนุนรัฐบาลไทยที่ทำรัฐประหารก็เพราะเขามาจากประชาชน เขามาจากพรรค เขามีนโยบายเพื่อประชาชน
ถ้ารัฐบาลของอเมริกาไปสนับสนุนเผด็จการในประเทศไทยก็จะทำให้พรรคของเขาไม่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้น การที่ฝ่ายสนับสนุน คสช. ไปด่าเล่นรัฐบาลอเมริกาที่ไม่สนับสนุน คสช. ก็เท่ากับไปด่าประชาชนของเขาด้วย
ในส่วนของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์เป็นเรื่องเล็กมาก คิดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ที่คนสนับสนุน คสช. คิดไม่ถึงและไม่เข้าใจหลักการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยซ้ำ เอาแค่ธงชาติที่มีดาวห้าดวงหมายถึง อะไร? ยังไม่รู้เลย
ทีนี้ถ้ายากจะอยู่ให้ครบตามที่หมอดู คมช. ที่แปรสภาพมาเป็นหมอดู คสช. จะต้องทำให้การปกครองเป็นของประชาชนให้ได้ แม้จะไม่สามารถทำนโยบายเพื่อประชาชนโดยประชาชนได้
แค่ชี้โพรง......?

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar