lördag 8 augusti 2015

สงครามทางการเมืองครั้งนี้ เป็นสงครามจริงของกองทัพนักรบ นิรนาม ดังนั้นการใช้หลักยุทธวิธี "นินจาประชาธิปไตย" ยังคงเป็นแนวทางหลัก หรือ กลยุทธ์หลักในการรับมือกับ อาวูธทำลายล้างสูงของฝ่ายเผด็จการ....



โรนินประชาธิปไตย (ตอนที่ ๑๔)
ตอน เมื่อ มาตรา ๑๑๒ คือ อาวุธทำลายล้าง อานุภาพสูงของฝ่ายอำมาตย์ ต้องใช้ "นินจาประชาธิปไตย" เข้ารับมือในกลศึก

 
วันนี้ กูอารมณ์ไม่ดีม...ากๆ แต่ต้องเขียนเรื่องนี้ เพราะติดค้างไว้หลายวันแล้ว ยิ่งวันนี้ มีข่าวการทำลายสถิติคดี ๑๑๒ ของคุณใหญ่ แดงเดือด ที่โดนตัดสินไป ๕๐ปี แล้วลดลงกึ่งหนึ่งเหลือ ๒๕ ปี และวันนี้มีคดีของคุณพงษ์ศักดิ์ หรือ Sam Parr ที่โดนตัดสินไป ๖๐ ปี ลดลงกึ่งหนึ่งเหลือ ๓๐ปี และคดีของคุณ ศศิวิมล (รุ่งนภา คำพิชัย ในเฟสบุ๊ค) ที่โดนตัดสินไป ๕๖ ปี ลดลงกึ่งหนึ่งเหลือ ๒๘ ปี วันนี้ได้ตัดสินพร้อมๆกันมาอีกสองคดี ยิ่งเร่งให้กูต้องเขียนเรื่องนี้ออกมา
 
เรื่อง "นินจาประชาธิปไตย" กูเขียน แนวคิดนี้มาตั้งแต่เดือน กรกฎาคม หรือ สิงหาคม ปี๕๗ ตั้งแต่หลังรัฐประหารใหม่ๆว่า เมื่อมีการประกาศอิสรภาพบนโลกออนไลน์ในครั้งของ นสช. อาวุธสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตยคือ ความเป็นอวตารในโลกโซเซียลออนไลน์ หรือ ในทางการเมือง ซึ่งกูขอเรียกว่า นินจาประชาธิปไตย ที่มีหมายความถึงการไม่มีตัวตนในการสืบหาตัวผู้ที่ต่อสู้ทางการเมืองในฝ่ายตรงข้าม จะปรากฎเพียงผลงานและเนื้องานของสิ่งที่ได้กระทำเพียงเท่านั้น ซึ่งมีหลักสำคัญที่จะต้องประกอบด้วย
๑. หลักปฏิบัติในการป้องกันตัวเองในการติดต่อสื่อสาร
๒. ความรู้เบื้องต้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
๓. การใช้สติปัญญาและสมาธิในการต่อกรกับฝ่าย อำมาตย์ ขุนศึก ศักดินา
๔. ยุทธศาสตร์ทางการข่าว
๕. การทำงานเป็นทีม ของหน่วยย่อยขนาดเล็ก
 
 
ซึ่งเปรียบเสมือนการสู้รบกับข้าศึกในแนวหลังข้าศึก แบบไร้รูป ไร้ร่องรอย ทำให้ข้าศึกไม่สามารถระบุเป้าหมายในการทำลายล้างได้ และนี่เป็นหลักปฏิบัติในองค์กรใต้ดินที่ต่อสู้หลังแนวข้าศึก
ไม่ว่าจะเป็น การต่อสู้ของเสรีไทยกับญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลก หรือ การทำงานด้านข่าวกรองของวงการข่าวและต่อต้านข่าวกรองทั่วโลก ก็จะใช้หลักในการต่อสู้แบบนินจาประชาธิปไตย หรือ แบบสายลับไม่ปรากฎนาม ไม่มีตัวตน ซึ่งล้วนมีหลักสำคัญคือ ในการทำสงครามนั้น ไม่มีใครต้องการชื่อเสียงใดๆ เพราะฉะนั้น จะปรากฎไม่ชื่อของผู้กระทำการต่่างๆในทุกกรณี
ขอกลับมาในกะลาแลนด์วันนี้ ท่ามกลางการใช้คดี ๑๑๒เข้าทำลายล้างศัตรูที่คิดต่างทางการเมือง แต่กลับมีการเรียกร้องให้มีการเปิดหน้าสู้ของหลายๆคน ซึ่งเสมือนเป็นการเรียกร้องให้ ออกมาเป็นเป้าสังหาร หรือเป้าทำลายล้างของฝ่ายตรงข้าม เปรียบเสมือนการเรียกร้องให้ออกมาเดิน ล่อเป้าในสนามเพลาะ โดยใส่เสื้อสีแสบตา เพื่อชี้เป้าที่หัวตนเองให้ฝ่ายตรงข้าม โดยบอกว่านี่คือความกล้าหาญ การกระทำเช่นนี้ ช่างเป็นความโง่เขลา และเบาปัญญาอย่างถึงทีสุดของฝ่ายประชาธิปไตยไร้เดียงสา ถ้าหากกระทำเช่นนั้นด้่วยบริสุทธิ์ใจ
 
แต่จริงๆแล้ว ฝ่ายเผด็จการก็กระทำเพื่อต้องการเช่นนั้นแบบเต็มความสามารถเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาโปรแกรมกาลิเลโอ เพื่อแฮกข้อมูลฝ่ายประชาธิปไตย หรือ การบังคับให้ใช้บัตรประจำตัวในการซื้อ ซิมโทรศัพท์ เพื่อสามารถระบุตัวตนของฝ่ายต่อต้านได้
 
แปลกแต่จริง ที่ทั้งฝ่ายรัฐบาลเผด็จการ และฝ่ายประชาธิปไตยไร้เดียงสา กระทำในสิ่งที่ต้องการผลลัพธ์อันเดียวกัน คือการกระตุ้นให้มีการระบุตัวตนของฝ่ายต่อต้าน ซึ่งจะมีผลให้ง่ายมากในการทำลายล้างแบบง่ายดายทั้งต่อตัวเป้าหมายและคนใกล้ชิดรอบตัว
ด้วยอาวุธทำลายล้าง อานุภาพสูง อย่างมาตรา ๑๑๒ และกฎหมายพิเศษ มาตรา๔๔ ที่ต้องทำใจเลยว่า ผู้ที่รับกระทบจากกฎหมายนี้ จะต้องเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่จะมีโอกาสได้รับอิสรภาพ จากการต่อรอง หรือต่อสู้ในทุกๆกรณ๊ (หากไม่หลอกลวงกัน) พวกฝ่ายประชาธิปไตยจะทำเช่นไรต่อไป


ดังนั้นการใช้หลักยุทธวิธี "นินจาประชาธิปไตย" ยังคงเป็นแนวทางหลัก หรือ กลยุทธ์หลักในการรับมือกับ อาวูธทำลายล้างสูงของฝ่ายเผด็จการ....


สงครามทางการเมืองครั้งนี้ เป็นสงครามจริงของกองทัพนักรบ นิรนาม ที่ไม่ต้องชื่อเสียงใดๆเท่านั้น….ส่วนใครที่อยากเซเลปทางการเมือง กูอยากขอบอกว่า..เข้ามาผิดสนามเสียแล้ว....


สนามนี้ ตายจริง ติดคุกจริง...แล้วไม่มีใครที่โด่งดังแล้วมาเป็นดารา นั่นมันเป็นภาพลวงตาทั้งนั้น...

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar