söndag 9 augusti 2015

"บทเรียน" ในสนามจริงสำหรับนักสู้ฝ่ายประชาธิปไตยทุกท่านจะได้ไม่เสียลับไปติดกับดักเผด็จการ ด้วยความปราถนาดี.

รูปภาพของ James Walsky



โรนินประชาธิปไตย (ตอนที่ ๑๕)
ตอน นินจาประชาธิปไตย หรือ ซามูไรขี้โม้

 
ทุกวันนี้ ในการสู้กับฝ่ายเผด็จการในระบอบอำมาตย์ ขุนศึก ศักดินา นักสู้ฝ่ายประชาธิปไตยถ้าเปิดหน้าสู้ แล้วจะเจอกับอะไร ?


ในเมื่อฝ่ายเผด็จการมีอาวุธทำลายล้าง อานุภาพสูง อย่างรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๔ และกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตยโดยเฉพาะ การเปิดหน้าสู้ ก็คงเปรียบเสมือน ซามูไรขี้โม้ ที่เพ่นพ่าน โวยวายและอวดเก่งตามร้านเหล้าและโรงเตี้ยม ซึ่งเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่ ซามูไรขี้โม้คนดังกล่าวทำท่าว่าจะอันตรายต่อฝ่ายเผด็จการก็จะถูกทำลายในทันที
ความแตกต่างของ นินจาประชาธิปไตย กับ ซามูไรขี้โม้ ก็อยู่ตรงที่การปรากฎตัวและการที่อาจตกเป็นเป้าการทำลายล้าง รวมถึงร่องรอยการปรากฎตัวและการปฏิบัติการของฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งบุคลิกแบบซามูไรขี้โม้ ที่มีเป้าหมายของการต่อสู้ที่เน้นชื่อเสียง หรือมีลักษณะอยากเป็นคนเด่น คนดัง อยากเป็นเซเลป น่าจะเป็นจุดอ่อนของฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งหากพิจารณาในธรรมชาติของนักสู้ประชาธฺปไตยที่มีจิตวิญญาณซามูไรของแท้ รวมถึง นินจา หรือ นักการข่าว(สายลับ) ในแวดวงนักการข่าวและต่อต้านข่าวกรอง เรื่องนี้ (ขี้โม้ อยากเด่นดัง) เป็นเรื่องต้องห้าม เป็นอย่างยิ่ง
ตัวอย่างของการเปิดหน้า หรือ การเปิดเผยตนเอง หรือ การถูกผู้อื่นเปิดเผยว่า เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แล้วจะมีผลเป็นอย่างไร ?
เอาที่เคยปรากฎขึ้นว่า แม้จะปิดหน้าสู้แล้วยังพลาดกันดีกว่า ว่าเมื่อถูกเปิดเผย หรือเสียลับอะไรที่เกิดขึ้น....
กรณีศึกษาของคุณพงศักดิ์ (Sam Parr)
เขาเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย เป็นผูู้บริหารโรงแรมและร้านอาหารหลายแห่งจนไปมีกิจการของตนเองในต่างประเทศ แล้วเขาพลาดได้อย่างไร ?
ความพลาดพลั้ง เกิดเพราะความไว้วางใจนั้นเอง จากคำบอกเล่าของเขาเอง ว่า….
" เขาตั้งข้อสงสัยว่า บุคคลที่เขาติดต่อด้วยทางเฟซบุ๊กแท้จริงแล้วน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวมาทำความรู้จักพูดคุยกับเขาทั้งในเรื่องทางการเมือง และเรื่องส่วนตัว รวมถึงเคยส่งสิ่งของต่างๆ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือให้เขาด้วย
เขาและบุคคลดังกล่าวพูดคุยกันทางเฟซบุ๊กราว 4-5 เดือนจนมีการนัดหมายเพื่อไปเที่ยวบ้านบุคคลดังกล่าวที่ จ.ตาก มีการติดต่อกันตลอดทางว่าเขาเดินทางถึงไหน รวมถึงการเปลี่ยนรถที่ท่ารถ จ.พิษณุโลกด้วย เขายังระบุว่าด้วยว่าภายหลังถูกจับกุมแล้วนำมาสอบสวนในค่ายทหาร หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทักเขาว่า จำข้อความสุดท้ายที่ส่งให้กันไม่ได้หรือ"
การแฝงตัวของเจ้าหน้าที่การข่าวของรัฐทหารที่มีจำนวนมากมายในโลกโซเซียล รวมถึง ข้อมูลมากมายที่ถูกเก็บข้อมูลและวิเคราะห์อย่างละเอียดของฝ่ายเจ้าหน้าที่การข่าวของรัฐทหาร ทีมีหน้าที่โดยตรงในการติดตามฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยคนใด ที่ปรากฎกายขึ้นและอาจเป็นอันตรายต่อระบอบเผด็จการ ก็จะถูกทำลายล้างในทันที
ด้วยการใช้หลักคิดด้วยลงโทษอย่างรุนแรง ทำให้ในอนาคตอัตราโทษจาก คดี ๑๑๒ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะได้เห็น คือ การทำลายประวัติศาสตร์ของคดีทั่วไป
เราอาจได้เห็น สถิติตัดสินจำคุกในคดี ๑๑๒ มากกว่า ร้อยปี ในไม่ช้านี้.....
ส่วนพวกเราฝ่ายประชาธิปไตย ใครอยากจะเป็น นินจาประชาธิปไตย หรือ ซามูไรขี้โม้ ก็เลือกทางกันเองนะครับ.....

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar