torsdag 31 mars 2016

เกร็ดประวัติศาสตร์เบื้องหลังสฤษดิ์ยึดอำนาจ ๑๖ กันยา ๒๕๐๐

โดย  ญาติวีระชน ๑๔ ตุลา



 เกร็ดประวัติศาสตร์เบื้องหลังสฤษดิ์ยึดอำนาจ ๑๖ กันยา ๒๕๐๐



แม้รัชกาลที่ ๙ ได้เป็นกษัตริย์แล้วแต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในช่วงก่อนหน้าปี ๒๕๐๐ ทั้งนี้เพราะจอมพล ป. รู้เช่นเห็นชาติพระองค์เป็นอย่างดี จึงมิได้มีความเคารพนับถือแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นเผ่า ศรียานนท์ด้วยแล้ว ถึงกับขู่ว่าจะเปิดโปง กรณีสวรรคตโดยการจ้างนายสง่า เนื่องนิยม นักไฮปาร์ก สมญา ช้างงาแดงป่าวประกาศกึกก้องกลางสนามหลวงหน้าพระบรมมหาราชวังที่ประดิษฐานของพระเศวตฉัตรว่า จะเปิดเผยตัวผู้ฆ่ารัชกาลที่ ๘ เมื่อมีประชาชนมารอฟังนายสง่า เนื่องนิยมจำนวนมาก นายสง่าก็ปีนขึ้นไปยืนบนที่สูงกลางท้องสนามหลวง ในวันที่ ๒๔ มิ.ย. ๒๕๐๐ และร้องก้องว่าผู้ฆ่ารัชกาลที่ ๘ คือ.”...” แล้วเอาแว่นตาขึ้นมาสวมทำท่าประหลาด เพื่อบอกใบ้ให้คนดูรู้ว่าฆาตกรคือ รัชกาลที่ ๙ โดยไม่พูดอะไรอีก แม้นายสง่าแสดงกิริยาเช่นนี้ ตำรวจของเผ่าก็มิได้จับตัวนายสง่าไปลงโทษแต่อย่างใด (นายสง่าถูกจับตัวไปลงโทษภายหลังในสมัยสฤษดิ์ ธนะรัชต์)



ส่วนจอมพล ป. มีมาดที่สุขุมกว่านี้ ต่อหน้าประชาชนแล้ว จอมพล ป. จะย้ำว่าตนจงรักภักดีกษัตริย์ แต่ในที่ลับนั้นจอมพล ป. ได้เตรียมการที่เปิดโปง รื้อฟื้นการพิจารณาคดีสวรรคตขึ้นมาใหม่(๑) ซึ่งสิ่งนี้รัชกาลที่ ๙ ทนไม่ได้ จึงเปิดตัวออกมาเล่นการเมืองอย่างเปิดเผย ในวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๔๙ ทรงเริ่มปราศรัยในวันกองทัพบกว่าทหารไม่ควรเล่นการเมือง รัฐบาลจึงได้นำเอาบทความของ ดร.หยุด แสงอุทัย ออกอากาศทางวิทยุ แสดงความเห็นว่าองค์พระมหากษัตริย์ไม่พึงตรัสสิ่งใดที่เป็นปัญหาหรือเรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมือง หรือทางสังคมของประเทศโดยไม่มีรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการ...”    เพื่อเป็นการโต้ตอบ พวกศักดินาเคียดแค้นบทความนี้มาก พากันโจมตีเป็นการใหญ่ รัชกาลที่ ๙ ฉวยโอกาสที่มีประชาชนไม่พอใจนโยบายเผด็จการของจอมพล ป. กันมากเป็นเครื่องมือรุกทางการเมือง โดยไม่ยอมลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งส.ส. ประเภท ๒ ตามที่รัฐบาลจอมพล ป. เสนอไป ในขณะเดียวกันก็พยายามทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสฤษดิ์ ธนะรัชต์กับตนเองกระชับมากขึ้น และแล้วสฤษดิ์ก็ร่วมมือกับรัชกาลที่ ๙ ด้วยการพาเอาพรรคพวกลาออกจากการเป็น ส.ส.ประเภท ๒ เป็นจำนวนมาก และไม่ยอมสนับสนุนจอมพล ป. อีกต่อไป
แปลกเป็นชื่อตัวของจอมพลหลวงพิบูลสงคราม  ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการประฏิวัติประชาธิปไตยศักดินาเมื่อ 2475   พล ตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เป็นอดีดอธิบดีกรมตำรวจและเป็นอดีดเลขาธิการพรรคเสรีมนังคสิลาซึ่งมีแปลก เป็นหัวหน้า  ผิน ชุณหวันเป็นพลเอกและเป็นอดีดผู้บัญชาการทหารบก นอกจากนั้นยังมีอดีดผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกหลวงยุทธศาสตร์โกสล และอดีดผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก ฟื้นฤทธาณี ร่วมด้วยอย่างแข็งขัน เรียกกันว่า กลุ่มของราชครูพลเอก ผิน ชุหวัน เป็นหัวหน้า ในการยึดอำนาจในปี ๒๔๙๐ ระบอบการปกครองประชาธิปไตยตามรัฐธรรม ๒๔๗๕ ที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญก็สิ้นสุดลงตั้งแต่บัดนั้นมาการปกครองแบบ ประชาธิปไตยได้เปลี่ยนมาเป็นระบอบราชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่เหนือรัฐ ธรรมนูญแทน


รัฐบาล แปลก เผ่าทำการกวาดล้างนักการเมืองฝ่ายค้านอย่างรุนแรง คดีสยองขวัญเช่นการยิงทิ้งสี่อดีตรัฐมนตรีจากภาคอิสานที่ซานกรุงเทพ  โดยอ้างว่าย้ายที่คุมขังจากคุกกลางเมืองไปไว้นอกเมือง และถูกโจรจีนมลายูแย่งตัวกลางทาง  นักการเมืองฝ่ายค้านหัวเห็ดคนหนึ่งจากภาคอิสานเช่นกันได้ถูกพาตัวจากกรุงเทพ ไปช้อม ทารุณและถูกย่างสดในป่าห่างจากกรุงเทพไปทางตะวันตกประมาณ 100 กิโลเมตร


ก่อนที่ราชองครักษ์ 3 คนที่ถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยข้อหาว่าสมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมยุวกษัตริย์อานันท์รัชกาลที่ 8 ซึ่งเป็นพีชายของกษัตริย์ภูมิพลนั้น  คนหนึ่งได้ขอพบเผ่าเป็นส่วนตัวและได้พูดกับเผ่าตามลำพังประมาณ 10 นาที เมื่อหนังสือพิมพ์ได้ถามหลังการประหารสามคนนั้นแล้วว่าได้คุยกันเรื่องอะไร บ้าง เผ่าไม่ยอมตอบ แน่นอนเผ่าต้องรู้ว่าใครเป็นฆาตกรโหดในคดีดังกล่าว และไม่เป็นที่น่าสงสัยอะไรเลยว่า   เผ่าจะไม่ได้บอกเพื่อนสนิทให้รู้ความลับนี้ในจำนวนเหล่านั้นแน่ละมี แปลก สฤษดิ์ และประภาสรวมอยู่ด้วย



เมื่อปี 2500 มีการเลือกตั้งทั่วไปพรรคเสรีมนังคสิลาโกงการเลือกตั้งทุกวิถีทาง  โอกาสของ


กษัตริย์ภูมิพลที่คอยอยู่นานก็ได้มาถึง  เมื่อประชาชนเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้งที่สกปรกนั้น


แน่ ละ ซี ไอ เอ เห็นท่าว่าจะไม่สู้ดีเท่าไหร่นักที่จะให้แปลกและเผ่าอยู่ในอำนาจต่อไป  จอมพลสฤษดิ์ได้ออกมายืนอยู่แถวหน้าของขบวนประชาชนนำทหารออกมาตั้งแถวต้อนรับ ขบวนประท้วง โดยไม่ทำร้ายใครเหตุการณ์คราวนั้นทำให้สฤษดิ์กลายเป็นขวัญใจของประชาชน  จากคำบอกเล่าของอดีตนายทหารคนสนิทคนหนึ่งของสฤษดิ์  กษัตริย์ยืนอยู่เบื้องหลังสฤษดิ์อย่างกระวนกระวายใจความขัดแย้งอย่างรุณแรง ระหว่างผู้นำตำรวจกับผู้นำทหารสมัยนั้นปรากฏเป็นข่าวอยู่บอ่ยๆโดยเฉพาะการ ค้าฝิ่นค้าของเถื่อนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่นๆ  ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเครื่องมือและอุปกรณ์จากอเมริกาพอฟัดพอเหวี่ยงกันทั้งทางบกทางเรือและทางอากาสตลอดจนกำลังคน


เผ่าวางแผนจะทำรัฐประหารกลางเดือนกันยายน 2500 ความทะเยอทะยาน ของพลเอกเผ่าที่ยึดอำนาจนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นระบอบ สาธารณะรัฐโดยจะเชิดให้ จอมพล ป. ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ซึ่งจอมพล ป.เองก็มีแนวคิดและแผนการณ์อย่างนั้นอยู่แล้วพอได้โอกาศ แปลก จึงได้ขอเข้าพบกษัตริย์ภูมิพลเพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะรื้อฟื้นคดีปรงพระชน ร. ๘ ขึ้นมาพิจารณาใหม่เพราะได้หลักฐานมาใหม่ ทำให้กษัตริย์ภูมิพลต้องนิ่งอึ้งพระพักตร์เปลี่ยนสีไปทันที่  เมื่อจอมพล ป.ได้แจ้งความประสงค์ให้กษัตริย์ทราบแล้วก็ลากลับออกจากพระราชวัง   และ ในวันเดียวกันนั้นกษัตริย์ภูมิพลก็ได้เรียกให้สฤษดิ์เข้าพบและบอกว่า แปลกขอปลดสฤษดิ์ออกจากตำแหน่ง สฤษดิ์จึงชิงยึดอำนาจในวันเดียวกันก่อนเผ่าไม่กี่ชั่วโมง คือวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๐ เวลา ๑๙ นาฬิกา  ซึ่งแผนกาณ์ยึดอำนาจของเผ่าเป็นเวลา ๒๑ นาฬิกาในวันเดียวกัน


นับ ว่ากษัตริย์ภูมิพลเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด   ถ้าสฤษดิ์ไม่ชิงยึดอำนาจเสียก่อนปล่อยให้เผ่ามีโอกาศทำตามแผนการณ์ยึดอำนาจ ของเขาประวัติศาสตร์ชาติไทยคงเปลี่ยนเป็นอีกหน้าใหม่คงได้เป็นประเทศสาธารณะ รัฐตั้งแต่นั้นมา  คดีสวรรคต ร. ๘ คงได้ถูกพิจารณาอย่างเป็นธรรมตามหลักฐานพะยานที่เป็นจริงตามตัวบทกฏหมาย ฆาตกรตัวจริงก็คงจะโดนถอดออกจากการเป็นกษัตริย์ คงจะต้องถูกศาลพิพากษาให้ติดคุกติดตะรางหรือถึงต้องประหารชีวิตให้ตกตายไป ตามกัน บัลลังก์ของกษัตริย์ภูมิพลก็คงสิ้นสลาย สิ้นสุดยุคของการปกครองระบอบราชาธิปไตย ประเทศไทยก็คง กลายเป็นประเทศสาธารณะรัฐประชาธิปไตยของประชาชน ไปแล้ว การชิงยึดอำนาจของสฤษดิ์จึงเป็นการต่ออายุให้แก่กษัตริย์ภูมิพล ทำให้กษัตริย์ภูมิพลได้มีโอกาศนั่งบัลลังก์สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้  ดังนั้นสฤษดิ์จึงมีบุญคุณต่อกษัตริย์ภูมิพลอย่างหาที่เปรียบมิได้  เมื่อสฤษดิ์ยึดอำนาจเสร็จภูมิพลก็แต่งตั้งให้สฤษดิ์ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในพระนคร  เมื่อขึ้นมามีอำนาจถึงแม้สฤษดิ์จะโกงกินชาติบ้านเมืองอย่างไรจะมีเมียน้อสัก กี่คนก็ตาม  พระชนนีศรีสังวาลย์  ( นาง สังวาลย์ ) แม่ของกษัตริย์ภูมิพลยังได้เขียนคำปรารถไว้ในหนังสือที่ระลึกงานเผาศพของ สฤษดิ์ว่า “ จอมพลสฤษ์ดิ์ถึงแม้เขาจะโกงกินอย่างไรและมีเมียน้อยสักกี่คนก็ตาม เขาคือขุนพลคู่บัลลังก์ " ..
 


กษัตริย์ภูมิพลไปเยี่ยมสฤษดิ์ที่โรงพยาบาลก่อนสฤษดิ์เสียชีวิตในปี ๒๕๐๖  บางข่าวก็ว่าสฤษดิ์ตายเพราะถูกวางยาพิษจากกษัตริย์ภูมิพลเอง  ตามคำพังเพยที่ว่า " เสร็จนาฆ่า โคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล " เพราะตอนหลังที่สฤษดิ์ขึ้นมามีอำนาจแล้วก็มีอิทธิพลมาก   ทำให้กษัตริย์ภูมิพลมีความหวาดระแวงและเกรงกลัวอิทธิพลของจอมพลสฤษดิ์        เพราะสฤษดิ์เองก็รู้ความลับของกษัตริย์ภูมิพลเกี่ยวกับการฆ่าพีชาย คือ ร.๘... ในหลวงอานันท์     ในทางเปิดเผยสฤษดิ์ก็แสดงตัวว่าจงรักภักดีต่อกษัตริย์   แต่ในทางลับสฤษดิ์เองก็เคยพูดให้ทหารคนสนิทฟังเมื่อยามมืนเมาว่า  " ถ้ามึงจะเผด็จการมึงก็ต้องมีหุ่นบังหน้าชิวะไอ้โง่ เงินของกูเมื่อไหร่ "   แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สฤษดิ์มาด่วนตายเสียก่อน   นับว่าโชคยังเข้าข้างกษัตริย์ภูมิพลอีกครั้งหนึ่ง ...

วิวาทะ 'สมศักดิ์-พิชิต' จะปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญทางไหนดี Vote No หรือ No Vote

Prachatai


สมศักดิ์ อัดประชามติเก๊ สมควรบอยคอต ชี้ในทางปฏิบัติคงทำไม่ได้ เพราะเพื่อไทยเองก็ยังไปโนโหวต แม้แต่แอ๊กติวิสต์ไม่เคยชินกับวิธีการอื่น มองเป็นตลกร้ายแม้ออกเสียงภายใต้กระบอกปืน กลับไม่มีการบอยคอต ย้อนถามถ้าไปร่วมสังฆกรรมแล้วเปิดผ่าน จะเอาเหตุผลอะไรไปปฏิเสธ รธน. นี้ ระบุไปโหวตโนเสียโอกาสที่จะบอกว่าประชามติครั้งนี้จอมปลอม
"เป็น sad irony หรือตลกร้ายน่าเศร้าเหมือนกัน ที่ในประวัติศาสตร์ยุคใกล้นี้ เรามีแต่การ...บอยคอตการเลือกตั้ง แต่การให้ไปออกเสียงภายใต้กระบอกปืนแบบนี้ กลับไม่มีการบอยคอตกัน" สมศักดิ์กล่าว
ด้าน พิชิต ย้ำจุดยืนโหวตโน ชี้แม่ร่างฯ ผ่าน แต่มีคนไม่รับเป็นล้าน รธน.ก็ไม่ชอบธรรมอยู่ดี อัดการโนโหวตจะไม่มีผลสะเทือนทางการเมืองใด ๆ เลย ยกพันธมิตรเป็นตัวอย่าง ชี้การโหวตโน เห็นผลชัดเจนกว่า และยังเป็นช่องทางอธิบายปัญหารธน. ระบุยิ่งโนโหวตยิ่งทำให้ร่างรธน.จะผ่านง่ายขึ้น
"แต่ความจริงคือ ถ้าพวกคุณบอยคอตไม่ไปใช้สิทธิ์ เขาก็นับรวมพวกคุณไปกับพวกไม่ใช้สิทธิ์อื่น ๆ นั่นแหละ แยกไม่ออกว่า ใครบอยคอต ใครนอนหลับทับสิทธิ์ เช่น ประชามติปี 2550 มีคนไม่ใช้สิทธิ์ 20 ล้านคน ถ้าเป็นปี 2559 คุณจะอ้างหรือว่า ทั้ง 20 ล้านคนที่ไม่ใช้สิทธิ์เป็นโนโหวต คว่ำบาตรการลงประชามติ ใครจะไปเชื่อคุณ" พิชิต กล่าว

มติสงฆ์ ใช้กฎสงฆ์จัดการ"อลัชชีพุทธะอิสระ" รัฐบาลยันไม่ยุ่งธรรมวินัย โยน พศ.แก้ปมเครือข่ายสงฆ์-พุทธะอิสระ ขัดแย้งกัน



matichonweeklys foto.


จี้’คณะสงฆ์นครปฐม’ลงโทษ’เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย’ อ้างปล่อย’พุทธะอิสระ’ทำหมู่สงฆ์แตกแยกhttp://www.matichon.co.th/news/90707
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะสงฆ์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ได้ออกประกาศ เรื่องลงอุกเขปนียกรรมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ใจความว่า “ด้วยพระพุทธะอิ…

ติดตามข่าวก้าวทันสถานการณ์บ้านเมือง ก้าวทันสถานการณ์โลก ปลูกปัญญาหาทางออกหลุดพ้นจากกะลาครอบ...

prachachat
ชายเเดนไทยอยู่ตรงไหน? หลังขุดพบหลักเขตที่6ไทย-กัมพูชา ยังต้องหาอีกเพียบ!






สำนักข่าวอาร์ที รายงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ระบุว่า มีคนร้ายขู่วางระเบิดสนามบินโกเธนเบิร์ก-แลนด์เว็ตเตอร์ ในแคว้นโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ในวันเดียวกันนี้…

วันที่ 31 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าไฟไหม้ป่าภูเขาภูสิงห์ บริเวณรอบวัดพุทธาวาสภูสิงห์ สถานที่ปฏิบัติธรรมและวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด ในพื้นที่ ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์…




“ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชใหม่”.สร้างเครือข่ายราชสำนักเพื่อบริหารจัดการรัฐ

ย้อนรอยประวัติเก่า เรื่องเก่าเล่าใหม
สร้างเครือข่ายราชสำนักเพื่อบริหารจัดการรัฐ



 « SecrecyNews's Blog


คลิกดู*สร้างเครือข่ายราชสำนักเพื่อบริหารจัดการรัฐ*
บท: ดารณี รวีโชติ
มื่ออำนาจของราชสำนักได้เริ่มตั้งมั่นในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แล้วราชสำนักก็ได้เปลี่ยนฐานะจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุกในทางการเมือง หรือเปลี่ยนจากด้านรองกลายเป็นด้านหลักของคู่ขัดแย้งทางการเมือง และนับแต่นั้นมาบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย

จึงมิใช่บทบาทในระบอบการ ปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกต่อไป หากแต่เป็นบทบาทในระบอบการปกครองใหม่ที่เรียกว่า “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชใหม่”
ราชสำนักได้แสดงบทบาททางการเมืองที่เป็นด้านหลักในการควบคุมกลไก

ของระบบการ เมือง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม โดยผ่านกลไกต่างๆ ที่ถูกจัดสร้างขึ้นอย่างแนบเนียนที่เรียกว่า “เครือข่ายราชสำนัก” หรือเครือข่ายกษัตริย์(Network Monarchy) โดยมีคณะองคมนตรีเป็นศูนย์กลางในการบริหารเครือข่ายอำนาจด้วยวิธีการถ่าย
อำนาจเชิงสัญลักษณ์ของราชสำนักไปสู่บุคคลที่มีสถานภาพสูงทางสังคมการเมือง และรับใช้ใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท โดยคำกล่าวแสดงเจตนาของบุคคลนั้นจะถูกสังคมตีความเป็นเสมือนความต้องการของ องค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งบุคคลในลักษณะนี้สังคมได้เรียกขานด้วยถ้อยคำที่
สั้นกะทัดรัดและแสดงคุณลักษณะได้ครบถ้วนว่า “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”ในช่วงระยะเวลา 5 ทศวรรษ เครือข่ายราชสำนักได้ขยายตัวครอบงำไปในทุกวงการของสังคมไทย นับตั้งแต่วงการทหาร ตำรวจข้าราชการ สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน แม้กระทั่งขบวนการ NGO (องค์กรพัฒนาภาคเอกชน)
โดยทุกวงการจะมีแกนนำที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าใกล้ชิด ในฐานะเป็นคนไทยตัวอย่าง และหลายคนได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นกระบอก เสียงของเครือข่ายราชสำนักว่าเป็นนักคิดตามแนวพระราชดำริที่ประชาชนควรจะ
เชื่อฟังและถือเป็นแบบอย่าง เช่น พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์, นายแพทย์ประเวส วะสี, นายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นต้น จนกระทั่งบุคคลเหล่านี้เป็นเสมือนหนึ่งเงาแห่งพระองค์ที่คนในสังคมจะติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่ในด้านกลับกัน บุคคลเหล่านี้กลับกลายเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจทางสังคม
ที่คอยตำหนิติเตียนผู้ อื่นในสังคมนี้ โดยเฉพาะการตำหนิฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ลักษณะของบุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลผู้สูงอายุ และมีลักษณะเกาะกลุ่มกันทางความคิด ในฐานะเป็นผู้หวังดีต่อบ้านเมืองจึงทำให้ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่ถูกขนาน
นามขึ้นนั้นเกิดภาพเชิงสัญลักษณ์เป็น “สถาบันผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ”ของสังคมไทยการแสดงบทบาทของเครือข่ายราชสำนักในการโค่นล้มอำนาจของรัฐบาลในรัชกาล ปัจจุบัน ซึ่งได้ตั้งมั่นมากว่า 5 ทศวรรษแล้วนี้ เป็นข้อมูลที่ดำมืดไม่อาจจะเปิดเผยได้ คนไทยจึงเห็นแต่เหตุการณ์การล่มสลายของรัฐบาลต่างๆ
ด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาด โดยมองไม่เห็นความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่ราชสำนักเป็นตัวจักรสำคัญ ทำให้การเรียนรู้ทางการเมืองถูกจำกัดข้อมูลและทฤษฎีการวิเคราะห์ ดังนั้นนักรัฐศาสตร์ และอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของไทยจึงกลายเป็นผู้ด้อยปัญญาโดยถูกครอบงำทาง
วัฒนธรรมด้วยวาทะกรรมว่า “พระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง” และทั้งการคิดและการกล่าวถึงพระองค์เป็นสิ่งต้องห้ามทางกฎหมายและทาง วัฒนธรรม แต่แล้วทฤษฎีวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ก็ได้ทำหน้าที่ของมัน กรณีวิกฤติการณ์การเมืองไทยเริ่มจากการโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตยที่ประชาชน
พึงพอใจและเห็นประโยชน์ของนโยบายที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมคือรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อ 19 กันยายน 2549 และขยายสู่การก่อจลาจลของกลุ่มพันธมิตรฯ ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งติดต่อกันอีก 2 รัฐบาลคือ รัฐบาลนายสมัคร และนายสมชาย อย่างไร้เหตุผล
และติดตามมาด้วยการเปิดเผยข้อมูลลับของทักษิณ ที่เปิดโปงเครือข่ายราชสำนัก ได้แก่พลเอกเปรม, พลเอกสุรยุทธ องคมนตรี, ม.ล.ปีย์ มาลากุล ที่มีการร่วมประชุมลับกันเพื่อโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ กับประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุด
โดยเป็นผลจากพระราชดำรัสของพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 ที่ส่งสัญญาณความไม่พอใจต่อรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (รายละเอียดดูภาคผนวกท้ายเล่ม)
เครือข่ายราชสำนักจึงเป็นตัวจักรสำคัญของการกำหนดทิศทางการเมืองไทย
คลิกอ่านเพิ่ม-
Read More




รู้เท่าทันศักดินา เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย....การเรียนรู้การเมืองไทยจากประวัติศาสตร์ คือการส่องไปในอดีต เพื่อมองอนาคต เพื่อจะเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น และมองเห็นอนาคตได้ง่ายขึ้น



รูปภาพของ James Walsky Magazine
James Walsky Magazine

รู้เท่าทันศักดินา
ตอน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เราไม่รู้จัก (ตอนที่ ๓)
รู้หรือไม่ว่า เขาคือใคร
...
- เขาเป็นลูกคนธรรมดา พื้นเพเป็นคนเมืองนนท์
- เขาเป็นทหารปืนใหญ๋
- เขาเป็นนักเรียนเสนาธิการฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในคณะราษฎร์
- เขาร่วมการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศในขณะอายุ ๓๕ ปี
- เขาเป็นแม่ทัพผู้ปราบกบฏบวรเดชในขณะอายุ ๓๖ ปี
- เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ๘ สมัย รวมเวลาเกือบ ๒๐ ปี
- เขาเป็นจอมพลคนแรกของประเทศไทย
- เขาเป็นเคยเป็นนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย และผบ.ทบ. ในคราวเดียวกัน
- เขาเป็นผู้กุมชะตาของประเทศในภาวะที่ขับขันที่สุด
- เขาเคยต้องติดคุกในฐานอาชญากรสงคราม
- หลังพ้นโทษต้อง เขาต้องยุติบทบาททางการเมืองและกลับมาทำไร่ถั่วฝักยาว
- ต่อมาชีวิติของเขาพลิกผันเมื่อผู้ที่จงรักภักดียึดอำนาจมาให้อีกครั้ง
- เขาเคยผ่านการรัฐประหารและกบฎนับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งรัฐประหารตัวเอง
- เขาเคยนเคยถูกลอบสังหารมาแล้วถึง ๓ ครั้ง ทั้งโดนยิง และวางยาพิษ
- เขาเคยถูกทิ้งระเบิดผ่านเตียงที่นอนอยู่
- เขาเคยโดนจี้เป็นตัวประกันบนเรือรบ แต่รอดตายมาได้โดยว่ายน้ำขึ้นฝั่ง
- สุดท้าย เขาต้องจบชีวิตในต่างแดนโดยไม่มีโอกาสกลับสู่มาตุภูมิ
เขาชื่อ จอมพล ป. พิบูลสงคราม....
มีชื่อเดิมว่า "แปลก ขีตตะสังคะ"

หลายคนบอกว่า เขาคือ นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่เคยมีในประเทศนี้ หลายคนรู้ว่า เขาคือนักบุกเบิกเพื่อสามัญชน หลายคนรู้ว่าเขาคือนักการทหารที่ต่อสู้ ขับเคี่ยวกับศักดินาอย่างถึงพริก ถึงขิงที่สุดในประวัติศาสตร์
แต่ทำไมความดีงามที่เขาเคยทำไว้ในแผ่นดิน จึงหายไปในประวัติศาสตร์ ?
ถ้าไม่มีจอมพล ป.พิบูลสงคราม ในประวัติศาสตร์ วันนี้ ประเทศนี้หน้าตาจะเป็นอย่างไร ?
ดูเพิ่มเติม



รูปภาพของ James Walsky Magazine




James Walsky Magazine ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพ
เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ตอน ปันยารชุน กับ จุดยืนในการเมืองสยาม(ตอน ๒)
หากการเรียนรู้การเมืองไทยจากประวัติศาสตร์ คือการส่องไปในอดีต เพื่อมองอนาคต การย้อ...นมองตัวละครสำคัญในการเมืองไทยปัจจุบัน โดยศึกษาย้อนกลับเข้าไปในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็จะเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น และมองเห็นอนาคตได้ง่ายขึ้น เช่น
เมื่อเอ๋ยถึง "ปันยารชุน" ทุกคนมักจะนึกถึง นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของฉายา ผู้ดีรัตนโกสินทร์ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า "ปันยารชุน" นั้นเกี่ยวข้องกับ การเมืองสยามมาช้านาน โดยเฉพาะการทำงานรับใช้ราชสำนักมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ ๑. พระยาสฤษดิการบรรจง(สมาน ปันยารชุน)ได้กล่าวไว้ตอน ๑ และ ตอน ๒นี้ จะกล่าวถึง บิดาของนายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งก็คือ...
๒. มหาอำมาตย์ตรี พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน)
พระยาปรีชานุสาสน์ เดิมชื่อว่า เสริญ ปันยารชุน เกิดเมื่อ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๓ ที่บ้านริมคลองบางหลวง ธนบุรี เป็นบุตรของพระยาเทพประชุน (ปั่น ปันยารชุน) กับคุณหญิงจัน
ตัวของนายเสริญ ปันยารชุน มีประวัติด้านการศึกษาและการรับราชการโดดเด่นมาก * เป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ (เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว) ซึ่งสามัญชนน้อยมาก นอกจากจะเป็นผู้ทีสืบเชื้อสาย ราชสกุลเท่านั้น จึงได้รับโอกาสเช่นนั้น
ในแง่ของการรับราชการ นายเสริญ ปันยารชุน ก็ประสบความสำเร็จสุงสุด ได้รับความไว้วางใจจากราชสำนัก ดูแลโรงเรียนวชิราวุธและ สุดท้ายดำรงตำแหน่ง ปลัดทูลฉลอง กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖
การลาออกจากราชการของนายเสริญ ปันยารชุน ในปี พ.ศ.๒๔๗๘ น่าสนใจมาก** เพราะอยุ่ในปีเดียวกับที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ (ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ) ทรงปลงพระชนม์พระองค์เอง*** ซึ่งหลานปู่ของท่าน (พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ )คือ หม่อมราชวงศ์สดศรีสุริยา จักรพันธุ์**** ต่อมาได้เป็น ภรรยาของนายอานันท์ ปันยารชุน
เมื่อพระยาปรีชานุสาสน์ลาออกจากราชการเมื่ออายุได้ ๔๕ปี ใน พ.ศ. ๒๔๗๘ และได้ก่อตั้งบริษัท สยามพาณิชยการ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจการพิมพ์ จนต่อมาได้เป็นสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยคนแรก จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๕ *****
โปรดสังเกตุ การเติบโตและหน้าที่การงาน ความเกี่ยวข้องกับราชสำนักของ
นายเสริญ ปันยารชุน ตั้งแต่การได้รับทุนเล่าเรียนหลวงในยุคนั้น การได้รับความไว้วางใจให้ดุแลโรงเรียนวชิราวุธ การเติบโตในกระทรวงธรรมการ จนกระทั่งได้ลาออกจากราชการในยุคของคณะราษฎร์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกวาดล้างผู้ที่เกี่่ยวข้องกับ กบฎฝ่ายเจ้าพ.ศ.๒๔๗๖ หรือ กบฎบวรเดช นั้นเอง

หมายเหตุ :
* พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน) จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒
หลังจบการศึกษา ได้กลับมาเป็นครูสอนหนังสือที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๖๙ - ๒๔๗๖ และได้เป็นปลัดทูลฉลอง กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖
.......................................
** พระยาปรีชานุสาสน์ ลาออกจากราชการเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ ได้ก่อตั้งบริษัท สยามพาณิชยการ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจการพิมพ์ และออกหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เช่น "สยามนิกร" "บางกอกครอนิเคิล" "สุภาพสตรี" "ไทยฮั้วเซียงป่อ" มีนักหนังสือพิมพ์ในสังกัด เช่น โชติ แพร่พันธุ์ มาลัย ชูพินิจ สุภา ศิริมานนท์ เฉลิม วุฒิโฆษิต ประภาศรี ศิริวรสาร มาลี พันธุมจินดา (สนิทวงศ์) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ไทยพาณิชยการ และขายกิจการให้แก่ อารีย์ ลีวีระ
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ กลุ่มนักหนังสือพิมพ์ของไทย ได้รวมตัวกันจัดตั้ง สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคัดเลือก พระยาปรีชานุสาสน์ เป็นนายกสมาคมคนแรก จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๕
.........................................
*** พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ ทรงปลงพระชนม์พระองค์เองเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ เนื่องจากทรงคับแค้นพระทัยที่ถูกอำนาจการเมืองในขณะนั้น (สมัยพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นนายกรัฐมนตรี) บีบคั้นให้กดดัน และฟ้องร้องดำเนินคดี ดำเนินการริบทรัพย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงสละราชสมบัติไปก่อนหน้านั้น
อนึ่ง ในเวลานั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าออศคาร์นุทิศ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ เป็นประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
.........................................
**** หม่อมราชวงศ์สดศรี ปันยารชุน มีนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์สดศรีสุริยา จักรพันธุ์ เป็นธิดาของพลโท หม่อมเจ้าคัสตาวัส จักรพันธุ์ พระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ กับ หม่อมหวน จักรพันธุ์ ณ อยุธยา และหม่อมเจ้าทิตยาทรงกลด รพีพัฒน์พระธิดาพระองค์ที่ ๑๑ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กับ หม่อมอ่อน รพีพัฒน์ ณ อยุธยา มีพีน้องร่วมพระบิดาและพระมารดาเดียวกัน คือ
หม่อมราชวงศ์กทลี สุนทรสิงคาล สมรสกับ พันตำรวจเอกวสิฐ สุนทรสิงคาล
หม่อมราชวงศ์ตราจักร จักรพันธุ์ สมรสกับ อรวรรณ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา (ตันตยาวนารถ)

หม่อมราชวงศ์สดศรี ปันยารชุน เป็นลื่อในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นพระปนัดดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ และเป็นพระนัดดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าออศคาร์นุทิศ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์
หม่อมราชวงศ์สดศรี ปันยารชุน สมรสกับอานันท์ ปันยารชุน มีธิดา ๒ คน คือ
นันดา ไกรฤกษ์ (สมรสกับ ไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ บุตร นายเพิ่มพูน ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการสำนักพระราชวัง)
ดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ (สมรสกับ ชัชวิน เจริญรัชต์ภาคย์ บุตร ศ.ดร.เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมและ ท่านผู้หญิงสมศรี เจริญรัชต์ภาคย์)
........................................
***** พระยาปรีชานุสาสน์ลาออกจากราชการเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ ได้ก่อตั้งบริษัท สยามพาณิชยการ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจการพิมพ์ ซึ่งนอกจากรับจ้างงานพิมพ์ทั่วๆ ไปแล้วยังลงทุนออกหนังสือพิมพ์ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ครบทั้ง ๓ ภาษาเจ้าแรกของเมืองไทย คือ หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร และนิตยสาร สุภาพสตรี ในภาษาไทย, หนังสือพิมพ์รายวัน ไทยฮั้วเซี่ยงป่อ ในภาษาจีน และหนังสือพิมพ์รายวัน บางกอกโครนิเกิล ในภาษาอังกฤษ ฯลฯ
ความเป็นมาที่ได้ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
เพราะ

"นักหนังสือพิมพ์ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการรวมเพื่อนๆ มาจับกลุ่มกันเป็นสมาคมฯคือ คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ ทั้งๆ ที่มีอายุอานามเพียง ๓๖ ปี
แต่ คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ ก็ยืนยันเสียงหนักแน่นว่าผลักดันทุกอย่างให้เดินหน้าเพื่อสร้างสมาคมฯเพื่อเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่เพื่อตัวเองเพราะฉะนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว สมควรเชิญพระยาปรีชานุสาสน์ นักหนังสือพิมพ์อาวุโสมาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนแรก"

ท่านพระยาปรีชานุสาสน์ จึงเป็นนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ฯ คนแรก นับจากวันก่อตั้งเมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๘๔ จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๕ รวม สองสมัยติดต่อกัน
การตัดสิทธิ์การศึกษา หรือ การกีดกันการศึกษาในร่างรัฐธรรมนูญปี ๕๙ นี้ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก เพราะ การกีดกั้นราษฎร์ไม่ให้ได้รับการศึกษา มีมานานแต่อดีตกาล.......


รูปภาพของ James Walsky Magazine
James Walsky Magazine
เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ตอน การกีดกั้นราษฎร์ไม่ให้ได้รับการศึกษา มีมานานแต่อดีตกาล
เรื่องการตัดสิทธิ์การศึกษา หรือ การกีดกันการศึกษาในร่างรัฐธรรมนูญปี... ๕๙ นี้ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก
เพราะหากเราได้ศึกษาจากประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะเห็นว่าในการให้พลเมืองเข้ารับราชการเป็นเรื่องของชนชั้นสูงเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า หากจะรับราชการ หรือ ประกอบอาชีพอื่นๆ (นอกจากยาม ซึ่ง กม.กำหนดให้จบ ม.๓) จำเป็นต้องเรียนต่อในระดับทีสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ นี่คือประเด็นทางชนชั้นที่ชัดเจนมาก
เรื่องการให้การศึกษาในระดับสูง เป็นพื้นที่สงวนของชนชั้นสูงมานานมากแล้ว เรื่องราวเหล่านี้ สามารถศึกษาได้จากประวัติศาสตร์การเมืองไทย ดังต่อไปนี้
- จากประกาศคณะราษฎร พ.ศ. ๒๔๗๕
"ประกาศคณะราษฎร" ในตอนที่กล่าวว่า "มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กินว่าราษฎรรู้เท่าไม่ถึงเจ้านั้นไม่ใช่เพราะโง่ เป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่เพราะเกรงว่าราษฎรได้มีการศึกษาก็จะรู้ความชั่วร้ายที่ทำไว้และคงจะไม่ยอมให้ทำนาบนหลังคน" *๑
- จากการสำรวจพระราชดำรัส ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะพบข้อน่าสนใจดังนี้
๑.รัฐบาลกษัตริย์ชักจูงคนให้มาสนใจ "แบบเรียนที่รัฐกำหนดเนื้อหา (อุดมการณ์แห่งสยาม)" ด้วยแรงจูงใจบางประการ (คือ ถ้าไม่เรียนก็จะไม่ได้ "รับราชการ") :
"นักเรียนทั้งปวง...เราจะขอกล่าวซ้ำอีกว่าต่อไปภายหน้า คนที่ไม่รู้หนังสือแล้วจะไม่ได้รับราชการเป็นแน่แท้" (พระราชดำรัสพระราชทานรางวัลแก่นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ พ.ศ.๒๔๒๙) *๒
๒.แม้ประชาชนจะมีการศึกษาแต่ความเจริญทั้งปวงต้องขึ้นต่อการนำของกษัตริย์ (ต้องรู้จักสำเหนียกตน "ข้าเจ้า") เพื่อความเป็นอิศรภาพจากต่างชาติ ดำรงความเป็นเอกราช (ราชา+คนเดียว) :
"ท่านทั้งหลายผู้เป็นประชาชนของเรา บัดนี้ควรที่เราทั้งหลายจะปณิธานอันดีและรักษาไว้ด้วย เราตั้งใจอธิษฐานว่าเราจะกระทำการจนเต็มกำลังอย่างดีที่สุดที่จะให้กรุงสยามเป็นประเทศอันหนึ่งซึ่งมีอิศรภาพและความเจริญ และส่วนท่านทั้งหลายทั้งปวงนั้น จะเป็นผู้มีความตรงและความจริงต่อพระเจ้าแผ่นดินของตน และช่วยกันกระทำการทุกสิ่งซึ่งพระเจ้าแผ่นดินจะทรงทำให้เป็นการดีแก่ท่านทั้งหลายด้วย" *๓
- จากแบบเรียน ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะพบข้อน่าสนใจดังนี้
เมื่อมีกระทรวงธรรมการแล้วก็ทำ "แบบเรียน" ปลูกฝังอุดมการณ์จงรักภักดีต่อกษัตริย์และชาติผ่าน "การศึกษา" :
"อย่าลืมว่าเราเป็นคนรักชาติของเราและรักพระเจ้าอยู่หัวของเรามากกว่าตัวของเราเอง" (แบบเรียนธรรมจรรยา เล่ม ๒, ๒๔๖๖)*๔
เชิงอรรถ
*๑ อ่าน ประกาศคณะราษฎร ใน "เว็บไซต์นิติราษฎร์" : http://www.enlightened-jurists.com/…/Statement-of-Thai-Revo…
*๒ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระราชดำรัสตอบในการพระราชทานรางวัลนักเรียนที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ใน "พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๑๗ ถึง พ.ศ.๒๔๕๓)", พระนคร, กรมศิลปากร, ๒๔๕๘. หน้า ๓๘.
*๓ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, อ้างแล้ว, หน้า ๒๙-๓๐.
* ๔ หนังสือแบบเรียนธรรมจรรยา เล่ม ๒ พ.ศ.๒๔๖๖ ใน "วิทยาจารย์" เล่ม ๒, หน้า ๑๖๕.
หมายเหตุ :
แหล่งข้อมูลบางส่วนจาก : http://blogazine.pub/blogs/phuttipong/post/3725
ดูเพิ่ม







คลิป100 เรื่องของในหลวงที่คนไทยไม่รู้


-เราจะยอมพวกมันไปถึงไหน
100 เรื่องของในหลวงที่คนไทยไม่รู้ ทางออกทางเดียวของประชาชนคือต้องรวมพลังกันเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ไม่ยอมให้เผด็จการราชาธิปไตยกดขี่ข่มเหงอีกต่อไป
คลิกฟัง-
https://youtu.be/jXMoP3D5iqI



-เปลี่ยนผ่านสู่รัชกาลที่ 10 !!
100 เรื่องของในหลวงที่คนไทยไม่รู้ว่าด้วยการใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จด้วยข้ออ้างเพื่อเตรียมการเปลี่ยนรัชกาล
คลิกฟัง
-https://youtu.be/GdsuZmf661U  
-พระปรีชาสามานย์ !
100 เรื่องของในหลวงที่คนไทยไม่รู้ เรื่องความเก่งกล้าสามารถและเสียสละที่ไม่มีจริงของกษัตริย์ภูมิพล
คลิกฟัง-https://youtu.be/k1fBjX01GDg

บีบีซีไทย - BBC Thai


บีบีซีไทย - BBC Thais foto.
บีบีซีไทย - BBC Thai
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ออกแถลงการณ์เรื่องจุดยืนต่อการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันไปลงมติไม่รับร่างดังกล่าว และร่วมกันหาหนทางไปสู่ระบอบประชาธิปไตยด้วยมือของประชาชนเอง
แถลงการณ์ที่เผยแพร่บนหน้าเฟซบุ๊กขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (New Democracy Movement - NDM) ลงวันที่ 30 มี.ค. 2559 อ้างถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นำโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้แถลงเปิดเผยรายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบั...บที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างแรกเมื่อสองเดือนที่แล้ว ซึ่งทางขบวนการประชาธิปไตยใหม่ยังเห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้ยังคงมีบทบัญญัติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยในหลายประเด็น เช่นใช้ถ้อยคำกำกวมเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ การให้สิทธิชุมชนแบบครึ่งๆ กลางๆ การตัดโอกาสทางการศึกษาระดับมัธยมปลายและอาชีวศึกษา การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่บิดเบือนความต้องการที่แท้จริงของประชาชน รวมทั้งโครงสร้างศาลและองค์กรอิสระที่ขาดการยึดโยงกับประชาชน เป็นต้น
แถลงการณ์ยังระบุว่า ประเด็นทั้งหมดทั้งมวลนี้แสดงให้เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังคงพยายามบ่อนเซาะสถาบันที่มาจากการเลือกตั้งให้อ่อนแอ และเอื้อให้สถาบันที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนเป็นผู้บงการการเมืองไทยในระยะยาว ไม่ต่างจากร่างเมื่อสองเดือนที่แล้ว จึงไม่มีทางที่ร่างรัฐธรรมนูญนี้จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยได้
คลิกดูเพิ่ม-Visa mer














เครือข่ายพระสังฆาธิการนิมนต์สงฆ์ทั่วประเทศ ขับ "พุทธะอิสระ" ออกจากหมู่สงฆ์ ชี้เป็นผู้หัวดื้อ-ภิกษุพาล

ThaiE - News



เครือข่ายพระสังฆาธิการนิมนต์สงฆ์ทั่วประเทศ ขับ "พุทธะอิสระ" ออกจากหมู่สงฆ์ ชี้เป็นผู้หัวดื้อ-ภิกษุพาล
https://www.youtube.com/watch?v=HOlLuuP25n8&feature=youtu.be&a

นิมนต์สงฆ์ทั่วประเทศ ขับ "พุทธะอิสระ"
NationTV22


Published on Mar 31, 2016

เครือข่ายพระสังฆาธิการนิมนต์พระทั่วประเท­ศลงอุกเขปนียกรรม ขับไล่ออกจากหมู่สงฆ์พระพุทธะอิสระในฐานะด­ื้อสอนยาก รองผอ.สำนักพุทธรายงานผลพูดคุยฝ่ายหนุน-ค้­านตั้งสังฆราชต่อรมต.สุวพันธุ์ รัฐมนตรีชี้ทำให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์



HOT ! ช่วงเปลี่ยนผ่าน ..บ้านเมืองระส่ำระสาย...ข่าวจับๆปล่อยๆ ข่าวระเบิดรายวันที่ปัตตานี

Prachatai
 Prachatais foto.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.32 น. ที่ผ่านมา วัฒนา เมืองสุข
ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก 'Watana Muangsook' หัวข้อ "โพสต์แรกเมื่อออกจากค่าย"
"วันนี้ (31 มีนาคม) เวลา 12.30 น. ผมถูกปล่อยตัวออกจาก มทบ.11 แล้วครับ รวมเวลาที่ถูกควบคุมตัวทั้งสิ้น 73 ชั่วโมง ผมขอทำธุระส่วนตัวบางอย่าง พรุ่งนี้เช้าผมจะมีความเห็นทางการเมืองต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงและให้กำลังใจครับ" วัฒนา กล่าว
(หมายเหตุ-มันคือสิทธิและหน้าที่ของคนไทยทุกคนในการทวงคืนความถูกต้องยุติธรรมให้ตัวเองและสังคม ขอเป็นกำลังใจคุณวัฒนาที่คุณหวงแหนรู้ค่าสิทธิความเป็นคนของตัวเองกล้าลุกขึ้นปกป้องปฎิเสธ
ความไม่ถูกต้องยุติธรรม) 




เกิดเหตุระเบิด 8 จุดที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มีอยู่จุดหนึ่งเกิดระเบิดขณะเจ้าหน้าที่จุดเก็บกู้ระเบิดเข้าพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส…



Chaturon Chaisang ....แจ้งความคืบหน้าคดีเพิกถอนหนังสือเดินทางหน่อยครับ

รูปภาพของ Chaturon Chaisang
Chaturon Chaisang
แจ้งความคืบหน้าคดีเพิกถอนหนังสือเดินทางหน่อยครับ
ตามที่ผมได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 13 มกราคม ปีนี้กรณีถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง โดยฟ้องร้องดำเนินคดีต่อกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กรมการกงสุล ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 อธิบดีกรมการกงสุล ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7
โดยได้ฟ้องว่า การเพิกถอนหนัง...สือเดินทางครั้งนี้เป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย และเป็นการจงใจกระทำละเมิดโดยผิดกฎหมาย จึงใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของตนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
ผมได้รับแจ้งจากทนายความผู้รับมอบอำนาจว่าได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งศาลปกครองกลางเป็นหนังสือลงวันที่ 18 มีนาคม 2559 แจ้งว่าตามที่ผมได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559 เป็นคดีดำเลขที่ 57/2559 นั้น ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ผมกับคณะทนายก็เตรียมสู้คดีต่อไปครับ
..........
‪#‎หนังสือเดินทาง‬ ‪#‎จาตุรนต์ฉายแสง‬
 
รูปภาพของ Chaturon Chaisang

ใบตองแห้ง : รธน.คนไทยโง่เลว

ใบตองแห้ง:รธน.คนไทยโง่เลว
 
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15:57 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 594 คน
ใบตองแห้ง


"เหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีผู้ไม่นำพาหรือไม่นับถือยำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบ ต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมาย ไม่เป็นผล ซึ่งจำต้องป้องกันและแก้ไขด้วยการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย และเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบคุณธรรมและจริยธรรม"


คำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญของกรธ. อ่านตอนแรกนึกว่าด่านักการเมือง ด่าคนขัดขวางเลือกตั้ง ที่ไหนได้ลงท้ายกลับบอกต้องปฏิรูปการศึกษา บังคับใช้กฎหมาย เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม

อ้าวนี่แปลว่าคนไทยส่วนใหญ่ด้อยการศึกษา ขาดศีลธรรม จรรยา และไม่เชื่อฟัง จนต้องปรับทัศนคติกันอีก 2 เจเนอเรชั่น ยังงั้นหรือครับ มิน่าเล่า ร่างรัฐธรรมนูญถึงเห็นว่าคนไทยไม่ควรมีอำนาจปกครองตนเอง ต้องให้ชนชั้นนำคนดีมีศีลธรรมเข้ามา มีอำนาจผ่านระบบแต่งตั้งอุปถัมภ์ ใช้อำนาจสกัดกั้นกลั่นกรองอำนาจเลือกตั้ง จนกว่าคนไทยจะอยู่ในโอวาท ในศีลในธรรม เลิกขัดแย้งกัน เข้าใกล้ยุคพระศรีอาริย์เมื่อไหร่ค่อยปกครองตนเอง


ร่างรัฐธรรมนูญนี้เห็นว่า "เพื่อผลประโยชน์ประชาชน" จำเป็น ต้องลิดรอนอำนาจประชาชน ถ้าอยากให้ประเทศเดินหน้า ประชาชนต้องร่วมมือเชื่อฟัง "ประชารัฐ" ถ้าอยากเป็นประชาธิป ไตย ก็ต้องยอมให้จัดระเบียบ อยู่ใต้บังคับบัญชา ถ้าอยาก "ปราบโกง" ก็ต้องยอมรับระบบสรรหาคนดีกับพวกพ้องเครือญาติ


ร่างรัฐธรรมนูญมีชัยไม่ได้สรุปบทเรียนความผิดพลาดของรัฐธรรมนูญ 2550 แม้แต่น้อย ที่ลดอำนาจตัดสินใจของประชาชน เพิ่มอำนาจสรรหา เพิ่มอำนาจตุลาการภิวัฒน์ตัดสิน "สองมาตรฐาน" ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมเพียงเพื่อทำลายล้างนักการเมืองจนทำให้วิกฤตบานปลาย

ยิ่งเกิดวิกฤต แทนที่คนชั้นนำจะโทษตัวเอง กลับโทษประชาชนที่นิยมพรรคการเมือง และยิ่งคิดจำกัดอำนาจประชาชน ลงทุกขั้นตอน ตั้งแต่สกัดคนเข้าสู่เลือกตั้ง เพิ่มอำนาจกกต. และศาลแจกใบแดง ซึ่งมีผลเปลี่ยนแปลงคะแนนนิยม เพิ่มอำนาจองค์กรอิสระ สกัดการหาเสียงด้วยนโยบายจนแทบทำไม่ได้ เพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญใช้ "มาตรฐานจริยธรรม" ถอดถอนตัดสิทธินักการเมืองโดยง่าย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดทางกฎหมาย


มิหนำซ้ำ ยังแก้ไขบทเฉพาะกาลตามคำขอ ให้ ส.ว. 250 คนมาจากการสรรหา แล้วแต่งตั้ง 5 ปี โดยมี 6 ผบ.เหล่าทัพเป็นโดยตำแหน่ง


เรื่องย้อนแย้งคือแล้วจะเอาไปทำประชามติทำไม ในเมื่อ คนไทยเคยเลือกตั้งส.ว.ตามรัฐธรรมนูญ 2540 เคยได้เลือกกึ่งหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ครั้งนี้จะให้ลงประชามติริบอำนาจตัวเอง กลับไปให้แต่งตั้งทั้งหมด พ้น 5 ปีแล้วก็ใช่ว่าจะได้เลือกตั้ง เพราะเป็นระบบผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญสมัครเข้ามาเลือกกันเอง

ถ้าเสียงส่วนใหญ่ยอมลงประชามติตัดอำนาจตัวเอง แปลว่าคนไทยฉลาดขึ้น มีการศึกษา ตระหนักในศีลธรรมจรรยา อย่างนั้นหรือ


แน่ละ มีคนจำนวนหนึ่งแซ่ซ้องโห่ร้องยินดี "รัฐธรรมนูญปราบโกง" นักการเมืองต่อต้านเพราะปิดช่องไม่ให้พวกมันโกง แต่คุณมอบอำนาจให้ใครปราบโกง คนที่มาจากการสรรหาและแต่งตั้งโดยสนช. โดยส.ว. โดยองค์กรอำนาจที่คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แต่คุณก็ยังเชื่อว่าการสรรหาโดยคนชั้นนำจะได้คนดีกว่าประชาชนเลือกมา


ที่จริง กรธ.พูดถูกนะครับว่า ต้องปฏิรูปการศึกษา เพราะการ ศึกษาไทยทำให้คนคิดไม่เป็น โดยเฉพาะพวกที่มีการศึกษา

ร่างรัฐธรรมนูญมีชัยเป็นตัวแทนความคิดอำนาจศักดิ์สิทธิ์ดีงามต้องมาจากการแต่งตั้ง มาจากการสรรหากันเองในหมู่คนชั้นนำ ซึ่งมีศีลธรรม มีวุฒิภาวะเหนือประชาชนทุกด้าน คนเหล่านี้สมควรมีอำนาจเพราะไต่เต้ามาในระบบราชการหรือสังคม อุปถัมภ์ อำนาจจากเลือกตั้งของชาวบ้านไว้ใจไม่ได้ แต่จำเป็นต้องเลือกตั้งให้สังคมโลกยอมรับ


เหลือเชื่อว่าความคิดนี้ย้อนกลับมาได้ทั้งที่ถูกปฏิเสธไปร่วม 30 ปี ทั้งที่เงื่อนไขทางสังคมและการเมืองเปลี่ยนไป ทัศนคติ ความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนก็เปลี่ยนไป โลกวันนี้ยุคสังคม ออนไลน์ ไม่มีใครเชื่อใครโดยไม่ถูกตรวจสอบอีกแล้ว กระทั่งองค์กรอิสระที่เคยเป็นองค์กรเทวดาก็เสื่อมลงทุกขณะ


ร่างรัฐธรรมนูญนี้หรือที่จะให้ประชาชนลงประชามติ จะปรับ ทัศนคติอย่างไรให้คนไทยยอมรับว่าตนเองไม่สมควรมีอำนาจเลือกตั้ง ควรมอบอำนาจให้แต่งตั้ง

เอาละ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะผ่าน เพราะเราอยู่ในภาวะสังคม อับจนสิ้นหวัง ทุกชีวิตต้องระวัง เอาตัวรอดไว้ก่อน แต่ถามจริง จะใช้ปกครองได้อย่างไร ยังมองไม่เห็นเลย ว่าหมด ม.44 แล้วประเทศนี้จะไปอย่างไร