ศรส.สั่งเนรเทศ “สาธิต เซกัล“ แกนนำ กปปส.
ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. แถลงว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถึงผลการดำเนินคดีกรณีแกนนำกลุ่ม กปปส. ที่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. และการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
โดย ศรส.ได้เร่งรัดให้ดำเนินการออกหมายจับ ซึ่งขณะนี้ได้รับหมายจับจากศาลอาญาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และวันนี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีการร้องทุกข์แล้ว 34 คดี
แยกเป็น การขัดขวางการเลือกตั้ง 19 คดี
และคดีเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง 15 คดี
ทั้งนี้ ศรส.จะได้มีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อส่งข้อมูลการกระทำความผิดของแกนนำ กปปส.ที่ร่วมกันกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน
รวมทั้งทำหนังสือถึงสถานทูตต่างๆ และ UN เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดของแกนนำ กปปส.ในทุกมิติที่มีการดำเนินคดีที่ ศรส.จะดำเนินการต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองกลับมาสงบเรียบร้อยดังเดิม โดยจะยึดถือการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก ไม่มีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
สำหรับกรณีที่นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวได้ร่วมกระทำความผิดในข้อหาต่างๆ และเป็นแกนนำหลักของ กปปส.ด้วย และถูกแจ้งข้อหาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แล้ว ศรส.จึงขอให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการเพื่อสั่งเนรเทศตามกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็ว......................
http://news.sanook.com/1432653/ศรส.-สั่งเนรเทศ-สาธิต-เซกัล-แกนนำ-กปปส/
ข่าวสดออนไลน์
ทหารคุมเข้มเปิดศูนย์ราชการวันแรก ข้าราชการแห่ทํางานคึกคัก
| |||
ทั้งนี้ ทหารได้เข้ามาประจำการในจุดตรวจบุคคลเข้า-ออกทางประตูด้านหน้ากระทรวงยุติธรรมร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารตามการร้องขอของพระพุทธอิสระ นอกจากนี้ทหารยังจะคอยเดินตามจุดตรวจร่วมเพื่อสังเกตการณ์ความผิดปกติรอบบริเวณ และลานดาดฟ้าเพื่อให้ผู้ชุมนุมที่ปักหลักตั้งเวทีด้านหน้ากรมการกงสุลมั่นใจว่าจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ด้าน นายธวัชชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ประกาศให้ข้าราชการรับทราบแล้วว่าการเจรจาเป็นที่ยุติและผู้ชุมนุมยอมเปิดเส้นทางให้ข้าราชการเข้ามาทำงานได้ โดยจะใช้ประตูเข้าออกเพียงประตูเดียวคือประตูกระทรวงยุติธรรมซึ่งจะมีการตั้งโต๊ะจุดตรวจร่วมกันระหว่างทหารจากปตอ.พัน 5 และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นการเปิดให้ข้าราชการเข้าทำงานแทบเป็นปกแล้ว.................4 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 11:47 น.
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการรัฐประหารในไทย ขณะที่สื่อต่างชาติเตือน การปฏิวัติด้วยอำนาจตุลาการ จะเท่ากับเป็นการให้รางวัลต่อพฤติกรรมอันย่ำแย่ของพรรคประชาธิปัตย์ เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงที่กรุงวอชิงตันดีซี ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯไม่ต้องการเห็นความรุนแรง หรือการก่อรัฐประหารรอบใหม่ในประเทศไทย ขณะเดียวกันก็เผยว่า สหรัฐฯกำลังพูดคุยกับทุกฝ่ายในประเทศไทยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับความสำคัญของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ด้วยวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ และระบอบประชาธิปไตย
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นภายหลังกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในไทย ประกาศจะเดินหน้าชุมนุมขับไล่รัฐบาลต่อไป หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสิ้นสุดลง ขณะที่นักวิชาการหลายคนมองว่า ความพยายามขัดขวางการเลือกตั้งของกลุ่มผู้ประท้วงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถือเป็นปรากฏการณ์หน้าใหม่ของความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย และทำให้รัฐบาลเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงด้วยอำนาจตุลาการ หรือการรัฐประหารของกองทัพมากขึ้น
ด้านหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐฯ ลงบทความชิ้นใหม่กล่าวชื่นชมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาของไทย โดยระบุว่า การเลือกตั้งส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90 ดำเนินไปได้อย่างสงบเรียบร้อย และน่าจะมียอดผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกือบครึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด แม้ว่าก่อนหน้าการเลือกตั้ง จะมีการพยายามข่มขู่คุกคาม และขัดขวางการเลือกตั้งมาโดยตลอดก็ตาม
นอกจากนี้ วอลสตรีทเจอร์นัล ยังบรรยายถึงแนวโน้มในการเกิดปรากฏการณ์ "ตุลาการภิวัตน์" เพื่อโค่นล้มรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายหลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่า หากฝ่ายตุลาการใช้อำนาจทางกฎหมายโค่นล้มรัฐบาลเหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีกครั้ง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะยิ่งสั่นคลอนภาพลักษณ์ของฝ่ายตุลาการ และแสดงให้เห็นว่า ศาลไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่กลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายเผด็จการแทน
วอลสตรีทเจอร์นัล ยังเตือนด้วยว่า ปรากฏการณ์ตุลาการภิวัตน์รอบใหม่ จะไม่ส่งผลดีต่อไทย เนื่องจากจะถูกต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายผู้สนับสนุนรัฐบาล ที่เริ่มหมดความอดทน ขณะเดียวกันยังจะส่งผลให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองยืดเยื้อออกไป และกระทบต่อการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของไทย
ที่สำคัญกว่านั้น ปรากฏการณ์ตุลาการภิวัตน์ ยังเท่ากับเป็นการส่งเสริม และให้รางวัลต่อพฤติกรรมอันเลวร้ายของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคฝ่ายค้านซึ่งมีวัฒนธรรมความเชื่อในการขึ้นสู่อำนาจผ่านการปลุกระดม เพื่อให้เกิดการประท้วงบนท้องถนน หรือด้วยนักกฎหมาย แทนการต่อสู้ผ่านระบบการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย.................
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar