torsdag 1 oktober 2015

เศรษฐกิจไทยไม่นิ่ง ...

มติชนออนไลน์
เศรษฐกิจไทยไม่นิ่ง
โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร














ไม่ว่าจะไปในวงสนทนาที่ไหนก็ดี ในวงเหล้าก็ดี หรือในการประชุมกรรมการบริษัทก็ดี หรือในงานเสวนาวิชาการที่ต่างๆ คำถามที่เจอบ่อยที่สุดก็คือ เมื่อไหร่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว หรือเศรษฐกิจลงถึงจุดต่ำสุดหรือยัง เพราะตัวเลขของทางการล่าสุดก็บอกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบ้านเราคงจะอยู่ที่ 2.7 เปอร์เซ็นต์ ยังเหลืออยู่อีกเพียง 1 ไตรมาส ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังไม่หยุดนิ่ง ยิ่งทบทวนตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจทีไร ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ยิ่งต่ำลงทุกที

ที่เป็นอย่างนี้ก็เป็นของธรรมดาของการพยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจขาลง เรามักจะคาดการณ์ดีกว่าความเป็นจริงเสมอ ตรงกันข้ามกับตอนที่เป็นช่วงเวลาเศรษฐกิจขาขึ้น การคาดการณ์ทุกๆ ไตรมาสก็มักจะต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ และก็เป็นเช่นนี้เกือบทุกประเทศ เป็นของธรรมดา เราจึงไม่ควรจะให้น้ำหนักของตัวเลขจนเกินไป

เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยซึ่งเกี่ยวข้องไปด้วยกันเสมอมา อาจจะช้าเร็วกว่ากันบ้างก็ไม่เกิน 6 เดือน เพราะเศรษฐกิจไทยนั้นเป็นเศรษฐกิจที่เล็กและเปิด เป็นผู้รับราคาตลาดโลกสำหรับสินค้าเกือบทุกชนิด เพราะเชื่อมโยงกับการส่งออกและการนำเข้าอย่างใกล้ชิด

พูดถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม อ้อยและน้ำตาล รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อาหารกระป๋อง อาหารทะเล เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เช่น มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ต่างๆ ถ้ามองทะลุไปถึงปีหน้าและปีต่อไป ก็ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างไร ในเมื่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา จีน ยุโรปตะวันตกและยุโรปตะวันออก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์นั้นไม่ต้องพูดถึง อาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ก็มีแต่ข่าวไม่ดี

อย่าเพิ่งถามเลยว่าเศรษฐกิจของเราจะฟื้นเมื่อใด เอาเป็นว่าเศรษฐกิจของเราในปีหน้าอัตราการขยายตัวจะลดต่ำกว่าปีนี้หรือไม่เท่านั้น เพราะมูลค่าการส่งออกก็ดี รายจ่ายของนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ดี จะยังสามารถรักษามูลค่าเท่ากับของปีนี้ได้หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงการลงทุน เพราะอัตราการใช้เครื่องมือเครื่องจักรก็ยังอยู่ในอัตราร้อยละ 50-60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยังไม่เห็นสัญญาณว่าปีหน้าจะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่สูงกว่าปีนี้ได้อย่างไร

ถ้าลากเส้นเป็นกราฟเราก็จะเห็นภาพตัว L (ตัวแอล) ที่เป็นเส้นขนานกับพื้นยาวไปข้างหน้าอย่างน้อยก็ 3-5 ปี แต่ในขณะที่เส้นกราฟขนานกับพื้นนั้น บางช่วงบางไตรมาส ในรอบปีก็อาจจะเห็นการผลิตดีขึ้นชั่วคราว ไตรมาสต่อมาก็จะฟุบตัวลงอีก นักเศรษฐศาสตร์เรียกอาการเช่นนี้ว่า "cyclical rebound" เหมือนกับดัชนีตลาดหุ้นขาลงที่จะลงขึ้นลงขึ้นเป็นรูปฟันปลา บางช่วงบางขณะก็จะมีอาการที่นิยมเรียกกันว่า "technical rebound" ขณะที่มีอาการก็คือบางไตรมาสที่การผลิตเพิ่มขึ้น สินค้าคงคลังลดลง ก็จะพากันดีใจ แต่ไตรมาสต่อมาสถานการณ์ก็จะกลับไปเหมือนเดิมอีก

ในสถานการณ์เช่นนี้ รายได้ของผู้คนชั้นล่างซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะลดลง เพราะสินค้าที่ตนผลิตราคาลดลง ในขณะที่สินค้าภาคอุตสาหกรรมขายได้น้อยลง การผลิตก็ลดลง เกิดภาวะหดหู่ ไม่แจ่มใส การค้าปลีกค้าส่ง กิจการรายย่อย ร้านค้า ร้านอาหาร หรือแม้แต่การค้าการเปิดตลาดก็จะซบเซา ไม่สดใสเหมือนตอนที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้น หรือตอนเศรษฐกิจดี

สำหรับคนชั้นกลางนอกจากจะได้รับผลกระทบจากเงินเดือนค่าจ้างไม่ขึ้น โบนัสไม่มีหรือมีน้อยลง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือการขาดทุนจากการที่ดัชนีราคาหุ้นตกลง นักพยากรณ์ดัชนีหุ้นก็มักขีดเส้นเป็นเส้นตรงที่หักปักลง และพยากรณ์ว่าสิ้นปีดัชนีราคาหุ้นจะเป็นเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งส่วนมากจะพยากรณ์ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน

ดัชนีราคาหุ้นบัดนี้มีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อคนชั้นกลางและคนชั้นสูง เมื่อราคาหุ้นสูงขึ้นผู้ที่ถือทรัพย์สินเป็นหุ้นหรือพันธบัตรก็จะรู้สึกว่าตัวร่ำรวยขึ้น เพราะทรัพย์สินมีมูลค่าสูงขึ้น บางคนก็มีเงินมากขึ้นจริงๆ จากการซื้อขายหุ้นในตลาด ดัชนีราคาหุ้นจึงเป็นเครื่องวัดบรรยากาศทางเศรษฐกิจโดยส่วนรวมได้เป็นอย่างดี ว่าสดใสหรือไม่สดใส

การที่นักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยจำนวนมาก ก็เพราะราคาหุ้นที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงมีราคาสูงขึ้น ที่เมืองจีนมีบัญชีซื้อขายหุ้นถึง 200 ล้านบัญชี ถ้าราคาหุ้นสูงขึ้นก็จะมีผลต่อคนจำนวนหลายร้อยล้านคน การใช้จ่ายของคนเล่นหุ้นก็มากขึ้น การเดินทางออกไปท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินที่กำไรจากราคาหุ้นยังต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทยก็มากขึ้น

ตรงกันข้ามถ้าตลาดหุ้นซบเซา ดัชนีราคาหุ้นตก คนซื้อขายหุ้นขาดทุน หรือมีความรู้สึกว่าตนจนลงเพราะราคาทรัพย์สินลดลง การจับจ่ายใช้สอยของคนในเมืองก็จะลดลง การเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยท่องเที่ยว ไปต่างประเทศก็จะน้อยลง

ปีนี้ดัชนีราคาหุ้นในเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงเริ่มลดลงตามดัชนีดาวน์โจน และดัชนีราคาหุ้นในยุโรป ปีหน้าดัชนีราคาหุ้นของจีนจะได้รับผลทางจิตวิทยาโดยตรง น่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงคาดการณ์ได้ว่านักท่องเที่ยวจีนปีหน้าปี 2559 น่าจะลดลงจากปีนี้ หรือไม่ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง

การที่ราคาพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเป็นผลดีอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย เพราะทำให้รายจ่ายจากการนำเข้าน้ำมันลดลง ค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ใช้น้ำมันขับเคลื่อนพาหนะก็ลดลง แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อราคาน้ำมันลดลง ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานก็มีราคาลดลง และเนื่องจากผลผลิตที่เกี่ยวข้องกับพลังงานนั้นมีสัดส่วนที่สูงในระบบเศรษฐกิจ และมีมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่มีสัดส่วนที่สูง จึงพลอยทำให้ผลผลิตประชาชาติและราคาหุ้นของผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องกับพลังงานมีราคาต่ำลง ดึงให้การบริโภคการลงทุนมีมูลค่าต่ำลง กลายเป็นตัวที่ดึงให้เศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองกลายเป็นเศรษฐกิจขาลงไป ทุกวันนี้ถ้ามีข่าวว่าราคาน้ำมันดิบแพงขึ้นกลับกลายเป็นข่าวดีไปสำหรับคนในเมือง และบางทีสำหรับเกษตรชาวสวนยางและชาวไร่อ้อยสวนปาล์ม มันสำปะหลัง อาจจะรวมถึงข้าวและข้าวโพดด้วย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แปลก กลับตาลปัตรกับเมื่อก่อนที่ข่าวราคาน้ำมันดิบขึ้นราคาเป็นข่าวไม่ดี

แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยอดหนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับต่ำ กล่าวคือระดับประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประชาชน ต่ำกว่าเกณฑ์ที่เคยตั้งไว้ว่ายอดหนี้สาธารณะจะไม่ให้เกินร้อยละ 60 ของจีดีพี ทุนสำรองระหว่างประเทศก็ยังอยู่ในระดับสูง มีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการ ประมาณ 6 เดือนหรือประมาณ 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในด้านการเงินประเทศไทยยังมีความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง สามารถลงทุนในโครงการต่างๆ ได้อีกมากโดยไม่กระทบกระเทือนต่อเสถียรภาพทางด้านการเงิน

การขาดดุลงบประมาณเกินกว่าเป้าหมาย เพราะรายได้จากการจัดเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็เป็นของธรรมดาในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา เป็นปกติของเศรษฐกิจขาลง รัฐบาลก็ควรจะทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นและชดเชยการขาดดุลโดยการออกพันธบัตรกู้จากสาธารณชน 

รัฐบาลไม่ควรชดเชยการขาดดุลงบประมาณในระยะนี้โดยการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ เช่น หุ้น ปตท. การบินไทย ธนาคารทหารไทย และอื่นๆ เพราะระยะนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจซบเซา ราคาหุ้นของกิจการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับพลังงาน ราคาจะอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ควรเก็บไว้ขายในช่วงเศรษฐกิจดี ราคาพลังงานสูงกว่านี้ ราคาหุ้นสูงกว่านี้ ระยะนี้ควรออกพันธบัตรกู้ประชาชนไปก่อน ประชาชนจะได้มีรายได้จากดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลด้วย

พวกเราคงเหนื่อยไปอีกหลายปี

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar