fredag 29 maj 2015

อนุสติในทางธรรม หลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อคูณ จงช่วยให้จิตใจพี่น้องประชาชนไทยเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายได้ "เป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" เกิดปัญญามองเห็นสัจธรรมความจริงได้หลุดพ้นจากความเชื่องมงายในผีสางเทวดา เทอญ..สาธุ!

รูปภาพของ matichononline



Jakrapob Penkair

29 พ.ค. 2558
วันนี้รายการโทรทัศน์เรตติ้งสูงอย่าง “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง ๓ นำข่าว “อัศจรรย์” ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือพระเทพวิทยาคมที่เพิ่งมรณภาพไปหมาดๆ มานำเสนอเป็นข่าวแรกก่อนทุกๆ ข่าว และรายงานข่าวยาวยืดไปถึงเรื่องทรัพย์สมบัติต่างๆ ของวัดบ้านไร่ที่เชื่อกันว่ามีอยู่อย่างมหาศาล ความ ”อัศจรรย์” ที่ว่าคือเนื้อหนังของศพหลวงพ่อกลายเป็นสีชมพูขึ้นมา แทนที่จะหม่นหม่องเปื้อนดำตามที่เรานึกว่าศพคนควรจะเป็น ถึงแม้ว่าแพทย์จะรีบออกมาแถลงว่าเรื่องนี้เป็นความจริงตามข่าว แต่ก็ไม่ถือว่า...แปลกประหลาดมหัศจรรย์ อธิบายได้ทั้งหมดตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปในทางไสยศาสตร์และอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะหมู่คนที่อยากเชื่ออยู่แล้วว่าพระขนาดนี้ต้องศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ ตัวแพทย์แถลงแล้วก็รีบหลบไป ท่าจะกลัวถูกด่า ถ้าไปคัดง้างความเชื่อของคนที่เขากระหายใคร่เชื่อมากเกินไป ส่วนนักเชื่อทั้งหลายเขาก็สนุกสนานต่อไป แทงหวยกันบ้าง ทำมาค้าขายข้าวของ “ศักดิ์สิทธิ์” กันบ้าง ตามระเบียบไทยเก่า



ฟังข่าวนี้แล้ว ความคิดของเราไม่ได้หยุดที่หลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และถ้ายังไม่มรณภาพคงจะไม่หนุนลัทธิไสยศาสตร์ต่างๆ เหล่านี้เป็นแน่ แต่เราควรคิดต่อไปถึงวัตถุประสงค์อย่างแท้จริงของผู้ออกข่าว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะทีมงานช่อง ๓ แต่เป็นเครือข่ายที่ผูกพันกันอยู่อย่างใกล้ชิด มองลึกลงไปแล้วเราจะพบว่า เขานำข่าวหลวงพ่อคูณมาเสนอกรุยทางไปถึงเรื่องอื่น โดยเรื่องอื่นที่ว่านั้นก็คือศพอื่นที่ตายแล้วหรือกำลังจะตาย โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้การตายนั้นศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเอาศพมาเป็นเครื่องมือเร้าใจให้สังคมตื่นเต้นกันว่ามีปาฏิหาริย์และความศักดิ์สิทธิ์ และสร้างขึ้นเป็นลัทธิใหญ่โตกันต่อไป ในสังคมไทยของเรา ได้สร้างคติขึ้นอย่างหนึ่งคือ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” อันเป็นเทคนิควิธีการที่ทำให้เหตุผลอื่นๆ กล้ำกรายเข้ามาไม่ได้ โดยเฉพาะเหตุผลทางธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ ชูความเชื่ออะไรขึ้นมาก็ตะบี้ตะบันเชื่อมันอย่างนั้น โดยไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น แต่นิสัยตะบี้ตะบันอย่างนี้แหละ ที่กลายเป็นเครื่องมือควบคุมทางสังคมและการเมืองอย่างชะงัดที่สุด สันดานเชื่อโดยไม่ยอมฟังอะไรอื่นกลายเป็นโซ่ที่ผู้มีอำนาจเหนือกว่าเขาเอามาผูกล่ามเอาไว้ สุดท้ายเมื่อต้องกราบกรานกันโดยไม่ลืมหูลืมตา แค่เห็นหน้าหรือได้ยินชื่อ ก็ขนลุกเกรียวกราว ซึ่งเป็นผลจากการชวนเชื่ออันหนักหน่วงต่อเนื่องมานานปี จะให้ลุกขึ้นกล่าวโทษว่าเขาผิดหรือเขาเลวทรามต่ำช้าได้อย่างไร พูดง่ายๆ ว่า เชื่อเขาจนเสียตัวขนาดนี้แล้วจะให้โงหัวได้อย่างไรได้ ก็ต้องขายตัวขายใจก้มหน้าหากินกันต่อไปเรื่อยจนวันตาย
ศพหรือสรีระของหลวงพ่อคูณน่าจะเป็นอนุสติในทางธรรม ตามที่หลวงพ่อท่านคงต้องการ อย่าให้ใครซึ่งในใจไม่เคยมีศาสนา แต่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือการเมืองมาตลอดชีวิต เอามาใช้เป็นประโยชน์เพื่อปลุกศพของเขาเองในอนาคตอันใกล้นี้เลย.







"สัจธรรมความจริง" หลวงพ่อคูณท่านละสังขารไปตามกฎแห่งธรรมชาติของ"การเกิดแก่เจ็บตาย"  อย่าได้ยึดติดกับสังขารของท่านไม่ว่าจะเป็นสีอะไร  สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรยึดถือกราบไหว้ระลึกถึงคือคุณงามความดีหลักธรรมคำสั่งสอนที่หลวงพ่อคูณท่านได้อบรมสั่งสอนชี้นำทางสว่างแก่มวลมนุษย์ชาติ  ผู้ที่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นคนดีกว่าสัตว์เดรฉาน  ที่สามารถประพฟ๖ิปฎิบัติได้ด้วยตัวเอง นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาขัดเกลากิเลสในจิตใจตนเองให้หลุดพ้นจากเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์  กลายเป็นผู้ตื่นผู้เบิกบาน   มีความคิดเป็นคนมีจิตสำนึกรู้ดีรู้ชั่ว  .ไม่หลงงมงายกราบไหว้สังขารของท่าน   ซึ่งแตกต่างจากพวก"อมนุษย์"ที่มีวิญญาญร้ายของสัตว์ในร่างคน  พวกคนไม่มีศาสนา  จิตใจป่าเถื่อนดุร้ายเหมือนสัตว์
เดรฉานจนกลายเป็นสัตว์สิงสู่ในร่างคน   จิตใจมัวเมาเต็มไปด้วยกิเลส แรงริษยาอาฆาต  ผูกพยาบาท   ชอบการเข่นฆ่าทำลายล้าง  ไม่รับรับผิดชอบ  มองเห็นผิดเป็นชอบ..มีชีวิตร้อนรุ่มไม่มีความสุขเหมือนคนตกนรกทั้งเป็น  ชั่วชีวิตคิดแต่เรื่องเข่นฆ่าทำร้ายเพื่อนร่วมชาติ  เพื่อเสวยสุขบนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนเพื่อนร่วมชาติ  บนความหล้าหลังของประเทศชาติเพื่อดำรงรักษา "บัลลังก์เลือด"วงจรอุบาทว์กงจักรปีศาจของระบอบภูมิพลให้ดำรงคงอยู่คู่ประเทศไทยต่อไปชั่วกาลนาน...เท่านั้นเอง



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar