สุดท้ายคงซ้ำรอยแม็คโครควบโลตัส กขค.อ้างยังมีบิ๊กซี ไม่ถือว่าผูกขาด นี่ถ้า AIS ยังเป็นของทักษิณ แล้วจะซื้อ Dtac ม็อบสีธงชาติคงลุกฮือปิดเมืองไล่ “ทุนสามานย์” แต่พอเป็นยุคตู่ ม็อบคนดีที่แท้ทรู กลายเป็นธรรมะธัมโมเข้าวัดสวัสดีวันจันทร์
กระนั้น คนรุ่นใหม่ในโลกโซเชี่ยลปะทุอารมณ์คุคั่ง ถึงขั้นเรียกร้องให้ชูนิ้วที่ 4 ปฏิรูประบอบทุนผูกขาด เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของขบวนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม
“คนรุ่นใหม่เกลียดทุน (ใหญ่)” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดพร้อมม็อบสามนิ้ว เห็นได้จาก #NoCPTPP 1.3 ล้านทวีต ตอนมีข่าวจะเสนอเข้า ครม.เป็นวาระลับ ฟังเหมือนกับคนรุ่นใหม่ต่อต้านทุนนิยม แต่ไม่ใช่ ที่เรียกร้องคือประชาธิปไตยทุนนิยม แม้บางคนสนใจสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบยุโรป แต่จำนวนมากก็ลงทุนบิตคอยน์
คนรุ่นใหม่เรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยจิตสำนึกไม่พอใจความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม อำนาจผูกขาด ทั้งโดยรัฐโดยทุน ที่ต่อต้าน CPTPP เพราะเกรงเกษตรกรตกเป็นทาสถูกผูกขาดสายพันธุ์พืช รวมทั้งพืช GMO ซึ่งมีผลต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต เหมือนที่ต้านพาราควอต
จำได้ไหม มูลนิธิชีววิถีเคยเปรียบเทียบ กล้วยหอมไทยในร้านสะดวกซื้อใบละ 9 บาท เกษตรกรได้ใบละ 50 สตางค์ กล้วยหอมยุโรปใบละ 11 บาทแต่ค่าแรงต่างกันเกือบสิบเท่า นั่นแหละที่คนรุ่นใหม่สะเทือนใจ
พูดอย่างนี้เดี๋ยวจะว่าไม่เป็นธรรมกับเจ้าสัว แต่ไม่ใช่เรื่องของบริษัทหนึ่งบริษัทใด มันเป็นปัญหาเชิงระบบ ของเศรษฐกิจในยุค Disruption ซึ่งเศรษฐกิจแบบเก่าพังทลาย โลกอนาคตไม่มีความมั่นคงอีกต่อไป ไม่เหมือนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่เป็นพนักงานแบงก์ พนักงานบริษัท ไปจนเกษียณ
คนรุ่นใหม่ต้องต่อสู้แข่งขัน ต้องปรับตัวอยู่เสมอ สิ่งที่เขาเรียกร้องต้องการ จึงได้แก่การแข่งขันเป็นธรรม โอกาสที่เท่าเทียม ไม่ถูกกีดกันโดยอำนาจผูกขาดหรืออภิสิทธิ์ชน มีรัฐสวัสดิการรองรับ ซึ่งไม่ได้หมายความถึงรัฐต้องจ่ายเงินเลี้ยงดูอย่างที่บิดเบือน แต่หมายถึงบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ มีหลักประกันบางด้าน เช่นคุณภาพการศึกษาสาธารณสุข
แต่คนรุ่นใหม่กำลังรู้สึกว่า โอกาสของคนรุ่นเขาตีบตัน ถูกปิดกั้น ภายใต้รัฐที่ใหญ่โต เทอะทะ ไร้ประสิทธิภาพ สิ้นเปลือง “ภาษีกู” เอื้ออภิสิทธิ์ กฎระเบียบจุกจิก วางอำนาจ แล้วทุนเก่าก็ผูกขาดจนแทบไม่เหลือตลาดแข่งขัน
ดราม่าซื้อไอโฟนแจกข้าราชการทำเนียบจึงพุ่งปรี๊ดมาพร้อมกัน เป็นอารมณ์ “เกลียดทุน (ผูกขาด) เกลียดรัฐ” เหมือนที่ไม่พอใจงบลับ งบกองทัพ งบปิดทองหลังพระ
ความรู้สึกตีบตันไม่ใช่แค่เมืองไทย จีนแผ่นดินใหญ่ก็เกิดปรากฏการณ์ “หนุ่มสาวจีนหมดไฟ” ทำงานหนักแค่ไหนไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เหมือนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่สร้างตัวจากศูนย์ เพราะมาทีหลังโอกาสปิดเกือบหมด ทำร้านอาหารก็หมดตัว คนรวยคือแฟรนไชส์หรือธุรกิจแพลตฟอร์ม
พลังที่ระเบิดทางการเมืองจึงสะท้อนความรู้สึก “มองไม่เห็นอนาคต” เพราะโอกาสทางเศรษฐกิจถูกปิดกั้น เพราะรัฐล้มเหลว ผู้นำ ง. เป็นตัวแทน elite ปรสิต
ว่าตามความเป็นจริง คนที่ตีบตันตอนนี้ ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่ แต่รวมถึงคนรุ่นกลาง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ธุรกิจรายย่อย Freelance พูดอีกทีคือ “คนชั้นกลางในเมือง” นั่นแหละ ตีบตันขึ้นทุกที ยกเว้นคนมีเส้นสายอภิสิทธิ์ หรือคนอยู่ในระบบราชการ ที่ไม่ดือดร้อนอะไร
ตลกร้ายนะ เพราะคนชั้นกลางนกหวีดไม่ใช่หรือ ทำให้มีวันนี้ ไล่ “ทุนสามานย์ เผด็จการรัฐสภา นักการเมืองเลว ประชานิยม” ย้อนเข้าตัวหมดเลย พรรคไหนนะจะแจกบัตรเครดิตเกษตรกรครอบครัวละ 50,000 ตำบลละ 20 ล้าน
พูดอย่างนี้ไม่ใช่คนจนคนชนบทไม่เดือดร้อน แต่จากเดิมที่คนชั้นกลางเคยมีพลัง มีอำนาจต่อรอง มีพื้นที่ทางเศรษฐกิจการเมือง ทุกวันนี้กลับมีน้อยลงๆ “สองนคราประชาธิปไตย” กลายเป็นรัฐประหารสืบทอดอำนาจฮุบการเมืองเก่าระบบอุปถัมภ์ ใช้นักการเมือง “บ้านใหญ่” และอำนาจรัฐ ชิงคะแนนเสียงชนบท
ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ แม้ดีกว่าระบบมีชัย แต่ ส.ส.เขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100 ก็ “ด้อยคะแนน” พรรคทางเลือก พรรคที่ยากที่จะชนะ ส.ส.เขต (ซึ่ง 70% คือ “บ้านใหญ่”) พูดอีกอย่างคือปิดกั้นพรรคการเมืองของคนชั้นกลาง ไม่ว่าจะเป็นลิเบอรัลอย่างก้าวไกล เสรีรวมไทย หรือคอนเซอร์เวทีฟแบบพรรคกำนัน
แต่คนชั้นกลางคลองโอ่งอ่างไม่สนใจ เพราะพรรคของคนชั้นกลางเก่าที่แท้จริง คือพรรคราชการ คุมอำนาจผลประโยชน์โดยไม่ต้องมาจากเลือกตั้ง ด่านักการเมืองซื้อเสียงโกงเลือกตั้ง แต่พวกตัวโกงอำนาจ แต่งตั้งมาโหวตกันเอง
รัฐจารีตต้องการคุมประเทศให้สงบ โดยใช้พรรคราชการ ใช้การเมืองอุปถัมภ์ระบอบ “บ้านใหญ่” กุมอำนาจจัดผลประโยชน์ให้ทุนใหญ่ อัดประชานิยมให้คนระดับล่าง
แต่ทำลายอำนาจต่อรองของคนชั้นกลางทั้งทางเศรษฐกิจการเมือง
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6751814
ประเทศไทยไม่ได้รับเชิญเข้าร่วม Summit of Democracy ศ.สุรชาติ บำรุงสุข ชี้ว่าโดนตบหน้า แต่ผู้เฒ่าดอน ปรมัตถ์วินัย คุยว่าดีใจ ซ้ำยังอวดตัว ถ้าได้รับเชิญก็ไม่แน่จะไป เพราะเป็นดาบสองคม ไม่ใช่ไม่เชิญแล้วต้องกระทืบเท้าเสียใจ
ตลกเหมือนคำคมกำลังภายใน โดนตบหน้าบวม แล้วอวดว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์ ไม่เสียหน้าไม่เสียใจ
ในอีกทางหนึ่ง อาจแปลว่ารัฐไทยไม่แยแสสนใจ ไม่ต้องการเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ได้ หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพูดได้ว่า การเรียกร้องให้เป็น “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” แบบอังกฤษ เบลเยียม สวีเดน ญี่ปุ่น ฯลฯเท่ากับ “ล้มล้าง”
ถ้าไม่อยากเป็นประชาธิปไตย จะลงจากรัฐประหารให้มีรัฐธรรมนูญให้มีเลือกตั้งทำไม คำตอบคืออยากได้แค่ประชาธิปไตยปลอมแปะหน้าผาก รัฐประหารสืบทอดอำนาจตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตู่ แต่ตอนนี้ถูกฉีกกระชากหน้ากากแล้ว ก็ยังพยายามหลอกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ดีใจอีกต่างหาก ไม่เป็นแบบตะวันตก คบจีนได้ ได้ฉีดซิโนแวคสูตรหมอยง
ปณิธาน วัฒนายากร บอกว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมแบบตะวันตกกำลังตกต่ำอย่างมาก ระบอบปกครองแบบนี้กำลังจะตาย เพราะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือสีผิวไม่ได้ ถึงขั้นมีม็อบบุกรัฐสภาสหรัฐ
ใช่ครับ ประชาธิปไตยตะวันตกอยู่ในช่วงถดถอย เพราะวิกฤตเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ทำให้เหลื่อมล้ำสูง เพราะมันให้สิทธิเสรีภาพทั้ง Liberal และขวาคลั่ง เผยแพร่ความคิดตัวเองได้ ไม่ใช่ให้พวกล้าหลังสุดโต่งปลุกกันฝ่ายเดียว ฝ่าย Liberal ถูกปราบถูกจับกุมคุมขัง
แล้วถามหน่อย ระบอบไทยๆ แก้เหลื่อมล้ำได้ไหม ทำไมปล่อยให้ผูกขาดควบรวมปิดโอกาสแข่งขัน ยิ่งปกครองยิ่งเหลื่อมล้ำ ยิ่งต้องแจกบัตรคนจน 15 ล้านคน ขวาสุดโต่งอย่างทรัมป์ได้ความนิยมเพราะคนมีงานทำ ไบเดนก็จะขึ้นภาษีกลุ่มทุนเทคโนโลยีกู้ 3.5 ล้านล้านลดเหลื่อมล้ำ แต่กระบวนการรัฐสภาต้องถกเถียงกัน
ไม่เหมือนจีน พรรคคอมมิวนิสต์ทุบหัวทุนใหญ่ได้ทันที ขวาไทยก็โห่ร้อง นี่ไง ไม่ต้องเป็นประชาธิปไตย ไม่ดูตัวเองว่าทำได้อย่างจีนไหม พรรคคอมมิวนิสต์ชั่วๆ ดีๆ มันก็ชี้นำด้วยความคิดวัตถุนิยมวิภาษ สร้างรัฐบริการ บริหารมีประสิทธิภาพ กว่ารัฐเจ้าขุนมูลนายนับร้อยเท่า
ที่บอกว่าการเมืองจีนมั่นคงก็ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อสู้กันภายในตลอดร้อยปี ยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ก็ชูคติพจน์ฆ่ากันเอง คนตายเป็นเบือ พอเติ้งเสี่ยวผิงกลับมาเป็นทุนนิยมก็มีคอร์รัปชั่น ยุคสีจิ้นผิงก็อ้างปราบคอร์รัปชั่นปราบทุนรวบอำนาจตั้งตัวเป็นจักรพรรดิ
ระบอบไทยๆ ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปงั้นแหละ เดี๋ยวยกจีน ยกสิงคโปร์ เพื่อจะไม่เป็นประชาธิปไตย แต่รัฐขุนนาง elite ไทยทำไม่ได้อย่างเขา เป็นได้แค่เครือข่ายผลประโยชน์ เผด็จการเต่าตุ่น 7 ปียังปราบลอตเตอรี่เกินราคาไม่ได้
ถามจริง พวกเชียร์จีนอยากส่งลูกไปเรียนจีนไหม เห็นแต่ส่งไปยุโรปอเมริกา ไม่เห็นมีใครอยากไปอยู่ประเทศที่นักเทนนิสหญิง แฉว่าโดนรองนายกฯ ข่มขืน แค่ครึ่งชั่วโมงโดนลบหายเกลี้ยงนั่นแหละคือ “สิทธิมนุษยชน” ถ้าไม่อยากมีก็ไปอยู่เกาหลีเหนือ อัฟกานิสถาน รับประกัน ที่นั่นไม่มี Amnesty ไม่สนใจ UNHCR แถลงประณามส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับไปติดคุก
เวลาถูกองค์กรสิทธิมนุษยชนประณาม ผู้นำเหล่านี้ก็คงบอก “ทำร้ายประเทศ” หลอกพวกรักหน้าแต่คิดว่ารักชาติ อะไรไม่ดีต้องซุกไว้ใต้พรม ใครวิจารณ์ไม่รักชาติ ชังชาติ ทั้งที่หากไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีสิทธิเสรีภาพ ประเทศชาติก็ไม่ใช่ของประชาชน
ไม่แยแสสิทธิมนุษยชน แต่ดัดจริตมี กสม.ไว้ทำหน้าที่แก้ต่าง มีรางวัลองค์กรสิทธิมนุษยชนต้นแบบ ให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ แจกบริษัทห้างร้านใช้ทำ CSR แต่ไม่ยักประณาม UN ตั้งทาทา ยัง เป็นทูตยุติความรุนแรง ทั้งที่เคย #ดักตบอีช่อ
ท่าทีของรัฐไทยคือ ชัดเจนแล้วว่าไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยนี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่จะอยู่ในระบอบจอมปลอมนี้ต่อไประบอบ elite รัฐเจ้าขุนมูลนายเป็นใหญ่ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนผูกขาด สร้างฉากประชาธิปไตยปลอม ใช้การเลือกตั้งกวาดต้อนนักการเมืองสามานย์มาเป็นมือเท้า โดยตอบแทน ผลประโยชน์เพื่อให้ดูแลเครือข่ายอุปถัมภ์ แต่ไม่ให้มีอำนาจจริงเพราะไอ้พวกนี้มันซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง อย่างที่ ส.ว.ประณาม (แล้ว 249 ส.ส.ก็เห็นด้วย)
รัฐนี้จะจำกัดสิทธิเสรีภาพมากขึ้น ขณะที่ประกาศเปิดประเทศทางเศรษฐกิจ แต่ในทางประชาธิปไตยปิดประเทศโดยพฤตินัย ไม่แยแสที่ประชุม UPR, UNHCR, Summit of Democracy ไล่ Amnesty เดี๋ยวก็คง Human Rights Watch ภายใต้การปลุกปั่นของสื่อคลั่งที่แปล rapporteur เป็น “ผู้สื่อข่าว UN” ผิดหวังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ สมแล้วที่เป็นประเทศทักษะภาษาอังกฤษอันดับโหล่ๆ
ความใหญ่โตของอำนาจ อาจทำให้อยู่ได้สบายๆ บนความตกต่ำทุกด้าน แม้กระทั่งภูมิปัญญา คุณภาพการศึกษา ที่เน้นครอบงำปิดกั้น ผลประโยชน์ระหว่างประเทศก็ปลุกคนเกลียดฝรั่ง กินน้ำโขงใต้ศอกจีน เอาที่สบายใจ ใหญ่อย่างนี้ 4-5 ปีคงไม่พัง แต่พังวันไหน ประเทศไทยจะเปลี่ยนอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ระบอบที่มีคนระดับเสกสกลเป็นองครักษ์ คงยั่งยืนหรอก
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6753630
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar