Thaksin Shinawatra joins Thailand’s establishment
The former prime minister has become a tool for nobbling Thai democrats
For the past 20 years, Thai politics has been largely defined by a feud. After winning elections in 2001 and 2005, Thaksin Shinawatra, a populist prime minister, was ousted in a military coup in 2006. He spent 15 years in self-imposed exile, dodging an eight-year prison sentence for corruption and abuse of power. Then, in a stunning development last year, Mr Thaksin returned to Thailand. This fuelled speculation that he had cut a deal with his former nemesis, the country’s powerful conservative establishment, a nexus of royal, military and business elites. After serving only a tiny portion of his original sentence in detention—and not a single night in jail—he was duly released on parole on February 18th from a military hospital.
After decades fighting Thailand’s powerful establishment, Mr Thaksin appears to have joined it. The conservative elites need his help to tackle what their members see as a far bigger enemy: Move Forward, a political party dominated by young progressives that won a dramatic electoral victory last year on a promise to reduce the power of the monarchy and army. Move Forward was blocked from forming a government only because conservatives control key institutions, including the senate and constitutional court.
...................................................
ธาตุแท้ทักษิณ (Update)
โดย แสงตะวัน
ในยุคปัจจุบัน
ชึ่งเป็นยุคไฮเทคโนโลยี่ ยุคโลกไร้พรหมแดน
การต่อสู้เรียกร้องของประเทศต่างๆชึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนี้
เกี่ยวกับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่
มีสูตรสำเร็จกำหนดตายตัวที่จะนำมาเป็นแม่แบบเพื่อใช้แก้ปํญหาให้ลุล่วงไป
ได้ เพราะปัญหาความต้องการของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ยังไม่มีทฤษฎีหรือตำราพิชัยสงครามแบบใหม่มาให้ใช้เป็นแนวทางชี้นำ
ก่อนอื่นพวกเราต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า "นายทุนก็คือนายทุน"
พวกพ่อค้านักธุรกิจที่ลงทุนค้าขายก็เพื่อให้ได้กำไร
และกำไรเหล่านี้ได้มาจากไหนก็ได้มาจากการขูดรีดแรงงานของคนงานหรือกรรมกรที่ผลิตสินค้าให้แก่พวกนายทุนซึ่งกำไรจากมูลค่าส่วนเกินแต่ละปีได้ถูกสะสมขึ้นมาเป็นเงินทุนอันมหาศาล...
ในระบอบทุนนิยมเสรีพวกนายทุนจะมีการแข่งขันกันผลิตเพื่อหากำไรให้มากที่สุด
เมื่อมีการแข่งขันกันอย่างเสรีนายทุนที่มีความอ่อนแอกว่าก็จะแพ้และถูกนายทุนที่มีกำลังเหนือกว่ากลืนกินแล้วกลายมาเป็นนายทุนผูกขาดที่เป็นเจ้าของการผลิตสินค้าในตลาดแต่ผูัเดียว...
กลุ่มนายทุนผูกขาดในระบอบเศรษฐกิจทุนนิยม
ถ้าแข่งขันสู้กันไม่ได้ก็จะเกิดการรวมตัวกัน (ออมซอมกัน หรือปรองดองกัน)
อย่างกรณีที่อดีดนายกฯทักษิณ กำลังกระทำอยู่ในเวลานี้
โดยได้ร่วมจับมือกันกับกลุ่มทุนผูกขาดเครือข่ายของกษัตริย์
ตั้งแต่รัชกาลที่ ๙ มาจนถึง "องค์ปัจจุบัน"รัชกาลที่๑๐
นี่คือธาตุแท้ของนายทุน
เขาจะขายได้ทุกอย่างแม้แต่ "ประชาชน ประเทศชาติ ไปจนถึงอุดมการณ์ "
ต่างกับผู้นำนักปฏิวัติที่มีอุดมการณ์จะทำงานต่อสู้เรียกร้องเพื่อสังคมส่วนรวม
ทำการเปลี่ยนแปลงนำสังคมเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
"ดังนั้นความคิดแบบพ่อค้านายทุนกับนักปฎิวัติสองสิ่งนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี อยู่ในตัวคนเดียวกัน "
เริ่ม
แรกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศโดยผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยตาม
รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐
ซึ่งระบอบการปกครองไทยโดยแท้จริงยังคงเป็นระบอบเผด็จการราชาธิปไตยอยู่
ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยตามที่พวกนักวิชาการทั้งหลายเข้าใจ ( แค่คำโฆษณาหลอกลวงประชาชน)
รัฐบาลนายกฯทักษิณชนะการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ
แต่มีเงื่อนไขทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจของ "ระบอบราชาธิปไตย"
ทั้งๆที่ รัฐบาลทักษิณมีหลักนโยบายที่เห็นผลงานสามารถจับต้องได้
ทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการบริหารของรัฐบาลนายกฯทักษิณ
เช่นระบบโครงการ 30 บาทรักษาได้ทุกโรคและโครงการโอทอป
เป็นต้น....แต่นโยบายเหล่านี้ก็ไม่ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้
ซึ่งถ้าปล่อยให้ประเทศชาติได้มีโอกาสพัฒนาต่อไปภายใต้รัฐบาลของทักษิณ
ทางด้านเศรษฐกิจประเทศชาติก็จะดำเนินก้าวหน้าวิวัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆต่อไปได้...
แต่ระบอบการปกครองแบบ"
ราชาธิปไตย" หรือ"ระบอบกษัตริย์เผด็จการ "
นั้นยังคงครอบงำสังคมไทยและครอบงำรัฐบาลทักษิณอยู่เหมือนเดิม
(หลังจากการเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕ เป็นต้นมา)
นี่คือธาตุแท้ของ"ระบอบราชาธิปไตย"ที่ขัดขวางต่อระบอบประชาธิปไตยมาตลอดเวลาทุกยุคสมัย
ไม่ว่าโครงการนั้นจะดีอย่างไรก็ไม่สามารถรักษาไว้และพัฒนาต่อไปได้
(ตราบใดที่ระบอบกษัตริย์เผด็จการยังดำรงคงอยู่ )
ถ้าไม่ล้มล้าง"ระบอบกษัตริย์เผด็จการ " นี้ลงเสียก่อน
ซึ่งนายกทักษิณเองเขาไม่ได้มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างระบอบราชาธิปไตยหรือระบอบกษัตริย์เผด็จการนั้นลง
พวกอำมาตย์ซึ่งเป็นกลุ่มทุนผูกขาดที่หล้าหลัง
เห็นว่าถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอันตรายแก่ พวกเขา
กษัตริย์ภูมิพลจึงสั่งให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของทักษิณ
(ที่มาจากการเลือกตั้ง) เมื่อวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙
เมื่อทักษิณถูกพวกอำมาตย์โค่นล้มลง
ทักษิณเองก็ยังจะพยายามจะประณีประนอมกับพวกอำมาตย์มาตลอดเวลา
(เป็นเวลาถึง ๑๒ปี.). นี่คือตัวตนธาตุแท้ของพวกนายทุนผูกขาด
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง "เพื่อความอยู่รอดและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของตนเอง"
พวกเขาจะร่วมจับมือกัน...
นี่คือธาตุแท้ของพวกนายทุน
ก่อนอื่นเขาจะคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเท่านั้น
และมองเห็นประชาชนเป็นเพียงแค่แรงงานที่เขาขูดรีดเพื่อผลิตสินค้าสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและครอบครัวเขาเท่านั้น
ตราบจนถึงทุกวันนี้ทักษิณก็ยังเชื่อมั่นยอมรับในการปกครองแบบเดิม"ระบอบราชาธิปไตย"
ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
โดยเปิดเผยตัวตนออกมาสนับสนุนร่วมมือกับรัชกาลที่๑๐
"กษัตริย์โจรทรราชองค์ใหม่"ปล้นทรัพย์สินของประเทศชาติ
ขูดรีดกดขี่ข่มเหงหลอกลวงประชาชนชาวไทยต่อไป...
ธาตุแท้
พฤติกรรมการตีสองหน้าของทักษิณคือ ด้านหนึ่งร่วมมือกับพวกเจ้า
อีกด้านทรยศหักหลังหลอกลวงประชาชนที่สนับสนุนเขา "ม็อบคนเสี้อแดง"
ไปให้ทหารฆ่าตายที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๙ พ.ค ๒๕๕๓ เป็นจำนวนมากกว่า
๕๐๐ คน และบาดเจ็บสูญหายอีกกว่า ๑๐๐๐ คน
โดยที่ไม่มีความรับผิดชอบแต่อย่างใด(?) ไร้ความเป็นมนุษย์ ...
นี่คือธาตุแท้ของทักษิณ
ความคิดความคาดหวังของประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่คิดว่าทักษิณจะเป็นผู้ที่จะนำประเทศชาติ
และประชาชนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น... จงลืมเสียเถิด !!
เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของทักษิณคือต้องการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองในการต่อสู้เพื่อใช้ปกป้องรักษาผลประโยชน์และอำนาจของนายทุนและเครือข่ายธุระกิจของกลุ่มทุนผูกขาดของพวกนายทุนเท่านั้นเอง
ทักษิณเป็นคนทะเยอทะยานกระหายอำนาจเป็นคนเห็นแก่ตัวเป็นนักฉวยโอกาศเป็นคนฉลาดแกมโกง
การที่เขาร่วมมือกับวชิราลงกรณ์เพราะเขามองการณ์ไกลเขารู้ว่าราชวงค์นี้จะไปไม่รอดแล้วหลังจากที่ภูมิพลตาย
และราชินีสิริกิตย์ก็เป็นบ้าเสียจริต และรู้ว่า
วชิลาลงกรณ์เป็นคนไม่ฉลาดมีความประพฤติไม่ดีประชาชนชาวไทยไม่ยอมรับ
เป็นช่วงที่ราชวงค์อ่อนแอที่สุดเขาจึงวางแผนที่จะครอบงำพวกเจ้าโดยเชิดวชิราลงกรณ์ไว้เพื่อเป็นโล่ห์อำพรางและจะสร้างตัวเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศภายใต้ระบอบ
" ทักษิณเผด็จการอันมีกษัตริย์เป็นประมุข " สืบต่อไป
ฉะนั้นประชาชนต้องเข้าใจ
จะมาเรียกร้องให้ทักษิณเปลี่ยนแนวคิดจากนายทุนมาเป็นผู้นำของ
การปฎิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะเขาไม่มีความจริงใจต่อประชาชน ซึ่งเวลาได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทักษิณไม่มีอุดมการณ์และความจริงใจกับประชาชน
เขาเพียงต้องการรักษาอำนาจและผลประโยชน์ทางธุระกิจเพื่อทำมาหากินกับระบอบกษัตริย์เผด็จการที่กำลังเน่าเฟะอยู่ในเวลานี้ต่อไปและเพื่อสนองความกระหายอำนาจของเขาแค่นั้นเอง
ฉะนั้นการที่จะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมจากระบอบเผด็จการทรราชราชาธิปไตยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้นั้น เป็นหน้าที่และจิตสำนึกของคนในสังคมไทยทุกคนทุกชนชั้นมีส่วนร่วมจับมือช่วยกันในการ
"อภิวัฒน์"เปลี่ยนแปลงสังคมที่ไม่มีใครยกให้ฟรีๆ.
และไม่ใช่จะนั่งรอนอนรอคอยพึ่งทักษิณและพรรคการเมืองของเขา
หรือพรรคการเมืองสารพัดพิษและนักการเมืองทั้งหลายที่กำลังออกมาโฆษณาประกาศขายตัวเพื่อรับใช้ระบอบกษัตริย์เผด็จการอยู่ในเวลานี้.
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar