lördag 5 oktober 2019

ระบบศาลยุติธรรมในระบอบกษัตริย์เผด็จการ

คณากร เพียรชนะ : 10 ข้อความในแถลงการณ์ 25 หน้า ที่สั่นสะเทือนระบบตุลาการไทย

"คำแถลงของผมอาจมีน้ำหนักเบาบางเหมือนขนนก แต่หัวใจผู้พิพากษาหนักแน่นปานขุนเขา จึงมอบหัวใจชั่งบนตราชู ยืนยันคำแถลง..." นี่คือข้อความสองบรรทัดสุดท้ายในแถลงการณ์ความยาว 25 หน้าที่นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา เขียนขึ้นและพิมพ์ในรูปแบบของคำพิพากษาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่านี่คือ "คำพิพากษาสุดท้าย" ทั้งในตำแหน่งผู้พิพากษาและในชีวิตของเขา
นายคณากรแถลงการณ์ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดยะลาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องชายมุสลิม 5 คนในความผิดต่อชีวิต อั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งเขาได้อ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 คน เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.2562) ก่อนจะหยิบปืนที่พกมายิงตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยล่าสุดนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยต่อกรณีที่ผู้พิพากษาใช้อาวุธปืนยิงตัวเองที่ศาลจังหวัดยะลา ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว สอบถามในเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความเครียดส่วนตัว ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป พร้อมระบุว่าทางผู้บริหารศาลยุติธรรม มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ติดตามสอบถามอาการอย่างใกล้ชิด
หลังเกิดเหตุได้มีการเผยแพร่เอกสารที่จัดพิมพ์ในรูปแบบเดียวกับคำพิพากษา มุมซ้ายบนระบุว่าเป็น "คำแถลงการณ์" ตรงกลางมีตราครุฑและข้อความ "ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์" มุมขวาบนมีหมายเลขคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 แต่ไม่ระบุคดีหมายเลขแดง นอกจากนี้ยังมีชื่อของจำเลยทั้ง 5 คนในคดีนี้
แถลงการณ์เริ่มต้นด้วยข้อความว่า "ผมนายคณากร เพียรชนะ ขอแถลงการณ์ในฐานะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ดังนี้..." ก่อนจะสรุปประเด็นปัญหาที่เขาพบในการทำงานว่า คดีนี้ถูกเลื่อนการอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 19 ส.ค. มาเป็นวันที่ 4 ต.ค. เนื่องจากเขาได้รับคำสั่งจากอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ให้ส่งร่างคำพิพากษาและสำนวนที่เขาเขียนขึ้นไปให้ตรวจ
นายคณากรระบุว่าคดีนี้เขาพิจารณาแล้วเห็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 5 คนเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แต่อธิบดีผู้พิพากษาฯ มีคำสั่งให้แก้คำพิพากษาเป็นประหารชีวิตจำเลย 3 คน ส่วนอีก 2 คนให้จำคุก
คำสั่งแก้ไขคำพิพากษาซึ่งนายคณากรเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ทำตามระเบียบขั้นตอนแต่กลับสั่งเป็นบันทึกลับมาถึงเขาโดยตรง เขาจึงไม่ปฏิบัติตาม เขายืนยันในคำพิพากษายกฟ้องและนำมาสู่การเขียนแถลงการณ์ฉบับนี้เพื่อ "ชี้แจงอธิบายมายังคนไทยที่รักความยุติธรรมทั้งประเทศเพื่อทราบความจริง"
บีบีซีไทยหยิบยก 10 ข้อความในคำแถลงการณ์ของนายคณากรที่สะท้อนถึงปัญหาในวงการตุลาการที่ส่งผลกระทบถึงการทำงานของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้
คำบรรยายภาพ ส่วนหนึ่งจากคำแถลงการณ์ของนายคณากร เพียรชนะ
  • การใช้ดุลยพินิจต้องปราศจากอคติทั้งปวง
"กระบวนการยุติธรรมนั้น ต้องทำให้ถูกต้องตามกระบวนการ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งผู้เสียหายและจำเลย ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน การใช้ดุลยพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานต้องกระทำโดยปราศจากอคติทั้งปวง ไม่ใช่กระทำโดยความรู้สึกส่วนตัวหรือตามคำสั่งของใคร ไม่ใช่เพราะอยากได้หน้า หรืออยากให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นผู้มีอำนาจ สามารถควบคุมผู้พิพากษาและผลคำพิพากษาได้"
  • อธิบดีผู้พิพากษากับการชี้ชะตาชีวิตผู้อื่น
"เหตุใดบุคคลทั้ง 3 (อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 รองอธิบดีผู้พิพากษาและผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำภาค) จึงมีอำนาจออกคำสั่ง (ที่อ้างว่าเป็นเพียงคำแนะนำ) ให้กลับคำพิพากษาจากพยานหลักฐานที่รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 5 ร่วมกันกระทำความผิด จากให้ยกฟ้องเป็นให้ลงโทษจำเลยทั้ง 5 ถ้าหากทำเช่นนี้ได้ ต่อไปผู้พิพากษาก็ไม่ต้องเขียนคำพิพากษา กล่าวคือเมื่อไต่สวนพยานหรือไต่สวนคดีเสร็จแล้ว ก็ให้ส่งสำนวนให้อธิบดีเขียนแต่เพียงผู้เดียว อธิบดีก็จะได้เป็นผู้มีอำนาจชี้ชะตาชีวิตผู้อื่นแต่เพียงผู้เดียว
  • อิสระในการพิจารณคดีของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น
"การตรวจร่างคำพิพากษา (โดยอธิบดีผู้พิพากษา) ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง การแก้ไขถ้อยคำในคำพิพากษาของผู้พิพากษาจนแทบไม่เหลือสำนวนเดิม การมีหนังสือลับให้ผู้พิพากษาเขียนคำพิพากษาใหม่ให้ผลเป็นไปตามที่อธิบดีต้องการ ย่อมทำให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศไม่มีอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี ทั้งเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของผู้พิพากษา เป็นการทำให้ผู้พิพากษามีศักดิ์ลดลง ให้มีฐานะและสภาพเป็นเพียง "นิติกรบริการ" คอยรับใช้ทำตามคำสั่งอธิบดี"
  • ปิดหูปิดตาประชาชน
"ในความเห็นของผม การที่อธิบดีสั่งให้ผู้พิพากษาในภาคของตนเขียนคำพิพากษาออกมาในรูปแบบที่ต้องการ ทั้งทำการตัดต่อถ้อยคำสำนวนในคำพิพากษาของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนนั้นจนมองไม่เห็นถ้อยคำเดิมในบางครั้ง คล้ายกับว่าเป็นการจับเอาผู้พิพากษาทุกคนในภาคมาฝึกจัดระเบียบแถว บังคับให้ซอยเท้า ฝึกซ้ายหันขวาหันให้ชิน ฝึกให้เคยชิน โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นระเบียบ เป็นการพยายามทำให้ผู้พิพากษาขาดความมั่นใจในการเขียนคำพิพากษา เพื่อให้ผู้พิพากษาทุกคนเคยชินในการเชื่อฟังคำสั่งอธิบดีและให้เห็นว่าคำสั่งอธิบดีเป็นสิ่งที่ต้องกระทำตาม เพื่ออธิบดีจะได้เป็นผู้ควบคุมคำพิพากษาได้ทั้งภาค เป็นการปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้รู้เห็นว่าคำพิพากษาที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร"
  • ไม้ซีกงัดไม้ซุง
"เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับผมนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ขณะนี้มีเพื่อน ๆ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ทั่วประเทศก็ถูกกระทำไม่ต่างกับผม เจ็บช้ำระกำใจไม่ต่างกัน เพียงแต่พวกเขามีความอดทนสูงและเหตุการณ์อาจไม่รุนแรงเท่าที่ผมพบเจอ สิ่งที่ผมทำในวันนี้ ผมอาจถูกตั้งกรรมการสอบและถูกวินิจฉัยว่ากระทำผิดวินัยอันเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ผมคงถูกไล่ออกโดยไม่ได้รับเงินบำเหน็จ เพราะผมเป็นไม้ซีกแต่บังอาจไปงัดไม้ซุง ไม้ซีกย่อมแตกหัก"
Image copyright เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ
คำบรรยายภาพ โครงการบ้านพักตุลาการริมดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่นายคณากรยกขึ้นมาให้เห็นถึงสาเหตุของการเสื่อมศรัทธาในศาลยุติธรรม
  • ประชาชนเสื่อมศรัทธาศาลยุติธรรม
"ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดวิกฤต ประชาชนเสื่อมศรัทธาในศาลยุติธรรมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นเหตุให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศไม่ได้รับความเป็นธรรมทางด้านเกียรติภูมิ คือต้องรับกรรมที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อ ยกตัวอย่างเรื่องบ้านพักตุลาการป่าแหว่งดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศต่างทำงานพิจารณาอรรถคดีของตนโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สายตาของประชาชนมองผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่าบุกรุกป่า อยากมีบ้านพักในป่าดอยสุเทพซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ไม่มีใครแก้ต่างให้"
  • คำพิพากษาที่ไม่เป็นธรรม
"มีคำพิพากษาที่ประชาชนเห็นว่าไม่เป็นธรรมอีกหลายเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น แต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งสัมผัสกับประชาชนต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาพิพากษาคดีสำคัญที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาหลายคดีอันเป็นที่รู้อยู่ทั่วไป ประชาชนไม่รู้ความจริง จึงอาจเข้าใจผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผิดไป"
  • ภาระที่หนักหนาของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น
"ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นทั่วประเทศไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเงิน อันทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อการดำรงชีพมาเป็นเวลานาน ประการแรก ในเวลาราชการ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีทำการสืบพยานในห้องพิจารณาและต้องสั่งคำร้องคำขอต่าง ๆ ตรวจร่างคำพิพากษาและคำสั่งที่พิมพ์แล้วทั้งวัน เมื่อคดีเสร็จ การพิจารณาสืบพยานเสร็จต้องเขียนคำพิพากษา แต่ในตารางการทำงานกลับไม่มีเวลาเพื่อการเขียนคำพิพากษา...ดังนั้นผู้พิพากษาต้องอาศัยความสามารถส่วนตัว จัดเวลาให้ได้ ท้ายสุดต้องเขียนคำพิพากษานอกเวลางานและต้องเขียนให้เสร็จภายในระยะเวลาอันจำกัด เรียกได้ว่าสวย เก๋ เท่ ไว แต่นั่นคือการเสียสละเวลาส่วนตัวโดยที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน...ประการที่สอง ผู้พิพากษาถูกห้ามมิให้ประกอบอาชีพอื่นเพื่อหารายได้เพิ่มเติม ดังนั้นจึงไม่อาจหารายได้เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้นได้"
Image copyright Getty Images
คำบรรยายภาพ องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างต่อเนื่อง
  • เสี่ยงต่อการถูกขู่ให้กลัว
"ความไม่เป็นธรรมทางการเงินเป็นเหตุให้ผู้พิพากษาขาดความมั่นคงทางการเงิน อาจก่อให้เกิดความอ่อนแอ ไม่มั่นใจ อาจถูกขู่ให้กลัวได้ง่ายและถูกชักจูงใจได้ง่าย การแทรกแซงคำพิพากษาหรือคำสั่งสามารถทำได้ง่ายขึ้น แล้วหลักประกันความอิสระของผู้พิพากษาอยู่ที่ใด ตัวอย่างที่ผมถูกอธิบดีขู่ว่าจะย้ายออกนอกพื้นที่นั้นนำมาอธิบายเรื่องนี้ได้ กล่าวคือ ผมมาทำงานที่จังหวัดชายแดนใต้เพราะต้องการได้รับค่าเสี่ยงภัยรายเดือน หากถูกอธิบดีสั่งย้ายออกนอกพื้นที่ ผมก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทนดังกล่าวอีก"
  • สู้กับอำนาจทั้งภายนอกและภายใน
"การเป็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้นต้องทำงานอย่างหนัก ต้องอดทน ควบคุมการพิจารณาคดีในห้องพิจารณาที่มีปัญหาซับซ้อนขึ้นทุกวัน ทั้งต้องทนต่อสู้กับพลังอำนาจทั้งภายนอกและภายในที่พยายามแทรกแซงเพื่อให้ผลคำพิพากษาเป็นไปตามที่ผู้แทรกแซงต้องการ ประชาชนหรือสภานิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารจะปล่อยให้ผู้พิพากษาไม่ได้รับความเป็นธรรมและต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกนานเพียงใด คงไม่มีใครอยากเห็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในสภาพ "นิติกรบริการ" จึงขอให้ประชาชนเข้าใจผู้พิพากษาศาลชั้นต้นว่าที่จริงแล้ว ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นอยู่เคียงข้างและต่อสู้เพื่อให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนมาโดยตลอด เหมือนที่ผมกำลังสู้อยู่ในขณะนี้"
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ นายคณากรยังได้ระบุข้อเรียกร้อง 2 ประการ คือ 1) ขอให้มีการออกกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรมเพื่อห้ามกระทำการตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟัง และห้ามกระทำการใด ๆ อันมีผลเป็นการแทรกแซงผลคำพิพากษา 2) ขอให้รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติให้ความเป็นธรรมทางการเงินแก่ผู้พิพากษาทั่วประเทศ
เขายังได้ฝากข้อความถึง "ประชาชนชาวไทยและผู้รักความยุติธรรม" ไว้ด้วยว่า "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน...ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด"

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar