นายอนุทิน
ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.)
ต้องออกมาชี้แจงผ่านสื่อมวลชนอีกครั้ง
หลังเรียกโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า “โรคกระจอก”
ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์
.
ในระหว่างเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมขับเคลื่อนนโยบายเปิดเมืองเปิดประเทศ”
ที่ลานวัฒนธรรมเชียงคาน ถนนคนเดิน อ.เชียงคาน จ.เลย ค่ำวานนี้ (17 ธ.ค.)
นายอนุทินกล่าวย้ำว่าไวรัสโควิด-19 “กระจอก” แต่ต้องรอจนถึงวันนี้
รอให้ท่านได้พิสูจน์ว่ามันกระจอก เพราะว่าเราเตรียมตัวเอง
ทำให้มันเป็นโรคที่เรารับมือกับมันได้
.
“มันจะกลายพันธุ์ จะอะไรก็แล้วแต่ ขอแค่มันยังเป็นโคโรนาไวรัสสายพันธุ์นี้
เขาเรียกสายพันธุ์ธรรมชาติแบบนี้ ยังไงก็ (เอา) อยู่ ไม่ใช่เป็นโรคอื่นนะ
โรคอื่นก็ว่าไปอีกที และทุกคนไม่ต้องห่วง วัคซีนของประเทศไทยตอนนี้พร้อม
และไม่ใช่แค่ปีนี้ ปีหน้าทั้งปี จะฉีดเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 ก็ฉีดให้ครับ
และไม่ต้องไปจองอีกแล้วนะ และไม่ต้องจองกับเอกชน ใช้ของรัฐดีที่สุด”
.
“ขอให้คำยืนยัน พวกผมทุกคนอยู่นี่แล้ว
ผมขอยืนยันด้วยศีรษะของท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข และท่านอธิบดีกรมอนามัย
จะแถมผู้ว่าฯ อีกคนก็ได้ แต่ผมไม่เกี่ยว” นายอนุทินกล่าวทีเล่นทีจริง
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ร่วมรับฟังการปราศรัยของเขา โดยมีข้าราชการ 2
คนที่ถูกพาดพิงยืนปรบมืออยู่ที่ฉากหลัง
.
พลันที่คลิปปราศรัยของนายอนุทินถูกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์
ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กลับไปยังตัว รมว.สธ. ทันที
ทำให้เจ้าตัวต้องออกมาขยายความของคำว่า “โควิดกระจอก” ในวันนี้ (18 ธ.ค.)
ผ่านเครือมติชน
.
นายอนุทินกล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ถึงโควิด-19
แต่ละครั้ง มักจะเน้นย้ำถึงสถานการณ์จริงเสมอ ก่อนจะพูดถึงคำว่า
“โควิดกระจอก” ได้นั้น ก็จะต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ
เห็นภาพว่าคนไทยเข้าใจโควิดดีมาก ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ
ปฏิบัติตามมาตรการที่ สธ. แนะนำอย่างดี
ทำให้การติดเชื้อภายในประเทศมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2% เท่านั้น
ส่วนเรื่องของการพบสายพันธุ์ใหม่
เป็นธรรมชาติของโรคระบาดที่มีการปรับตัวให้อยู่กับมนุษย์เราให้ได้
ซึ่งประเทศไทยมีมาตรการรองรับที่ดี
.
“กระจอกที่หมายถึงคือ
ไวรัสมันทำอะไรคนไทยไม่ได้
หากทุกคนเข้าใจและเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี
รู้ว่าจะรับมือโควิดอย่างไร มันก็จะเป็นโรคกระจอก” นายอนุทินกล่าวกับมติชน
.
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายอนุทินออกระบุว่าโควิดเป็นโรคกระจอก
ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2563
เขาเคยแสดงความมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ “อีก 6 เดือนก็มีวัคซีนออกมา
จึงขอให้มั่นใจไม่จำเป็นต้องปิดจังหวัด เพราะโควิดกระจอก
ถ้าเราเข้าใจและมีอาวุธพร้อม สามารถรับมือได้”
โดยเน้นย้ำให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม
.
อย่างไรก็ตามได้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 (ธ.ค. 2563) และระลอก
3 (เม.ย. 2564) ในประเทศไทยหลังจากนั้น ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสม ณ 18 ธ.ค.
2564 อยู่ที่กว่า 2.18 ล้านคน หายป่วย 2.09 ล้านคน
ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมมีจำนวน 21,335 คน
ขณะที่การฉีดวัคซีนล่าสุดของไทยทำได้ 99.38 ล้านโดส
ล่าสุด กลุ่มที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์สำหรับเหตุฉุกเฉิน (Scientific Advisory Group for Emergencies - SAGE) ที่ให้คำปรึกษารัฐบาล ระบุว่า หากรัฐบาลไม่เพิ่มมาตรการรับมือกับโควิดมากกว่านี้ ในอังกฤษอาจมีคนต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างน้อยวันละ 3,000 คน เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีจำนวนแค่ระหว่าง 696 ถึง 815 คน
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar