fredag 21 januari 2022

ใบตองแห้ง: ขายพรรคหล่อกลวง , ตู่อยู่ไหนสมัยหน้า..

อุตตม สนธิรัตน์ อดีตหัวหน้า-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศตั้งพรรค “สร้างอนาคตไทย” นัดเปิดตัวฟอร์มใหญ่วันพุธ 19 ม.ค.นี้

“สองปีหายไปไหน ตั้งพรรคใหม่ชื่ออะไร ใครร่วมบ้าง อยู่ขั้วไหน เป็นอะไหล่หรือนอมินีให้ใคร แคนดิเดตนายกฯ ชื่อสมคิดหรือเป็นใคร เศรษฐกิจแย่แก้อย่างไร นโยบายทำได้จริงไหม”

“สองกุมาร” ตั้งประเด็นดักทาง รู้ว่าสื่อจะถามอะไร แหม ตอบให้ก็ได้ เราไม่อยู่ขั้วไหน เราไม่เป็นนอมินีใคร เฮียกวงสมคิดหรือ น่าจะยังไม่เปิดตัว อมพะนำไว้ก่อน

นโยบายก็นี่ไง ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ปริญญาตรีเงินเดือน 20,000 อาชีวะ 18,000 เด็กจบใหม่เว้นภาษี 5 ปี พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เว้นภาษี 2 ปี บุคคลธรรมดาลดภาษี 10% ภายในปี 2565 รถเมล์ร้อนต้องสูญพันธุ์ ฯลฯ นโยบายพลังประชารัฐที่ไม่ได้ทำสักอย่าง โปรดอย่าโทษสองกุมาร โดนนักการเมือง (ชั่ว) อัปเปหิ

ในแง่การเมืองการตลาด การเกิดพรรคใหม่แบบสร้างอนาคตไทย อ่านไต๋ง่ายมาก เรือแป๊ะเทกระจาด ข้าวยากหมากแพง โควิดตายเกลื่อน แม้ประยุทธ์ยังอยู่ได้ แต่อาจไม่ครบวาระ ไปเมื่อไหร่ก็ไปลับ ยากจะหวนกลับมา แม้แต่พรรคพลังประชารัฐก็อาจไม่เสนอชื่อประยุทธ์เป็นแคนดิเดตแต่ผู้เดียวเหมือนปี 62 เพราะใช้หาเสียงลำบาก

ตลาดจึงเปิดกว้าง ให้กับพรรคการเมืองใหม่ ที่วางจุดขายเป็นเทคโนแครต มีความสามารถทางเศรษฐกิจ ในทางการเมืองก็ “พ้นไปจากประยุทธ์” (แต่ไม่เป็นศัตรูประยุทธ์นะ) และไม่น่ากลัวเหมือนไอ้พวกเสื้อแดงเพื่อไทยก้าวไกลสามกีบ เราอยู่ตรงกลาง ๆ ประนีประนอม แถมเป็นคนดี ไม่ใช่นักการเมืองยี้แบบที่เคยกวาดต้อนมาหนุนตู่

“…เรามีปัญหามากมาย หลายปัญหาฝังรากลึกทำร้ายประเทศมานานเกินควรแล้ว …ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมาร่วมกันจัดการกับปัญหาที่มีอยู่ เราไม่มีเวลาที่จะไปบอกว่า ใครถูก ใครผิด แต่เราจะต้องไม่ซ้ำเติมปัญหาและสถานการณ์ที่เป็นอยู่”

อุตตมโพสต์อย่างหล่อ คงโดนใจทัศนคติแบบไท้ยไทย ธุรกิจลงทุนแบบไท้ยไทย ทะเลาะกันทำไม มองไปข้างหน้าดีกว่า ใครกดขี่บีฑาเหยียบหัวกระทืบทุบตีแทงฆ่า ก็เลิกแล้วต่อกันเสีย ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ทำมาหากินดีกว่า

สังคมไทยแก้ปัญหาแบบซุกขยะใต้พรม ละเลยความเป็นธรรมความชอบธรรมเสมอมา แต่ครั้งนี้ไม่ง่ายนะ ถ้าคิดแต่จะประนีประนอมโดยไม่คำนึงถึงหลักการ เอาง่าย ๆ จะทำอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มี 250 ส.ว.โหวตนายกฯ หรือรออีก 2 ปีก็หมดวาระเอง แล้วจะทำอย่างไรกับกลไกอำนาจศาล องค์กรอิสระ รัฐราชการเป็นใหญ่ อำนาจกองทัพ อำนาจชนชั้นนำที่กดทับเสรีภาพประชาธิปไตย

โครงสร้างอำนาจที่เป็นอยู่มันไม่ใช่แค่ตัวประยุทธ์ อย่าหลอกกันว่าหาคนที่เก่งกว่าประยุทธ์แล้วจะแก้ปัญหาประเทศได้

พรรคการเมืองเกิดใหม่ในแนวเดียวกัน ไม่ได้มีแค่สร้างอนาคตไทย จะมีอีกหลายพรรคฉวยโอกาสจากความเสื่อมของประยุทธ์ ทั้งอ้างตัวเป็นกลาง ไม่อยู่ขั้วไหน ทั้งเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนะ แต่จับมือกับทุกคนได้ ทั้งเป็นฝ่ายอนุรักษนิยมเป่านกหวีด แต่เก่งกว่าตู่ (พรรคกล้านั่นไง)

ในความเป็นจริง ประยุทธ์อยู่บนฐานอำนาจสองด้าน ด้านหนึ่งคือกลไกรัฐประหาร เครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยม รัฐราชการ ทหาร ตุลาการ 250 ส.ว. อีกด้านคือฐานการเมืองย้อนยุค ระบบอุปถัมภ์ หาเสียงว่าใครมีตังค์มากกว่า สมัยหน้า “บ้านใหญ่” ทุกพรรคจะยิ่งทุ่มหนัก

เพียงแต่ตัวประยุทธ์นับวันคนยิ่งเห็นว่าไร้ความสามารถ ไปต่อไม่ไหว จึงเกิดการแข่งขันสร้างภาพเสนอตัวเป็นคนใหม่มารับใช้ระบอบเดิม

ไม่ได้ปรามาสนะ เชื่อว่าพรรคอุตตม-สนธิรัตน์ น่าจะประสบความสำเร็จ เพราะคนจำนวนไม่น้อยยังชอบซื้อหุ้นพรรคหล่อ ๆ กลวง ๆ กลาง ๆ อย่างนี้ ยังหวังว่าปัญหาประเทศจะจบแบบโลกสวย

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/508316

พรรคพลังประชารัฐ “แตกหัก” แบบตลกร้าย ไม่เคยพบไม่เคยเห็นในการเมืองไทย เลขาธิการพรรคขอให้มีมติ “ไล่ผมเถอะ” เพื่อพา 21 ส.ส.ไปอยู่พรรคใหม่

ทีแรกมีข่าวโมโหโกรธาแช็ตหลุดในกลุ่มไลน์ ที่ไหนได้ ไม่ใช่เรื่องแค่นั้นหรอก แค่เอามาใช้เขียนสคริปต์ นำไปสู่การลงมติขับแบบสมยอมทั้งสองฝ่าย

มติ 63 จาก 78 งดออกเสียง+ไม่เห็นด้วยแค่ 15 เห็นได้ว่ากรรมการบริหารและ ส.ส. ที่อยากไป ช่วยยกมือไล่ตัวเองด้วย นายทะเบียนพรรคแถลงว่า ต้องขับ 21 คนเพราะผิดวินัยร้ายแรงผิดจรรยาบรรณ ฯลฯ เสร็จแล้วนายทะเบียนก็อยู่ใน 21 คนที่ไปกับธรรมนัส

ตลกคักๆ ไม่เคยพบเห็น มีแต่ ส.ส.โวยวายไม่ยอมให้พรรคขับ หรือแบบงูเห่าก้าวไกล อยากให้ไล่แทบตายพรรคไม่ยอม

นี่ไปแบบจัดสรรแบ่งกำลังกันเสียด้วย ธรรมนัสไป “บิ๊กอาย” อยู่ช่วยบิ๊กป้อม พรรคใหม่มีหัวหน้าเป็นประธานที่ปรึกษา พปชร. มีน้องชายประวิตรเป็นกุนซือ “พรรคป้อมน้อย” เตรียมการไว้ชัดๆ ไม่ใช่แพ้เลือกตั้งชุมพรสงขลาจึงแตกหัก

แม้มีข่าวว่า ประวิตรคุยกับประยุทธ์แล้ว “ยอมๆ ไปเถอะจะได้สงบ” แต่ในอีกด้านมันคือการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย แม้พรรคแฟรนไชส์ยังอยู่คอนโทรลประวิตร แต่ก็ทำให้ทั้งประวิตรธรรมนัสและ 21 ส.ส.มีอำนาจต่อรอง โดยไม่ต้องอยู่ใต้มติโควตาพลังประชารัฐ แม้อาจไม่ถึงขั้นล่มรัฐบาล ก็เป็นการ “แตกแบงก์” ออกไปขอแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ปัดโธ่ พรรคชาติไทยพัฒนามี ส.ส.14 คน ได้ทั้ง รมว.ทรัพยากรฯ รมช.เกษตรฯ พรรคใหม่มี 21 คนจะน้อยหน้าได้ไง

ไม่ให้ก็แล้วไป ส.ส.ในสภามี 475 คน ส.ส.รัฐบาลลดจาก 275 เหลือ 254 คน เกินครึ่งแค่ 16 คน แล้วยังมีข่าว ส.ส.พรรคเล็กจะตามต้นกล้วยไปอีก 8-9 คน

ประยุทธ์ยืนยันไม่ยุบสภา อ๋อ แหงละ ยังไงๆ ต้องยื้อให้ครบวาระ แต่ถ้าไม่ปรับ ครม.ก็เห็นท่าจะไม่ได้ อย่างมากก็ต่อรองด้วยทิฐิ ไม่ยอมให้ธรรมนัสเป็นรัฐมนตรี ไม่อยากเห็นหน้าใน ครม. โดยมีเวลาเจรจาต่อรองกันอีกหลายวัน เพราะสมัยประชุมนี้ ยังไม่มีลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่ต้องผ่านงบประมาณ

จะถึงขั้นคว่ำกันไหม ไม่หรอก “ผู้กองตุ๋ย” คงอยากเอาตาย แต่ “พี่ป้อม” ไม่มีวันฆ่าน้องร่วมชะตากรรม แค่อยากประคองให้ลงจากหลังเสืออย่างศพสวยเสียมากกว่า

รัฐบาลจะอยู่อีกนานไหมยังตอบยาก เพราะเสาค้ำอยู่ที่เครือข่ายอำนาจนำ รัฐราชการ ทหาร ศาล องค์กรอิสระ 250 ส.ว. จำนวน ส.ส.ในสภาเป็นเพียงขาตั้งประกอบพิธีกรรม เพียงแต่ถ้ามันไม่ครบองค์ก็อยู่ลำบาก

แต่ที่เห็นชัดคือ เลือกตั้งสมัยหน้าประยุทธ์ยากจะกลับมา ยิ่งยุบสภาเร็วยิ่งเหนื่อย ฉะนั้นต้องลากถูไปก่อน

ปัญหาที่ต้องมองข้ามช็อตคือ สมัยหน้าใครจะเสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ พรรคพลังประชารัฐจะยังอยู่ไหม จะยังเสนอชื่อประยุทธ์ไหม แล้วยังจะเป็นพรรคแกนนำไหม อุตส่าห์แก้รัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ “พรรคใหญ่ได้เปรียบ” เพื่อดวลกับเพื่อไทย ถึงวันนี้กลายเป็นเตะหมูเข้าปากแม้ว

ในขณะเดียวกัน เรือแป๊ะก็เสื่อมลงๆ ล้มเหลวโควิด 2 หมื่นศพ เศรษฐกิจพัง ซ้ำเติมปากท้อง หมูแพง ไข่แพง ลอตเตอรี่แพง “ผีอีแพง” ตามหลอกหลอนจุรินทร์ แก้ปัญหาด้วยการไล่จับแม่ค้า ของบ 1,400 ล้าน มาปล่อยรถพุ่มพวง

น้ำมันขึ้นราคา ขึ้นค่าแก๊ส ค่าไฟ กองทุนน้ำมันโอดโอยขอให้ลดภาษีสรรพสามิต คลังไม่ยอม ตั้งหน้าตั้งตารีดภาษีเพิ่ม บ้านที่ดินหุ้นคริปโต ซึ่งอันที่จริงควรจะเสีย แต่ต้องจัดเก็บอย่างเป็นธรรม คำนึงถึงความเป็นจริงความเป็นไปได้ และทำให้ประชาชนเห็นว่าใช้คุ้มค่า ไม่ใช่ซื้ออาวุธ หรือสร้างหนี้เปล่าประโยชน์ แล้วต้องไปพึ่งรถไฟลาวขนผัก

กระทั่งพรรคสร้างอนาคต 2 กุมาร ที่สร้างภาพเทคโนแครต+ปราชญ์ชาวบ้าน กลางๆ กวงๆ (แต่เฮียกวงไม่ยักโผล่) ก็ยืนยันไม่เสนอชื่อประยุทธ์ ไม่ใช่พรรคนอมินี-แหงน่อ เพราะต้องการตีกิน เป็นพรรคไม่ซ้ายไม่ขวา คือไม่เอาเพื่อไทยก้าวไกลไม่ซ้ำรอยพลังประชารัฐ เพราะเห็นชัดว่า พปชร.หมดเครดิต (ขณะที่เพื่อไทยก้าวไกลก็ถูกปฏิเสธจากเครือข่ายอนุรักษ์)

ปัญหาของเครือข่ายอำนาจ ณ วันนี้คือ ประยุทธ์เป็นข้ารับใช้ที่จงรักที่สุด เป็นผู้นำที่เบ่งพลังรัฐอำนาจนิยมได้สูงสุด ในการควบคุมจับกุมปราบปรามม็อบคนรุ่นใหม่ชูสามนิ้วปฏิรูปสถาบัน จนกระทั่งมีคะแนนนิยมสลิ่มของตนเอง (82%)

แต่ในทางกลับกันก็ล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพไร้ฝีมือบริหารประเทศ เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว จนรวยยิ่งเหลื่อมล้ำ นักการเมืองที่กวาดต้อนมารองมือรองตีนก็ช่วงชิงอำนาจผลประโยชน์ เลือกตั้งซ่อมหาเสียงซัดกัน ใครซื้อ (ใจ) เก่งกว่า ส.ว.นักหนุนรัฐประหารท้อแท้ รัฐประหารแก้โกงเลือกตั้งไม่ได้

ภาวะขณะนี้คือเปลี่ยนประยุทธ์ก็ยาก ไปต่อก็ลำบาก เปลี่ยนตัวอาจ Compromise กับสังคม แต่ไม่สามารถรับใช้อำนาจนิยมได้แข็งกร้าวเท่าตู่

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_6845049

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar