ไชโย ประเทศไทยปลดล็อก “กัญชาเสรี” ชาติแรกในเอเชีย กัญชา กัญชง ไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป ยกเว้นสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% คนไทยปลูกเป็นผักข้างรั้วได้เหมือนใบกระท่อม ไม่ต้องขออนุญาตเพียงจดแจ้งผ่านแอพ จดเป็นแสนจนแอพล่ม
แต่เรื่องชวนงงคือวันเดียวกัน สภาเพิ่งรับหลักการร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง กำหนดมาตรการควบคุมการผลิต การขาย การโฆษณา การบริโภค เพื่อคุ้มครองสุขภาพ
อ้าวแล้วระหว่างนี้ยังไม่มีกฎหมายจะทำไง แปลว่าไม่มีอะไรควบคุม ทำได้หมด ไม่มีข้อห้ามเหมือนเหล้าบุหรี่? เด็ก 13-14 พี้ได้หมด? เคี้ยวกระท่อมสูบกัญชาขับรถได้? (ถึงแม้คนเมากัญชาส่วนใหญ่จะไม่ขับ)
พูดอย่างนี้ไม่ใช่แอนตี้กัญชา ยอมรับว่ามีประโยชน์ทางการแพทย์ ทางการค้า ใส่น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวก็อร่อย แต่กัญชาถ้าเสพติดก็มีโทษ มีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กเยาวชน การใช้เป็นยาถ้าใช้มากเกินก็หัวใจเต้นผิดจังหวะ ต้องหามส่ง ICU
พูดง่ายๆ กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ แต่ด้านที่เป็นประโยชน์กระพือจนล้นด้วยความเชื่อ ด้านที่เป็นโทษก็ถูกมองข้าม โหมกระแสให้ผ่าน โดยไม่ใช่แค่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นเรื่องความเชื่อ ความหวัง
“ไอ้เบิ้มตับเหล็กเป็นรุ่นน้องสายช่าง… เป็นมะเร็งตับ ท้องบวม ใกล้ตาย รอฟังข่าวจะตายวันไหน ไม่เห็นใครส่งข่าวสักที ตัดสินใจไปเยี่ยมไอ้เบิ้มที่บ้านสวน ภาพที่เห็นคือยืนให้อาหารไก่”
ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มไลน์สูงวัยสวัสดีวันจันทร์ ต้องเคยอ่าน เรื่องนี้เป็นสิบๆ ครั้ง กัญชาเป็นยาวิเศษ รักษามะเร็งได้ ทั้งที่ไม่มีข้อพิสูจน์ มีการทดลองพบว่าบางกรณีเซลล์มะเร็งยุบลงแต่บางกรณีก็เพิ่มขึ้น ที่ใช้ในปัจจุบันคือลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ทำให้อยากอาหาร และลดอาการปวดระยะสุดท้าย
แต่มันเป็นความหวังไง จะห้ามลุงป้าน้าอาที่เจ็บป่วยตั้ง ความหวังได้อย่างไร และแน่นอน มันก็จะมีทั้งคนที่จริงใจทุ่มเทหาทางรักษาโรค “ปราชญ์สายเขียว” และคนที่หากินหาเหยื่อจากความหวัง ทั้งพวกหลอกลวงต้มตุ๋นและหาประโยชน์ทางการเมือง
ก็เหมือนสมุนไพรอาหารเสริมที่ขายกันเกร่อ ทางออนไลน์ วิทยุทีวีดาวเทียม สมัยก่อนคนก็เชื่อว่าจะมีสมุนไพรรักษาเอดส์ แต่ท้ายที่สุดรอดตายด้วยยาต้านไวรัสบัตรทองแจกฟรี
ปลดล็อกกัญชาจึงเป็นกระแสโหมฮือที่ใครอย่าต้าน ไม่เช่นนั้นอาจโดนข้อหาดูถูกประชาชน ภูมิปัญญาชาวบ้าน กระทั่งหมอท้วงติงก็ยังอาจโดน หมอพวกนี้เป็นทาสนายทุน บริษัทยาฝรั่ง ต้องการขายยาแพงๆ เห็นไหม กัญชากัญชงเป็นพืชพื้นบ้านย่านนี้ ฝรั่งมันเอาไปวิจัยแล้วปลูกเสรี ฯลฯ
ที่พูดมานี้ก็ต้องออกตัว ไม่ได้ต้านกัญชา แต่ไม่ได้เชื่อว่าเป็นยาวิเศษเหมือนยาผีบอก มีทั้งประโยชน์และโทษ ปลดล็อกแล้วก็ไม่น่าส่งผลร้ายแรงแต่ต้องระวังในระหว่างที่ยกร่างกฎหมายใหม่ (พูดมากไปเดี๋ยวจะว่าไม่เชื่อมั่นประชาชนมีวุฒิภาวะดูแลตัวเองได้)
อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่า สังคมไทยเป็นเช่นนี้เสมอ คือแกว่งไปแรงสุดด้านใดด้านหนึ่งทั้งเรื่องความเชื่อและกฎหมาย เหมือนกระท่อมกัญชา ยุคหนึ่งก็เป็นยาเสพติดร้ายแรง รัฐโหมประโคมพิษภัย จับได้โทษหนัก ยึดอายัดทรัพย์ ตอนนี้เป็นไง ปล่อยนักโทษหลายพันคน คดียึดทรัพย์หลุดหมด แต่ไม่กี่วันก่อน ปลูกกัญชาต้นเดียวตำรวจจับ
ดูข่าวทีวี แม่ร่ำไห้ลูกถูกจับกัญชา 2 กิโลติดคุกมา 2 ปี อันที่จริงยาเสพติดอื่นก็เหมือนกัน ศาลอุทธรณ์เพิ่งยกฟ้องโชเฟอร์สิบล้อโดนจับยาบ้า 1 เม็ด ยาบ้าเม็ดเดียวต้องสู้ถึงอุทธรณ์! คิดไหมว่าเป็นการใช้ทรัพยากรทางกฎหมายล้นเกิน แบบเดียวกับจะฟ้อง GT200 อัยการสั่งให้ต้องตรวจพิสูจน์ทั้ง 757 เครื่อง
กกต. “บัตรเขย่ง” นับไม่ครบใบสองใบ ผู้สมัครไม่ติดใจ ผู้ใช้สิทธิไม่ร้องเรียน ยังสั่งให้ประชาชนไปเลือกตั้งใหม่ เพื่อนับเลขได้ถูกระเบียบ
กฎหมายกัญชายังถูกเปรียบเทียบกับ “สุราก้าวหน้า” ซึ่งรัฐบาลจะไม่ให้ผ่าน แต่เป็นความก้าวหน้าที่ ส.ส.รัฐบาลช่วยแหกโผยกมือให้จนผ่านวาระแรก
ปลดล็อกกัญชาแต่ไม่ยอมปลดล็อกเหล้าเบียร์ ซึ่งไม่ใช่ให้ขายเสรี แต่ให้รายเล็กรายย่อยผลิตเองได้ไม่ถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ ทำไมรัฐบาลไม่ให้ผ่าน แตกต่างที่ทุน หรือเพราะ “ผิดศีลธรรม” เหล้าเบียร์ต่อต้านแต่กัญชาเปิดเสรี
ประเทศนี้มีอะไรแปลกๆ เช่นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบังคับใช้ แทนที่จะดีใจจะมีกฎหมายป้องกันการเอาข้อมูลโทรศัพท์เลขบัตรเลขบัญชีเราไปใช้ประโยชน์ ที่ไหนได้ คนไทยกลับตกใจ ต่อไปเที่ยวชายหาด ถ่ายภาพคนอื่นติดมาไม่ได้นะ เจ้าของร้านอาหารถ่ายภาพร้านตัวเองโพสต์เฟซ ติดหน้าคนไปกินไม่ได้นะ
ทำไมถึงตีความประหลาดเดือดร้อนหวาดวิตกกันขนาดนั้น ก็เพราะคนไทยมองว่ากฎหมายไทยมีไว้ตีความหาเรื่องกลั่นแกล้งกัน โดยเฉพาะ 16 ปีที่ผ่านมา กฎหมายวิบัติจนไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น การใช้อำนาจออกกฎหมายต่างๆ กระทบชาวบ้านไปหมด
ยิ่งกว่านั้นคือย้อนแย้ง เช่นฟังโฆษณาสายด่วน กสม. ร้องเรียนละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วอยากถามจัง
ใบปอ บุ้ง เด็กผู้หญิงสองคน ถูกจับขังเกินเดือนแล้วยัง ไม่ได้ประกัน โทร. 1377 จะรับไหม
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7104521
พรรคภูมิใจไทยน่าจะได้คะแนนนิยมล้นหลาม จากนโยบาย “ปลดล็อกกัญชา” ถ้าไม่โดนกระแสตีกลับ ปลดล็อกโดยไม่มีมาตรการรองรับ ปลดแล้วค่อยรับหลักการร่างพ.ร.บ.กัญชงกัญชา จนเกิดสุญญากาศ เหมือน “ปล่อยผี” เสียมากกว่า
อนุทินและพลพรรค ดาหน้าโต้ชัชชาติ ภูมิธรรม จาตุรนต์ ฯลฯ อย่างเกรี้ยวกราด แต่ไม่ใช่แค่พรรคฝ่ายค้าน ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ราชวิทยาลัยจิตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดลล้วนแถลงห่วงใย กัญชามีประโยชน์ แต่ก็มีโทษเหมือนดาบ สองคม ต้องมีมาตรการดูแลเหมาะสม อย่าสักแต่พูดว่าปลดล็อกเพื่อใช้ทางการแพทย์ ไม่ส่งเสริมสันทนาการ
เปิดเสรีให้ปลูกทุกบ้านแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบเฉพาะคนที่ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น พูดอย่างนี้ก็เหมือนเปิดปลูกฝิ่นเสรี แล้วรัฐบาลรับผิดชอบเฉพาะใช้สกัดมอร์ฟีน ใครสูบฝิ่นเป็นเรื่องส่วนตัว
ส่วนตั๊วส่วนตัวเหมือนรัฐมนตรี “ครูพี่โอ๊ะ” โดน ปปช.ชี้มูล โดนป่าไม้แจ้งจับ ตำรวจพลิกแผ่นดินปราจีนตามล่าพ่อเป็นข่าวครึกโครม พอถามว่าควรลาออกไหม ก็บอกเป็นเรื่องส่วนตัว
นี่ไม่ใช่เฉพาะภูมิใจไทย ประยุทธ์ วิษณุ ท่องคาถาเดียวกันหมด เมื่อรัฐธรรมนูญให้ศาลตัดสินจริยธรรม ก็เป็นเรื่องของศาล ไม่ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง การแสดงสปิริต
ที่สำคัญคือ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยังจะแจ้งความดำเนินคดีที่ดินอีกหลายแปลง การอยู่ในเก้าอี้รัฐมนตรีย่อมมีความทับซ้อนเรื่องตำแหน่งหน้าที่ มีอำนาจบารมีให้เจ้าหน้าที่กริ่งเกรง
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ปักใจชี้ผิด ปัญหาป่าไม้ที่ดินในประเทศนี้ซับซ้อนหมักหมม ชาวบ้านตาดำๆ โดนจับติดคุกไปเยอะ เพราะป่าทับที่ทำกิน วันดีคืนดี เจ้าหน้าที่ก็ฟิตเป็นพระเอก “ทวงคืนผืนป่า” ทั้งที่ปล่อยให้ออกโฉนดมา 20 ปีจนจะหมดอายุความแล้ว ปปช.ก็ตามเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ดินทุจริต ชี้มูลเจ้าของที่ดินผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ฯลฯ
แต่การที่รัฐมนตรีกอดเก้าอี้ตีนตุ๊กแก ขณะที่พ่อเผ่นหนีก็ทำให้สังคมมองแง่ลบหรือปักใจเชื่อว่าผิด
อย่างไรก็ดี พรรคภูมิใจไทยคงไม่คิดว่าเสียคะแนนเสียง กระทบการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะคงไม่คิดจะหาเสียงด้วยสปิริตอยู่แล้ว
ปลดล็อกกัญชา แม้กระแสตีกลับแต่ก็ไม่มากนักและน่าจะเฉพาะสังคมเมือง ในวงกว้าง กระแสกัญชายังคึกคัก ทั้งกับเกษตรกรที่วาดหวังพืชเศรษฐกิจ และสังคมสูงวัยสวัสดีวันจันทร์ ที่หวังกัญชาเป็นยาวิเศษ (ใครอยากเถียงกับปู่ย่า 70-80 ที่เชื่อว่ากัญชารักษามะเร็งได้)
ภูมิใจไทยจึงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่พร้อมที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างที่ อ.สุขุม นวลสกุล ชี้ว่าพร้อมทั้งกระแส-กระสุน
อันที่จริงไม่ต้องอาศัยกัญชา ภูมิใจไทยก็ได้อานิสงส์สูงสุดจากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐแตก และยังแตกได้อีก อาจหมดอนาคตถ้าหมดประยุทธ์แล้วไม่สามารถเสนอใครเป็นนายกฯ ตรงข้ามกับภูมิใจไทยที่อ้าปากกว้างดูด ส.ส.ฝ่ายค้าน ทั้งเข้าสังกัดและ “ฝากเลี้ยง” มีความเป็นปึกแผ่นกระทั่งโชว์พาวโชว์โพย 260 เสียงหนุนประยุทธ์
เสาหลักที่ค้ำประยุทธ์ช่วงบั้นปลาย อาจไม่ใช่พลังประชารัฐ กลายเป็นภูมิใจไทยนี่เอง ยิ่งมองไปยังการเลือกตั้งครั้งหน้า ภูมิใจไทยนี่แหละจะเป็นศูนย์รวมนักการเมือง “บ้านใหญ่” หรือ “บ้านรอง” ที่หวังโค่น “บ้านใหญ่พรรคอื่น” อย่างที่ทำสำเร็จมาแล้วในภาคใต้
พูดอีกอย่าง ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่เหมาะกับระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งทำให้การเมืองถอยหลังไปสู่ยุคก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 เอื้อต่อพรรคศูนย์รวมนักการเมืองทุนท้องถิ่น ผู้ครองอาณาจักรของตนเองในแต่ละจังหวัด รวมตัวกันวางเป้าเข้าไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขสยบยอม เครือข่ายอนุรักษนิยมและทหาร ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่คิดจะแย่งชิงเก้าอี้นายกฯ
นี่ไม่ได้ปรามาส ยังไง 250 ส.ว. เครือข่ายอำนาจ จะเลือกคนของตน ไม่ใช่เสี่ยหนูหรืออู๊ดด้า แม้ภูมิใจไทยอาจชนะถล่ม เป็นที่สองรองจากเพื่อไทย เป็นอันดับหนึ่งในฝั่งรัฐบาล
แต่นั่นก็กลายเป็นข้อดีอีกด้าน คือนักการเมืองเชื่อว่าภูมิใจไทยพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่าย อยู่ภูมิใจไทยยังไงก็ได้เป็นรัฐบาลแหงๆ พร้อมทั้งกระสุนกระแส แห่มาจับจองเป็นผู้สมัคร
กระนั้น พอสถานการณ์บีบรัด ก็ชักไม่แน่เสียแล้วว่าภูมิใจไทยจะร่วมรัฐบาลกับฝ่ายค้านได้ เช่นที่ไปดูด 3 ส.ส.ศรีสะเกษ จนครอบครัวเพื่อไทยยกพลไป “ไล่หนูตีงูเห่า” (ดีเท่าไหร่ไม่วางยาเบื่อหนู)
แม้บางคนบอกว่าไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร แต่การเมืองปัจจุบันเป็นการเมืองมวลชน FC เพื่อไทย-ก้าวไกล จำนวนมาก คงร้องโอ้กอ้ากหากพรรคของตนจูบปากพรรคบุรีรัมย์
ปัจจัยอีกข้อที่สกัดภูมิใจไทย คือไม่มีทางได้ ส.ส.กทม.ไม่สามารถชนะใจคนชั้นกลางในเมือง ซึ่งฝังใจมาตั้งแต่สมัย “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” จนยุคปัจจุบันที่มีชัชชาติเป็นขวัญใจภาพลักษณ์ชัชชาติ Vs นักการเมือง “บ้านใหญ่” (ทุกพรรค ไม่ใช่แค่ภูมิใจไทย) พูดได้ว่า สองนคราประชาธิปไตยกำลังหวนกลับ
ดาบสองคมของภูมิใจไทยคือแม้พร้อมทุกอย่างในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ก็อาจกลายเป็น “ศัตรู” กับฝ่ายค้านจนไม่มีทางร่วมกันได้ และกลายเป็นเป้า
“สองนคราประชาธิปไตย” ที่หวนมาใหม่
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7114574
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar