ประกาศแล้ว "พระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.๒๕๖๐" :
กษัตริย์สร้างส่วนงานที่ขึ้นต่อตนเองโดยสิ้นเชิง ทำอะไรกับส่วนงานนั้นก็ได้ "ตามใจชอบ" แต่อาศัยงบประมาณรัฐต่อไป มิหนำซ้ำ ถ้ามีรายได้จากส่วนงานนั้นก็ "ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน" ด้วย
.................
ต้นฉบับพระราชบัญญัติอยู่ที่นี่ https://goo.gl/Lua1kf (ขอบคุณ "มิตรสหายท่านหนึ่ง" ที่ช่วยส่งลิงค์ให้)
ผมต้องสารภาพตรงๆว่า ผมอ่านแล้ว "ฉุนกึก" ขึ้นมาเลย นี่โพสต์ให้อ่านกัน และสรุปสั้นๆให้ดู ผมคงจะเขียนถึงอีก
สรุปคือ
(1) ไม่ได้มีการตั้งเป็น "กระทรวงวัง" อะไรตามที่บางคนเคยลือกัน (อันนี้พูดจริงๆว่า ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีการตั้งถึงกับเป็นกระทรวง แต่จะเห็นว่า นั่นไมใช่ประเด็นเลย)
(2) ประเด็นที่เป็นหัวใจที่สุดของ พรบ.นี้ คือ ให้กำหนดว่า สิ่งที่เรียกว่าหรือจัดอยู่ใน "ราชการในพระองค์" ทั้งหน่วยงาน (ดูต่อไป) รวมถึงบรรดา "ข้าราชการในพระองค์" ทั้งหลาย ให้ขึ้นกับกษัตริย์โดยสิ้นเชิง ("ตามพระราชอัธยาศัย" คือตามใจชอบของกษัตริย์) ไม่ถึอเป็นส่วนราชการตามปกติและไม่ถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐอีก (มาตรา ๔)
"การจัดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย..
การจัดระเบียบราชการในพระองค์และการบริหารงานบุคคลในพระองค์ และสถานภาพของข้าราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย..
ส่วนราชการในพระองค์ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และไม่เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายอื่นใด...."
ครับ "ตามพระราชอัธยาศัย..ไม่เป็นหน่วยงานของรัฐ" อะไรนี้
แต่โทษทีนะครับ (มาตรา ๕)
"ให้คณะรัฐมนตรีดําเนินการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่ส่วนราชการในพระองค์...."
พูดง่ายๆคือ แยกไปเป็นอิสระขึ้นกับกษัตริย์ แต่ยังรับประทาน (กิน/แดก) เงินงบประมาณของรัฐอยู่ตามปกติ
และ "#รายได้ส่วนราชการในพระองค์ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน"
เหอๆ อยากมีอำนาจ มีอะไรที่ควบคุมเองโดยสิ้นเชิงตามใจชอบ แต่ไม่มีวันจ่ายจากเงินตัวเองอยู่แล้ว เอาเงินภาษีประชาชน เงินงบประมาณรัฐนี่แหละจ่าย
มิหนำซ้ำ ถ้ามีรายได้ ยังไม่ต้องส่งให้คลังของรัฐด้วย เรียกว่า "กิน(แดก)" ลูกเดียวครับ
(3) หน่วยราชการที่มีอยู่เดิม ที่ถูก "โอน" ให้กลายมาเป็น "ราชการในพระองค์" "ข้าราชในพระองค์" โดยสิ้นเชิง และอยู่ในหลักการที่เพิ่งกล่าวในข้อ (2) ข้างต้น ได้แก่ (มาตรา ๗)
- สํานักราชเลขาธิการและสํานักพระราชวัง (เดิมขึ้นต่อนายกฯ)
- กรมราชองครักษ์ กระทรวงกลาโหม
- หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม
- สํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
..................
* ปล. ความจริง มีประเด็นที่ผมเคยตั้งข้อสงสัยไปว่า พรบ.นี้ ที่เข้า สนช. "วาระเร่งด่วน" และพิจารณาลับ จะประกาศยังไง ในเมื่อกษัตริย์ยังอยู่ในเยอรมัน
อย่างที่ผู้อ่านคงจำได้ เมื่อวันที่ 28 ผมได้แชร์โพสต์ของคุณแอนดรู ซึ่งคุณแอนดรูบอกว่า กษัตริย์บินกลับมาไทย แต่ต้องขอเรียนว่า ณ จุดนี้ ผมไม่แน่ใจ มี "มิตรสหายบางท่าน" ในไทย ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการบิน ได้ยืนยันกับผมว่า สายการบินไทยเที่ยวบินที่คุณแอนดรูว่ากษัตริย์บินกลับนั้น ไม่ได้มีกษัตริย์บินกลับมาด้วยอย่างแน่นอน วันต่อมา (29) ที่มีพิธีวันเกิดพระองค์ที ก็ไม่มีกษัตริย์หรือพระองค์ทีปรากฏพระองค์ แน่นอน ประเด็นหลังนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่มายืนยันทางใดทางหนึ่งได้ คือต่อให้บินกลับมากระทันหันแบบนั้น ก็อาจจะไม่ปรากฏพระองค์ในงานที่ว่าก็ได้ แต่สรุปว่า ผมไม่ค่อยแน่ใจ และคิดว่าอาจจะยังอยู่ในเยอรมัน (ที่ผมได้ยินมาคือ อาจจะกลับจริงๆ ราวสัปดาห์หน้า ใกล้วันงานแรกนาขวัญ)
แต่ขอให้สังเกตว่า พรบ.นี้ "ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐" ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คุณแอนดรูบอกว่าบินกลับ ซึ่งต่อให้บินกลับวันนั้นจริง ก็เป็นไปไม่ได้ ที่ พรบ.นี้จะทรง "ให้ไว้" ขณะทรงอยู่ในเมืองไทย คือยังอยู่ในเยอรมันแน่ๆ
แต่ผมขอข้ามประเด็นทางกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องกษัตริย์ไม่อยู่ในประเทศ แต่ถือว่า "เซ็นชื่อ" ประกาศกฎหมายอย่างไรไปก่อน ยังไม่อภิปรายในที่นี้
กษัตริย์สร้างส่วนงานที่ขึ้นต่อตนเองโดยสิ้นเชิง ทำอะไรกับส่วนงานนั้นก็ได้ "ตามใจชอบ" แต่อาศัยงบประมาณรัฐต่อไป มิหนำซ้ำ ถ้ามีรายได้จากส่วนงานนั้นก็ "ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน" ด้วย
.................
ต้นฉบับพระราชบัญญัติอยู่ที่นี่ https://goo.gl/Lua1kf (ขอบคุณ "มิตรสหายท่านหนึ่ง" ที่ช่วยส่งลิงค์ให้)
ผมต้องสารภาพตรงๆว่า ผมอ่านแล้ว "ฉุนกึก" ขึ้นมาเลย นี่โพสต์ให้อ่านกัน และสรุปสั้นๆให้ดู ผมคงจะเขียนถึงอีก
สรุปคือ
(1) ไม่ได้มีการตั้งเป็น "กระทรวงวัง" อะไรตามที่บางคนเคยลือกัน (อันนี้พูดจริงๆว่า ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีการตั้งถึงกับเป็นกระทรวง แต่จะเห็นว่า นั่นไมใช่ประเด็นเลย)
(2) ประเด็นที่เป็นหัวใจที่สุดของ พรบ.นี้ คือ ให้กำหนดว่า สิ่งที่เรียกว่าหรือจัดอยู่ใน "ราชการในพระองค์" ทั้งหน่วยงาน (ดูต่อไป) รวมถึงบรรดา "ข้าราชการในพระองค์" ทั้งหลาย ให้ขึ้นกับกษัตริย์โดยสิ้นเชิง ("ตามพระราชอัธยาศัย" คือตามใจชอบของกษัตริย์) ไม่ถึอเป็นส่วนราชการตามปกติและไม่ถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐอีก (มาตรา ๔)
"การจัดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย..
การจัดระเบียบราชการในพระองค์และการบริหารงานบุคคลในพระองค์ และสถานภาพของข้าราชการในพระองค์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย..
ส่วนราชการในพระองค์ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และไม่เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายอื่นใด...."
ครับ "ตามพระราชอัธยาศัย..ไม่เป็นหน่วยงานของรัฐ" อะไรนี้
แต่โทษทีนะครับ (มาตรา ๕)
"ให้คณะรัฐมนตรีดําเนินการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่ส่วนราชการในพระองค์...."
พูดง่ายๆคือ แยกไปเป็นอิสระขึ้นกับกษัตริย์ แต่ยังรับประทาน (กิน/แดก) เงินงบประมาณของรัฐอยู่ตามปกติ
และ "#รายได้ส่วนราชการในพระองค์ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน"
เหอๆ อยากมีอำนาจ มีอะไรที่ควบคุมเองโดยสิ้นเชิงตามใจชอบ แต่ไม่มีวันจ่ายจากเงินตัวเองอยู่แล้ว เอาเงินภาษีประชาชน เงินงบประมาณรัฐนี่แหละจ่าย
มิหนำซ้ำ ถ้ามีรายได้ ยังไม่ต้องส่งให้คลังของรัฐด้วย เรียกว่า "กิน(แดก)" ลูกเดียวครับ
(3) หน่วยราชการที่มีอยู่เดิม ที่ถูก "โอน" ให้กลายมาเป็น "ราชการในพระองค์" "ข้าราชในพระองค์" โดยสิ้นเชิง และอยู่ในหลักการที่เพิ่งกล่าวในข้อ (2) ข้างต้น ได้แก่ (มาตรา ๗)
- สํานักราชเลขาธิการและสํานักพระราชวัง (เดิมขึ้นต่อนายกฯ)
- กรมราชองครักษ์ กระทรวงกลาโหม
- หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทรวงกลาโหม
- สํานักงานนายตํารวจราชสํานักประจํา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
..................
* ปล. ความจริง มีประเด็นที่ผมเคยตั้งข้อสงสัยไปว่า พรบ.นี้ ที่เข้า สนช. "วาระเร่งด่วน" และพิจารณาลับ จะประกาศยังไง ในเมื่อกษัตริย์ยังอยู่ในเยอรมัน
อย่างที่ผู้อ่านคงจำได้ เมื่อวันที่ 28 ผมได้แชร์โพสต์ของคุณแอนดรู ซึ่งคุณแอนดรูบอกว่า กษัตริย์บินกลับมาไทย แต่ต้องขอเรียนว่า ณ จุดนี้ ผมไม่แน่ใจ มี "มิตรสหายบางท่าน" ในไทย ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการบิน ได้ยืนยันกับผมว่า สายการบินไทยเที่ยวบินที่คุณแอนดรูว่ากษัตริย์บินกลับนั้น ไม่ได้มีกษัตริย์บินกลับมาด้วยอย่างแน่นอน วันต่อมา (29) ที่มีพิธีวันเกิดพระองค์ที ก็ไม่มีกษัตริย์หรือพระองค์ทีปรากฏพระองค์ แน่นอน ประเด็นหลังนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่มายืนยันทางใดทางหนึ่งได้ คือต่อให้บินกลับมากระทันหันแบบนั้น ก็อาจจะไม่ปรากฏพระองค์ในงานที่ว่าก็ได้ แต่สรุปว่า ผมไม่ค่อยแน่ใจ และคิดว่าอาจจะยังอยู่ในเยอรมัน (ที่ผมได้ยินมาคือ อาจจะกลับจริงๆ ราวสัปดาห์หน้า ใกล้วันงานแรกนาขวัญ)
แต่ขอให้สังเกตว่า พรบ.นี้ "ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐" ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คุณแอนดรูบอกว่าบินกลับ ซึ่งต่อให้บินกลับวันนั้นจริง ก็เป็นไปไม่ได้ ที่ พรบ.นี้จะทรง "ให้ไว้" ขณะทรงอยู่ในเมืองไทย คือยังอยู่ในเยอรมันแน่ๆ
แต่ผมขอข้ามประเด็นทางกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องกษัตริย์ไม่อยู่ในประเทศ แต่ถือว่า "เซ็นชื่อ" ประกาศกฎหมายอย่างไรไปก่อน ยังไม่อภิปรายในที่นี้
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar