måndag 15 november 2021

อ่านคำฟ้องคดีครอปท็อปที่รุ้งไม่ได้ประกันตัว

ศาลให้เหตุผลว่าหากจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป จำเลยอาจไปกระทำการอันมีลักษณะเป็นความผิดเช่นเดียวกับคดีนี้อีก

ม.112 : ศาลไม่ให้ประกันตัว “รุ้ง ปนัสยา” คดีใส่ครอปท็อปไปเดินห้าง

ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่ม "ราษฎร" ในคดีอาญามาตรา112 จากการทำกิจกรรม "ใคร ๆ ก็ใส่ครอปท็อป ไปเดินสยามพารากอน"

วันนี้ (15 พ.ย.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้นัดพิจารณา 2 คดีสำคัญ คือ นัดสอบคำให้การคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา, น.ส.เบนจา อะปัญ, นายภวัต หิรัณย์ภณ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการทำกิจกรรม "ใคร ๆ ก็ใส่ครอปท็อป ไปเดินสยามพารากอน" เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563

ส่วนอีกคดี คือไต่สวนคัดค้านการฝากขังครั้งที่ 5 คดีตามมาตรา 112 ของ น.ส. เบนจา กรณีปราศรัยหน้าบริษัทซิโน-ไทย ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.

ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า วันนี้ (15 พ.ย.) "ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว รุ้ง ปนัสยา ในคดีม.112 ใคร ๆ ก็ใส่ครอปท็อป ไปเดินสยามพารากอน" หลังจาก น.ส. ปนัสยา ยื่นขอประกันด้วยเงิน 200,000 บาท โดยศาลนัดตรวจพยาน ฯ วันที่ 24 ม.ค. 2565

ศาลให้เหตุผลในการไม่ให้ประกันตัว น.ส. ปนัสยา ว่า "จำเลยเคยกระทำในลักษณะทำนองเดียวกันกับคดีนี้มาแล้วหลายคดี หลังถูกฟ้องในคดีนี้ จำเลยซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีของศาลอาญาก็ไปกระทำผิดซ้ำ ซึ่งเป็นการละเมิดเงื่อนไขข้อห้ามของศาลอาญา จนพนักงานอัยการร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว หากจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป จำเลยอาจไปกระทำการอันมีลักษณะเป็นความผิดเช่นเดียวกับคดีนี้อีก กรณีจึงเห็นควรไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ยกคำร้อง

คำสั่งดังกล่าวลงนามคำสั่งโดย นายสันติ ชูกิจทรัพย์ไพศาล ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยงานชั่วคราวในตําแหน่งรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้

นอกจากนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยังไต่สวนคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง น.ส.เบนจา และมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังต่อได้อีก 7 วัน (เดิมฝากได้เต็มครั้งละ 14 วัน)

คำฟ้องชี้ใส่ "ครอปท็อป" เจตนาล้อเลียนกษัตริย์

หลังอ่านแถลงการณ์ ปนัสยาได้ทำการกรีดแขนตัวเองเป็นเลข 112 เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าจะทุ่มเทเดินหน้ารณรงค์ยกเลิกกฎหมายนี้ด้วยแรงกาย แรงใจ และแม้กระทั่งชีวิต

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

หลังอ่านแถลงการณ์ในที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค. น.ส. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ "รุ้ง" กรีดแขนตัวเองเป็นเลข 112 และขีดฆ่า เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าจะทุ่มเทเดินหน้ารณรงค์ยกเลิกกฎหมายนี้ด้วยแรงกาย แรงใจ และแม้กระทั่งชีวิต

เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า กิจกรรม "ใคร ๆ ก็ใส่ครอปท็อป ไปเดินสยามพารากอน"จัดขึ้นโดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 เพื่อรณรงค์ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในกิจกรรมนี้ นักกิจกรรมได้ร่วมกันใส่เสื้อกล้ามเอวลอย ที่เรียกว่า "ครอปท็อป" ไปเดินบริเวณห้างสยามพารากอน เพื่อยืนยันว่าการสวมชุดครอปท็อปไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย หลังเกิดกรณีของสายชล (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 16 ปี ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เพียงเพราะใส่ชุดครอปท็อปและเขียนข้อความบนตัวเอง

ว่าที่ ร.ต.นรินทร์ ศักดิ์เจริญชัยกุล สมาชิกกลุ่มไทยภักดี ได้เป็นผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนมีการดำเนินต่อนักกิจกรรมทั้งหมด 7 คน โดยมีเยาวชนจำนวน 2 รายถูกดำเนินคดีนี้ด้วย

โดยในคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 เวลากลางวันต่อเนื่องถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยง จําเลยทั้งห้า กับพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นเยาวชน ได้บังอาจกระทําความผิดต่อกฎหมายเป็นตัวการร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามที่ได้สมคบเตรียมการและนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงกิจกรรมล้อเลียนดูหมิ่นและต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ และต่อต้านพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยการแสดงบทบาทล้อเลียนดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยวิธีการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทํา ได้แก่ ร่วมกันแต่งกายใส่ชุด Crop Top (ครอปท็อป หรือชุดเสื้อกล้ามเอวลอย) ร่วมกันเขียนถ้อยคําหรือข้อความตามเนื้อตัวร่างกาย ร่วมกันกล่าวคําพูดหรือถ้อยคํา แสดงบทบาท แสดงกิริยาอาการทางร่างกาย ใบหน้า และวิธีอื่นใดในทํานองเดียวกัน แล้วเดินวนเวียนไปมาที่บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมขนาดใหญ่

อัยการอ้างว่า การกระทำดังกล่าว มีเจตนาแสดงออกและสื่อความหมายให้ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลที่สามเข้าใจว่า กลุ่มจําเลยทั้งห้ากับพวกได้ร่วมกันแสดงตนหรือบทบาทล้อเลียนดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระราชินี และสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ประชาชนเสื่อมความเคารพ ความศรัทธาต่อองค์พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ 

แม่เพนกวิน

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

อัยการยังระบุรายละเอียดการกระทําของจําเลยแต่ละคน ซึ่งมีการเขียนข้อความตามร่างกายด้วยหมึกสีดำ อาทิ นายพริษฐ์เขียนข้อความว่า "ยกเลิก 112" และ "ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์" บริเวณต้นแขนทั้งสองข้าง และมีการเขียนข้อความ "ไอ้บ้ากาม" และ "แม่ผมไม่ได้มีชู้" บริเวณท้องและเอว

น.ส.ปนัสยาเขียนข้อความ "พ่อหนูมีคนเดียว" และ "ว่าไงไอ้ชาย" บริเวณท้องและเอว เบนจาเขียนข้อความ "พ่อไม่ได้ชื่อ…" "บ้าหรือเปล่าไอ้ชาย" บริเวณท้องและเอว รวมทั้งยังพฤติการณ์ถือพานทองที่มีกระเป๋าวางอยู่บนพาน และเดินตามพริษฐ์และปนัสยา ในลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นข้าราชบริพารเดินถือเครื่องใช้ส่วนพระองค์ในการตามเสด็จ

ส่วนนายภวัต อัยการกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ในลักษณะอยู่ร่วมด้วยขณะทํากิจกรรม พร้อมกับพูดว่า "ทรงพระเจริญ ๆ" และทําท่าย่อตัวยกมือไหว้และมอบดอกไม้ให้กับนายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา พร้อมกับพูดคําว่า "ขอบคุณค่ะท่าน" และ "ทรงพระเจริญค่ะท่าน" อัยการอ้างว่าจำเลยมีเจตนาแสดงล้อเลียนให้เห็นว่าตนเองเป็นประชาชนที่มาร่วมชมพระบารมีและถวายพระพร

ขณะที่ภาณุพงศ์ได้ร่วมแสดงออกในลักษณะเดียวกับกลุ่มจำเลยคนอื่น ๆ และร่วมกันชูสามนิ้ว ที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง

รุ้ง ปนัสยา 

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

อัยการระบุว่า จากการกระทําของจําเลยทั้งห้ากับพวก โดยบริบททั้งหมดแสดงให้เห็นว่า จําเลยทั้งห้ากับพวกได้ร่วมกันใช้เสรีภาพในทางใด ๆ อันเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือปวงชนชาวไทยที่จะต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

จําเลยทั้งห้ากับพวกมีเจตนาร่วมกันที่จะมุ่งหมายทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (รัชกาลที่ 10) ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทําให้ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นเสื่อมศรัทธา เสื่อมความเคารพสักการะในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี โดยประการที่น่าจะทําให้พระมหากษัตริย์ พระราชินี เสื่อมเสียพระเกียรติ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้รับฟ้องคดีนี้ไว้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1180/2564 และให้ประกันตัวจำเลยสองราย ได้แก่ น.ส.เบนจา และนายภวัต โดยให้วางหลักประกันเป็นเงินสดคนละ 200,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์

ศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวว่า ห้ามจำเลยกระทำการใดในลักษณะเช่นเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาตามฟ้อง อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และมาศาลตามกำหนดโดยเคร่งครัด

Thai pro-democracy activist Panusaya "Rung" Sithijirawattanakul (2-R) flash three-finger salutes and pose for a photo as they gather to protest against the lese majeste law in Bangkok, Thailand, 31 October 2021. 

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar