ศิษย์เก่าจุฬาเป็นเดือดเป็นแค้น เมื่อองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬา มีมติเอกฉันท์ ให้ยกเลิกกิจกรรมอัญเชิญพระเกี้ยวในฟุตบอลประเพณี เพราะสะท้อนระบอบอำนาจนิยม คนไม่เท่ากัน เป็นภาพแทนวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ศักดินา
สำนักบริหารกิจการนิสิต ประกาศสอบสวนเอาผิดทางวินัย อ้างว่ายอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด เคารพเสรีภาพทางวิชาการ แต่ในฐานะ “สถาบันการศึกษาชั้นสูง” หากพบว่านิสิตแสดงออกมีเนื้อหากระทบกระเทือนต่อบุคคลที่เป็นที่เคารพเทิดทูนสักการะของผู้อื่น ไม่เคารพต่อความเห็นต่าง หรือความเชื่อความเลื่อมใสของผู้อื่น จุฬาย่อมไม่อาจนิ่งเฉย ถือเป็นหน้าที่ที่จะดำเนินการเพื่อกล่อมเกลานิสิตให้อยู่ในครรลองของความรู้คู่คุณธรรม
แปลว่าอะไร เคารพเสรีภาพทางความคิด แต่ห้ามไปกระทบกระเทือนบุคคลที่ผู้อื่นเคารพเทิดทูน ไม่งั้นเก้าอี้ฟาด! แล้วพูดทำไมเสรีภาพทางวิชาการ ไม่ต่างอะไรกับระบอบอำนาจที่ใช้กฎหมายอำมหิตปิดปาก บังคับให้เคารพ
ความรู้คู่คุณธรรม ของ “สถาบันการศึกษาชั้นสูง” คืออะไร คือการเป็นเสาหลัก กปปส. ทั้งศิษย์เก่าคณาจารย์ แล้วอดีตอธิการบดี อดีตนายกสภามหาวิทยาลัย ก็เข้าไปรับใช้รัฐประหารเป็น สนช. สปช.
มติ อบจ.เป็นเอกฉันท์ กรรมการ 11 คน ผู้แทนคณะ 18 คน ที่มาจากเลือกตั้ง สภานิสิต ชมรมเชียร์ ก็สนับสนุน มีแต่ศิษย์เก่าดิ้นพล่าน รัฐมนตรีดีอีเอสที่ไล่จับคนเห็นต่าง อ้างว่ามีแต่คนอยากแบก งั้นมาแบกเองไหม
ดาราโพสต์ภาพตัวเองได้รับเลือกให้อัญเชิญพระเกี้ยว ไม่เห็นมีใครโพสต์ภาพแบกอยู่ข้างล่างอย่างภาคภูมิใจ สมัยชัยวุฒิเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ปัจจุบันเด็กไม่อยากแบกแล้ว ก็ยังไปกะเกณฑ์นิสิตหอใน ซึ่งกลัวถูกตัดแต้ม เดี๋ยวไม่ได้อยู่หอ ต้องมาแบกอย่างจำใจ จึงมีความเคลื่อนไหวให้เลิกมาหลายปี
องค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ชิงสอบถามความคิดเห็น เลิกฟุตบอลประเพณีไปเลยดีไหม เพราะคนจัดคือสมาคมศิษย์เก่า แต่เอาภาระมาโยนรุ่นปัจจุบัน ถ้าอยากจัดก็จัดกันเอง อยากแบกก็ไปหาคนมาแบกเอง
ว่าตามความจริง ฟุตบอลประเพณีทุกวันนี้ที่มีค่าให้คนสนใจ คือพาเหรดแปรอักษรล้อการเมือง ส่วนฟุตบอลในสนามที่ไปเอานักบอลดังๆ มายัดเสื้อมหาลัย ไม่มีใครดูหรอก หลายปีมานี้พวกศิษย์เก่าก็คลั่ง แปรอักษรแสบทั้งจุฬาธรรมศาสตร์ ถ้ายกเลิกเสียน่าจะพอใจ
ฟุตบอลประเพณีเริ่มในปี 2477 เมื่อธรรมศาสตร์ก่อตั้งโดย อ.ปรีดี คณะราษฎร ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวเพิ่งมีปี 2507 สมัยตุ๊ ประภาส เป็นอธิการจุฬา แต่ก็ทำเล็กๆ เพิ่งจะมา 50-60 คนแบกไม่กี่สิบปีนี้เอง
พูดลงไประหว่างบรรทัด ก็รู้ว่าสู้กันเรื่องอะไร คนรุ่นเก่าตื่นตระหนก คนรุ่นใหม่ชูสามนิ้วถอดรื้อฟอกล้างวัฒนธรรมความเคารพ ที่ตัวเองเคยยึดเหนี่ยว เหมือนโลกแตกสลาย กลัวตายแล้วกลับมาเกิดใหม่จะไม่มีที่ยึดเหนี่ยวอีกต่อไป ประวัติศาสตร์จะถูกชำระ การอ้างบุญุคุณต่างๆ จะถูกตีค่าใหม่ ว่าเป็น propaganda หรือไม่
การเกิดม็อบคนรุ่นใหม่ 3 สิงหา 10 สิงหา 16 สิงหา 2563 ทำให้คนรุ่นเก่าอนุรักษนิยมตกใจ “แผ่นดินไหวทางวัฒนธรรม” แต่เมื่อม็อบไปจนสุด อำนาจใหญ่โตมหึมาไม่ยอมเปลี่ยน ก็เกิดอาการล้า มองดูเหมือนม็อบฝ่อ แกนนำถูกจับกุมคุมขัง ครั้งแรกยังต่อสู้เรียกร้องจนได้ประกัน ครั้งหลังยิ่งมายิ่งขยายวง ทั้งจับ 112 จับ “ทะลุฟ้า” ว่าสาดสีฝ่าฝืนข้อกำหนดประกันตัว
รัฐบาลชูกระแสเปิดประเทศ กลบความล้มเหลวโควิด ขณะที่ใช้กฎหมายอำมหิตปราบคนรุ่นใหม่ ดึงคนส่วนใหญ่ไปฝากความหวังกับการเลือกตั้ง แต่ก็ลากถูไปยังไม่ยุบสภา ในกระแสเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคนรุ่นใหม่ไม่มีทางสู้ ความพยายามระดมม็อบใหญ่วันที่ 31 ตุลา ถ้ามีคนน้อย แกนนำที่เหลือก็คงทยอยถูกจับกุมคุมขังไม่ได้ประกัน
แต่อำนาจอนุรักษ์ไม่ตระหนัก ว่านี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ช่วงชิงอำนาจในระบอบรัฐสภาผ่านพรรคการเมือง เหมือนที่เคยเป็นมา (ชนะเลือกตั้งถูกรัฐประหารถูกยุบพรรค) คนรุ่นใหม่กำลัง “ปฏิวัติ” การเมืองวัฒนธรรม โดยเอาตัวเองเข้าแลกอย่างกล้าหาญ ขณะที่แกนนำถูกจับกุมคุมขัง กระแสวิจารณ์ท้าทายในโลกออนไลน์ก็แผ่ไปอย่างกว้างขวาง ทั้ง 112 อำนาจตำรวจ อำนาจศาล กองทัพ ไปจนหลักสูตรล้าหลัง ครูบ้าอำนาจ คณบดี อธิการ ปิดกั้นเสรีภาพ
ไม่เชื่อไปดูในโลกออนไลน์ ถ้าจะไล่จับกุมคุมขัง คงได้เป็นแสนเป็นล้าน
นี่คือสงครามถอดรื้อทั้งหมด เพื่อบอกว่าวันนี้คุณมีอำนาจล้นฟ้า แต่วันหน้าคุณไม่มีที่ยืน คนรุ่นใหม่แบบนิสิตจุฬาที่ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย จะฟอกล้างความเคารพศรัทธาดั้งเดิมทั้งหมด จะชำระประวัติศาสตร์ propaganda ประเมินคุณค่าใหม่ ชักพรมออกจากใต้เท้า
แล้วรัฐทำอะไร วิษณุ เครืองาม บอกให้แต่งเพลงปลุกใจ ขำตาย โลกสมัยนี้ยังจะครอบงำความคิดใคร
อำนาจอนุรักษ์ที่ไม่ยอมปรับตัว ไม่มีทางเอาชนะความคิดคนรุ่นใหม่ ขังตัวได้แต่ขังจิตวิญญาณไม่ได้ กดหัวได้แต่ความคิดแพร่ขยายไปหมดแล้ว
คงเหลือแต่คนรุ่นเก่าคลั่งอยากเอาหัวโขกฝาตายไปอยู่บนฟ้า
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6704269“พรุ่งนี้เพื่อไทย” โลโก้ใหม่สีแดงขาว สักขาหลอกออกข่าวเปลี่ยนหัวหน้า ซึ่งคอการเมืองรู้กันว่าเป็นใครก็ไม่สำคัญเท่า “เจ้าของพรรคตัวจริง” แค่ต้องการปลุกกระแส ยกระดับ สร้างบรรยากาศคึกคักไปสู่เลือกตั้ง แคนดิเดตนายกฯ เป็นใครก็ยังไม่รู้เลย
ที่ไหนได้ เซอร์ไพรส์ของจริง เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคด้านมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ เฉียบคม ฉาดฉาน ไม่ต้องอ่านโพย แค่ดูประเด็น คนฟังอ้าปากค้าง ไม่คาดคิดกันมาก่อนว่า ลูกสาวคนเล็กของทักกี้ “ฉายแวว” ถึงขั้นนี้
ประเทศไทยขัดแย้งมา 15 ปี เผลอแป๊บเดียว อุ๊งอิ๊งอายุ 35 แล้วนะครับ มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี และเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้เลย
พูดอย่างนี้ไม่ได้ยกก้น แต่พึงเข้าใจว่าคนตระกูลชินวัตร ขอเพียงเข้าสู่การเมืองก็เป็นที่ต้อนรับล้นหลาม เช่นยิ่งลักษณ์ไม่เคยเดียงสา ก็สร้างได้ใน 49 วัน นี่อุ๊งอิ๊งลูกรัก แสดงท่าทีทางการเมืองมานาน ยังมีเวลาสร้างอีกหลายปี
คนเกลียดทักษิณอาจเย้ยหยันว่า ฝ่ายประชาธิปไตยประสาอะไร สืบทอดวงศ์ตระกูล แต่อย่าลืมว่า หนึ่ง ทักษิณเป็นที่รักของมวลชน เพราะนโยบายไทยรักไทย “ประชาธิปไตยกินได้” เพราะการวางตัวแบบทัวร์นกขมิ้น เข้าถึงคน ใจถึงใจ
สอง ยิ่งไปกว่านั้น ทักษิณและครอบครัวคือผู้ถูกกระทำ ถูกตัดสิน “ไม่ทุจริตแต่ติดคุก” ถูกยึดทรัพย์ รัฐประหารตุลาการภิวัตน์ทำให้ทักษิณกับคนเสื้อแดงมีหัวอกอันเดียวกัน ถูกปราบถูกฆ่าถูกจับกุมคุมขังถูกจองล้าง ฯลฯ ต่อสู้ร่วมกันมา 15 ปี
ในเชิงนโยบาย ทักษิณให้คนอื่นสานต่อได้ แต่ในแง่การทวงความยุติธรรม ใครจะลงมาสู้แทนได้อย่างทรงพลังเท่าลูกสาวสุดที่รัก
อุ๊งอิ๊งยังไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ก็เป็นการวางตัว “จ่อ” อย่างมีชั้นเชิง “จ่อ” แบบให้คนคาดหวัง ว่าอาจเป็นเลือกตั้งครั้งหน้า หรือบ่มเพราะรอครั้งโน้น ช่วยปลุกพลังให้คึกคักทั้ง ส.ส. และมวลชน
ตัดภาพกลับมาที่พรรคพลังประชารัฐ 3 วันอลวน เซอร์ไพรส์เหมือนกันแต่คนละด้าน อ่านข่าวความขัดแย้งแล้วยังกะอ่านนิยายมาเฟีย ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศ หักเหลี่ยมไม่รู้จบ คาดเดาไม่ได้ว่าจะจบอย่างไร
อ่านไปก็หัวเราะไป เพราะรู้แน่อย่างหนึ่ง สมัยหน้าถ้า พปชร.เสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ เลขาฯพรรคต้องไม่ใช่ธรรมนัส กลับกัน ถ้าธรรมนัสยังเป็นเลขาฯ พปชร.ก็อาจเสนอชื่อประยุทธ์ แต่ไม่เสนอคนเดียวเท่านั้น
ชาวบ้านทั่วไปก็เซอร์ไพรส์ ประยุทธ์คบคิด 6 รัฐมนตรี ยังเอาธรรมนัสไม่ลง ไปคุยกับ 3 ป. เหมือนเออออห่อหมก แต่วันรุ่งขึ้นป้อมเลี้ยงข้าวต้มหมู แล้วบอกว่า พวกมึงรุมกู ทำโพลด้วยลายมือ ส.ส.ไม่พอใจรัฐมนตรีคนไหนบ้าง หวยกลับมาออกที่ชัยวุฒิกับเสี่ยเฮ้ง ผู้หวังจะเป็นเลขาฯพรรค
ประยุทธ์เป็นนายกฯ คุมอำนาจตั้งรัฐมนตรี (ยังว่าง 2 เก้าอี้) ประวิตร ธรรมนัส คุมพรรคคุม ส.ส. แม้เชื่อว่า 2 ป.ไม่ฆ่ากัน แต่ถ้ายังไม่ลงรอยอยู่อย่างนี้ จะไปรอดได้ไง
มีคำแนะนำขำๆ ถ้าอยากไล่ประวิตรธรรมนัสพ้นพรรค ก็น่าจะระดม “คนรักคลองโอ่งอ่าง” สาวกเพจเชียร์ลุง มาช่วยกันชูป้าย “มันคือแป้ง” “นาฬิกาเพื่อน” ไม่โปร่งใส มีมลทิน ไม่สมควรเป็นหัวหน้า-เลขาธิการพรรคที่สนับสนุนลุงตู่เป็นนายกฯ ต้องปฏิรูปการเมืองเชิดชูคนดี
ถ้าไม่สำเร็จ ประยุทธ์ก็ไปตั้งพรรคใหม่ รวบรวมพลังปลัดฉิ่ง ดึงคนดีมีศีลธรรมถือความสัตย์จากระบบราชการ เช่น ผู้ว่าปู ผู้ว่าหมูป่า ผู้ว่าขี่จักรยาน (ลูกศิษย์วัดทรัพย์สิน 147 ล้าน) อดีตทหารอดีตตำรวจ
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ออกเอ็มวีพันปีร้องเพลงบ้านเกิดเมืองนอน
ทำอย่างนั้นสิครับ รัฐประหารไม่เสียของ ไม่ต้องไปข่มขู่ดูดกวาดนักการเมืองยี้ บ้านใหญ่ อิทธิพลท้องถิ่น มาจากพรรคอื่น ไหนด่าการเมืองสกปรก วงจรอุบาทว์ แต่พอจะสืบทอดอำนาจก็ไปกวาดต้อนมาจนขัดแย้งกัน เพราะไม่ยอมดูแล ผลักภาระให้ป้อมแป้งเป็นท่อน้ำมัน
ดัดจริตทั้งนั้น รู้กันว่าตั้งพรรคเองก็แพ้ย่อยยับ คะแนนอนุรักษนิยมมีแค่หยิบมือ คะแนนพลังประชารัฐมาจากฐานส่วนตัว ส.ส. ระบบอุปถัมภ์ ติดปีกอำนาจ สร้างความเชื่อมั่นว่าจะได้เป็นรัฐบาลเพราะมี 250 ส.ว.
ท้ายที่สุดก็แตกหัก ระหว่างนักการเมืองจากเลือกตั้ง กับอำนาจรัฐราชการจากรัฐประหาร ซึ่งไม่เห็นหัว คิดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกด้าน ใครอย่าบังอาจท้าทายอำนาจ ดูถูกดูแคลนนักการเมือง ไม่ตระหนักว่านักการเมืองแม้มันจะมาจากระบบอุปถัมภ์พึ่งอำนาจพึ่งเงิน มันก็ต้องได้ใจชาวบ้าน
ประยุทธ์จึงปลดธรรมนัสไม่ได้ ปลดได้ก็เท่ากับตัดขาตัวเอง แพ้ภัยนักการเมืองจากเลือกตั้งในพรรคที่สนับสนุนตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ร้องเพลงปลุกใจ แล้วทำรัฐประหาร? ทุกวันนี้ก็มีอำนาจมากเหมือนรัฐประหาร แต่ล้มเหลวทุกด้าน
เลือกตั้งก็ยาก รัฐประหารก็ลำบาก จะถอยก็สายไป จะเปลี่ยนก็ไม่มีใครแทน นี่คือความเป็นจริงท่ามกลางอำนาจ
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_6703487
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar