måndag 22 september 2014

ความเกื้อกูลกันในสังคม. คนมีจิตสำนึกหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือชนชั้นล่างที่ด้อยโอกาสในสังคมถือเป็นสิ่งที่ดีงาม คิดว่ากรณีเช่นเด็กชายแปดขวบยังมีอีกมากมายในสังคมไทยที่เจ็บป่วยเกินจะเยียวยา.... "จึงเป็นเรื่องที่คนในชุมชนและเจ้าหน้าที่รัฐต้องช่วยกันดู และไม่เพิกเฉยหรือปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ."

ข่าวสดออนไลน์   
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557
เด็กชาย 8 ขวบ : บทบรรณาธิการ 
เด็กต้องทำหน้าที่ในฐานะเป็นลูก ผู้นำครอบครัว พี่ชาย และนักเรียน ภายใต้ความยากจนและไร้ที่พึ่ง



กรณีครูในจ.พิจิตรไปพบความจริงว่า เด็กชายในชั้นเรียน อายุ 8 ขวบที่ต้องหลบจากโรงเรียน เพราะไปดูแลพ่อแม่ป่วยหนัก และน้องที่ยังเล็กวัยขวบกว่า อย่างลำบาก ยากเข็ญนั้น เป็นเรื่องที่ทั้งสะเทือนใจและประทับใจ

ความสะเทือนใจอยู่ที่การต่อสู้ดิ้นรนของเด็กเพื่อให้ครอบครัวดำรงชีวิตอยู่ได้

เด็กต้องทำหน้าที่ในฐานะเป็นลูก ผู้นำครอบครัว พี่ชาย และนักเรียน ภายใต้ความยากจนและไร้ที่พึ่ง

ความพยายามจัดการหน้าที่และความรับผิดชอบที่ขาดปัจจัยทุกด้าน จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความเห็นใจอย่างกว้างขวาง



ในส่วนของความประทับใจนั้นเด็กได้รับ คำชื่นชมผู้คนในสังคมเป็นพิเศษว่ามี ความกตัญญู

เพราะเกิดจากการทำหน้าที่ไปด้วยความรักและความหวังว่าครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าอย่างมีความสุข

เป็นความดีงามโดยธรรมชาติที่ไม่ได้ประกาศตัว หรือเจตนาทำไปตามหลักปฏิบัติที่ต้องท่องจำ

กระทั่งเมื่อครูประจำชั้นไปพบและนำเรื่องราวมาเปิดเผย จากนั้นจึงมีหน่วยงานและบุคคลต่างๆ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทั้งด้านความเป็นอยู่ การดูแลผู้ป่วยหนัก และด้านการศึกษาของเด็ก

แสดงถึงความเกื้อกูลกันในสังคม


ประเด็นที่น่าคิดจากกรณีนี้ก็คือ ยังมีกรณีคล้ายๆ กันกับน้องเจมส์ เด็กชาย วัย 8 ขวบเช่นนี้อีกหรือไม่ที่ผู้ป่วยฐานะยากจนหลุดรอดจากการดูแลของสวัสดิการรัฐ

มีหรือไม่ที่เด็กผู้เดือดร้อนยังไม่มีโอกาสแบบกรณีน้องเจมส์ ซึ่งอย่างน้อยมีครูประจำชั้นที่สังเกตพฤติกรรมเด็ก และเข้าไปสำรวจตรวจสอบ

มีหรือไม่ที่ผู้ป่วยโรคร้ายถูกกีดกันจากสังคมเพราะความไม่รู้และไม่เข้าใจ

เชื่อได้ว่ายังมีกรณีคล้ายๆ กันนี้ที่ซ่อนตัวอยู่และรอความช่วยเหลือ

จึงเป็นเรื่องที่คนในชุมชนและเจ้าหน้าที่รัฐต้องช่วยกันดู และไม่เพิกเฉยหรือปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar