onsdag 24 september 2014

"ความยากจน" ปัญหาที่มีอยู่คู่สังคมไทยมายาวนานและเพิ่มมากขึ้นทุกปี.. เรื่องราวความจริงชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้นล่างที่ยากจนขาดโอกาสตั้งแต่ลืมตามาดูโลก ช่วยกันนำมาเปิดเผยให้คนในสังคมไทยได้รับรู้ว่า ว่ายังมีเพื่อนร่วมชาติอีกจำนวนมากแต่ละวันต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำเพื่อความอยู่รอดของชีวิตใน"สังคมอันบัดซบ" ที่คนกลุ่มน้อยของชนอีกชนชั้นหนึ่งพากันแย่งชิงอำนาจและกอบโกยผลประโยชน์ของชาติและสร้างความร่ำรวยเสวยสุขจากแรงงานของเพื่อนร่วมชาติ ไม่มีวันสิ้นสุด...ในประเทศที่พัฒนาแล้วปัญหาเช่นนี้จะมีน้อยมากหรือแทบจะไม่มีให้เห็นเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยที่มีทรัพยากรธรรมชาติมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองพุทธที่คนมีเงินแข่งกันสร้างวัดวาอารามจนล้นประเทศ มีกษัตริย์ที่ร่ำรวยคนเอาเงินไปถวายให้ไม่เว้นแต่ละวัน มีมหาเศรษฐีร่ำรวยติดอันดับโลกมากมาย แต่ทำมองข้ามชีวิตบัดซบของเพื่อนร่วมชาติเหล่านี้ไปได้ ฝากให้ทุกคนคิดและถามตัวเอง โดยเฉพาะท่านประธาน คสช. นายกคนที่๒๙ ที่ยึดอำนาจรัฐมาแล้วช่วยกรุณาแก้ปัญหาความยากจนด่วน.....



ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 
                           


สุดรันทด! ยายวัย 60 เดินเท้าเข็นรถให้ลูกสาวพิการนั่ง จากอุดรฯเข้ากทม. หลังจนท.ไม่ให้ขึ้นรถไฟ เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 ก.ย. ที่บริเวณ หลัก กม.23 ถนนมิตรภาพอุดรธานี - ขอนแก่น บ้านแม่นนท์ ต.หนองไผ่ อ.เมืองอุดรธานี ผู้สื่อข่าวได้พบหญิงชราคนหนึ่งทราบชื่อภายหลังคือ นางพรพิมล ฤาโอภาส อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 6 ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี กำลังเข็นรถเข็นที่มีลูกสาวชื่อ น.ส.รัตนา เกียรติประเสริฐ วัย 22 ปี ซึ่งพิการเป็นดาวน์ซินโดรม นั่งอยู่ในรถ ซึ่งรถเข็น ประกอบจากโครงเหล็กอย่างดี กว้างประมาณ 50 ซม. ยาว 1.50 เมตร มุงหลังคาด้วยป้ายผ้าไวนิล และติดลวดเหล็กระบายอากาศภายในรถเข็นมีเสื้อผ้า หมอน และขวดน้ำดื่มวางอยู่ โดยนางพรพิมล บอกว่าจะเข็นรถพาลูกสาวไปทำงานเก็บขยะขายที่ กทม.

 คุณยายพรพิมล เปิดเผยว่า เดิมเป็นชาว กทม. เมื่อปี 2535 ได้พบรักอยู่กินกับนายสุรัตน์ เกียรติประเสริฐ ชาวอุดร ที่ไปทำงานก่อสร้างที่ กทม. จนได้ลูกสาว คือ น.ส.รัตนา ที่พิการดาวน์ซินโดรม และในปี 2540 สามีได้พาครอบครัวกลับมาสร้างบ้านอยู่ในที่ดินของพ่อแม่สามีที่อุดรฯ โดยสามีได้ออกไปทำงานรับจ้าง ส่วนตนเลี้ยงดูลูกสาวอยู่ที่บ้าน ในปี 2549 สามีเสียชีวิตลงด้วยโรคตับแข็ง เนื่องจากดื่มสุรามาก ตนจึงได้นำลูกไปทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิต และก็มีเงินช่วยเหลือคนพิการของลูกสาวอีกเดือนละ 500 บาท แต่ด้วยลูกพิการ และดื้อมาก จึงถูกให้ออกจากงานไม่มีใครจ้าง ต้องออกเร่ร่อนเก็บของเก่าจากกองขยะไปขายประทังชีวิตไปเรื่อยๆ

 กระทั่ง เมื่อสิงหาคม เมื่อตนและลูกกลับมาบ้าน ก็พบว่าบ้านถูกญาติๆ สามีได้รื้อทิ้งไปหมด ไม่ยอมให้อยู่ด้วย บอกว่าสามีเป็นแค่ลูกที่เก็บมาเลี้ยงเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิในมรดก ตนไปขอความช่วยเหลือจาก อบต.ให้ช่วยสร้างบ้านให้ด้วย แต่ อบต.แจ้งว่าตนไม่มีที่ดิน จึงสร้างบ้านให้ไม่ได้

 คุณยายพรพิมล กล่าวต่อว่า เมื่อทั้งญาติสามีไม่ให้อยู่ และหน่วยงานราชการไม่สามารถช่วยเหลือได้ ตนจึงตัดสินใจนำเงินที่เก็บไว้ 2,400 บาท มาจ้างช่างต่อรถเข็นให้ลูกสาว และได้เดินทางเข็นลูกสาวมาขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีอุดรฯ เพื่อจะได้ตระเวนเที่ยวเก็บของเก่าขายเลี้ยงตัวและลูกที่ กรุงเทพฯ แต่ถูก จนท.รถไฟไม่ให้นำรถเข็นขึ้นไปด้วย โดยระบุว่ารถเข็นมีความยาวมากไป ถึงแม้ว่าตนยอมที่จะเสียค่าระวางแล้วก็ตาม จึงได้ตัดสินใจนำลูกใส่รถเข็น เดินเข็นไปตามถนนตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. แบบค่ำไหนนอนนั่น จะอาศัยนอนตามปั๊มน้ำมัน ป้อมตำรวจ และหน้าบ้านของชาวบ้าน เพราะจะปลอดภัยกว่า และไม่มีคนมารังแกได้

 โดยออกเดินทางมาได้ 4 วันแล้ว มีเงินเหลือติดกระเป๋าแค่ 40 บาท จึงต้องเที่ยวเก็บของเก่าจากกองขยะตามชุมชนที่ผ่านมา นำไปขาย หางินไปซื้ออาหารให้ลูกและตนกินประทังชีวิตไปวันๆ และจะเดินไปเรื่อยๆ จนถึงกรุงเทพฯ ถึงเมื่อไหร่ก็ช่าง ตนมีญาติอยู่แถวปากเกร็ด จ.นนทบุรี จะขอพักพิงและหาเงินที่นั่น คิดว่าตนกับลูกสาวคงจะไม่อดตายอย่างแน่นอน
     
                

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar