ผบ.ทบ.ล่อเป้า
ไม่อยากวิจารณ์ซ้ำ ผบ.ทบ.ที่ช้ำไปหมดแล้ว
จากการให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ กล่าวหาพรรคการเมืองเกิดใหม่ ใช้ Fake News
โฆษณาชวนเชื่อคนรุ่นใหม่ ให้ต่อต้านกองทัพและสถาบัน
เหมือนสมัยพรรคคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าทหารจะถอยจากการเมือง
ไม่ทำรัฐประหารอีก
พูดอย่างนี้ไม่รู้ใครเชื่อ
เพราะท่านพูดเรื่องการเมืองเห็นๆ ซ้ำยังเป็นเรื่องที่ทหารใช้เป็นข้ออ้าง
ทำรัฐประหารมาแต่ดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่ปี 2490 ตะโกนให้ร้าย อ.ปรีดีในโรงหนัง
หรือ 6 ตุลา 2519 ดาวสยามตกแต่งภาพ พฤษภา 35 สุจินดาก็กล่าวหาบิ๊กจิ๋ว
“สภาเปรสิเดียม” รัฐประหาร 49 ก็กล่าวหาทักษิณ “หมิ่นเหม่” พฤษภา 53
ไก่อูก็อ้าง “ผังล้มเจ้า”
ที่กล่าวอ้างทุกครั้งเพื่อรัฐประหารเข่นฆ่า
คือ Fake News ทั้งนั้น มีมาก่อนยุคโซเชียล โดยใช้ข่าวลือ
ใช้สื่อไร้จรรยาบรรณ ใช้วิทยุยานเกราะ กรมประชาสัมพันธ์ กระทั่งได้ฉายา
“กรมกร๊วก”
คำพูด ผบ.ทบ.ก็เลยเข้าตัว ถูกพรรคการเมือง
นักวิชาการ รุมกระหน่ำ ฝ่ายรัฐบาลเห็นแต่ “เอ๋ ปารีณา” เชียร์
นอกนั้นปิดปากเงียบ เผลอๆ ดีใจได้ ผบ.ทบ.มาช่วยล่อเป้า
พักยกเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ
สังเกตไหม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
เอ่ยปากเมื่อไหร่ เป็นเรื่องทุกครั้ง ทั้งที่ไม่มีใครอยากยุ่งกับท่าน
อยากให้ทหารถอยจากการเมืองจริงๆ เสียที แต่ก็เป็นอย่างที่รังสิมันต์ โรม
ตั้งข้อสังเกต ว่าท่านมองฝ่ายต่างๆ
ด้วยความต้องการที่จะระบุศัตรูอยู่ตลอดเวลา
พยายามอย่างยิ่งที่จะบอกสังคมว่า ใครคิดต่างจากกองทัพคือศัตรู
ใช่ละ ฝ่ายประชาธิปไตยต้องการลดอำนาจ
ลดงบกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร แต่นั่นคือการเอากองทัพออกจากการเมือง
ไปเป็นกองทัพที่มีประสิทธิภาพ กะทัดรัด
มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยป้องกันประเทศ เลิกยุ่งความมั่นคงภายใน
ไม่มานั่งเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
แต่ ผบ.ทบ.คนอื่นๆ
หากถูกพรรคการเมืองตั้งเป้า ลดงบกองทัพ 10% เอามาสร้างธุรกิจคนรุ่นใหม่
ก็คงมีวิธีโต้แย้งชี้แจงต่างกันไป
ชักแม่น้ำทั้งห้าอธิบายงบทหารจำเป็นอย่างไร คงไม่มีใครตอบโต้อย่างแข็งกร้าว
ด้วยการสั่งเปิดเพลง “หนักแผ่นดิน”
แม้แต่ประยุทธ์ สมัยเป็น
ผบ.ทบ.ก็นิ่งกว่านี้ แม้มีอยู่บ้างตอนเลือกตั้ง 54
ที่ปลุกไม่ให้เลือกพรรคฝ่ายตรงข้าม
แต่หลังจากนั้นก็วางตัวสงบเสงี่ยมกระทั่งรัฐบาลตายใจ
ลองสมมติกันเล่นๆ คุณคิดว่า พล.อ.อภิรัชต์
เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารได้ไหม โดยอำนาจ โดยกำลัง
จะทำรัฐประหารเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทำแล้วจะอยู่ได้ไหม จะเป็นที่ยอมรับไหม
แน่ละ โดยเงื่อนไข หลัง 5 ปี คสช.
ทหารคนไหนทำรัฐประหารก็อยู่ไม่ง่าย เพราะประชาชนเบื่อหน่ายเหลือทน
ต่อให้ตู่รัฐประหารตัวเอง แม้ยุคนี้ไม่มีม็อบ
ก็จะโดนแอนตี้บอยคอตต์จนไปไม่รอด
แต่ถ้าเป็น “บิ๊กแดง” ผู้แข็งกร้าว กระทั่งโชว์พาวกับสำนักข่าวต่างประเทศ ลองคิดดูง่ายๆ ว่าจะไหวหรือ
นี่ยังไม่พูดถึงการที่บิดาท่านเคยเป็นประธาน
รสช. “สุไม่เอาให้เต้” คำเดียวเท่านั้น เป็นเรื่อง น่าเห็นใจ
พ่อลูกไม่เกี่ยวกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันติดตัว
ถ้าประเทศนี้จะมีรัฐประหารอีกครั้ง
โอกาสที่จะเป็นไปได้ คือมีผู้นำที่แสดงท่าทีพร้อมปรองดองกับทุกฝ่าย
เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน อ้างไปเหอะ
เอาเข้าจริงจะกำจัดใครก็ใช้ท่าทีนิ่มนวลไว้ก่อน
พูดอย่างนี้ไม่ได้เชียร์รัฐประหาร
แต่วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ว่าท่าทีอย่างนี้คนส่วนใหญ่จะไม่ต่อต้าน
ตรงกันข้าม ถ้าผู้นำ “ขวาพิฆาตซ้าย” ฮึ่มๆ ออกแอคชั่น
มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู นักลงทุนต่างชาติก็อกสั่นขวัญหาย
ไม่เอาแล้วเมืองไทย ไปดีกว่า เพราะแค่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์
ก็ไม่รู้ว่าทำลายความเชื่อมั่นไปเท่าไหร่
เห็นท่าที พล.อ.อภิรัชต์
แล้วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท สมัยท่านเป็น
ผบ.ทบ.นิ่งมาก แม้อยู่ในยุครัฐประหาร ก็ไม่โดนวิจารณ์ส่วนบุคคล
ได้คำชมเสียด้วยซ้ำเพราะพูดตรงไปตรงมา ยอมรับว่า คสช.อยู่นานคนก็เบื่อ
ว่าที่จริง ผบ.ทบ.ในรอบทศวรรษ
รายที่ฉลาดสุดๆ ต้องยกให้ “บิ๊กป๊อก” นั่งเก้าอี้ 3 ปีไม่เคยอยากรัฐประหาร
ไม่เคยพูดล้ำเส้น แข็งกร้าวกับใคร ซื้อทั้ง GT200 เรือเหาะ รถเกราะยูเครน
มีรัฐประหาร 57 ก็กลับมาเป็น มท.1 คุมผู้ว่าฯ ทั้งประเทศ อำนาจมหาศาล
แต่รู้จักบินต่ำ หลบเรดาร์ ถูกครหาน้อยกว่าใครใน 3 ป.
พล.อ.อภิรัชต์พูดถึงยุคคอมมิวนิสต์ ว่างๆ
ก็น่าจะไปศึกษาจากเพื่อนพ่อ “บิ๊กจิ๋ว”
ว่าการเมืองนำการทหารหมายความอย่างไร ท่าทีอย่างท่าน ทำรัฐประหารจริงๆ
ไม่สำเร็จหรอก ไม่จำเป็นต้องบอกว่าไม่ทำ
ที่แข็งกร้าวเรียกคนวิจารณ์ก็เป็นได้แค่
“ล่อเป้า” ให้สังคมวิตก แล้วหวังว่าประยุทธ์จะเอาอยู่
ก็เลยยังหนุนประยุทธ์ไว้ก่อน เท่านั้นเอง
ใบตองแห้ง
14 ส.ค.62
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar