ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ประกาศในที่ประชุม ศบค.ว่าไม่จะรับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อนำเงินไปใช้ประโยชน์สำหรับการแก้สถานการณ์โควิด-19
ศบค. สั่งล็อกดาวน์กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เริ่ม 12 ก.ค. นายกฯ ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน
ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด และยกระดับมาตรการควบคุมโรครวม 10 จังหวัดที่มีการระบาดรุนแรงของโควิด-19 มีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. รวมทั้งมีมติเห็นชอบให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือนไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการแก้สถานการณ์โควิด-19
- โควิด-19 : ล็อกดาวน์รอบใหม่ ? นายกฯ-ศบค. หารือข้อเสนอวันศุกร์ หลังผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 7,000 ตาย 75
- โควิด-19 : ศบค. เคาะฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้บุคลากรการแพทย์ แย้มใช้ไฟเซอร์-แอสตร้าเซนเนก้า
- โควิด-19 : "นิวไฮ" หลายวัน ตัวเลขคนติด-คนตาย บอกอะไรเราเกี่ยวกับการระบาดในไทย
- หนึ่งสัปดาห์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวพอใจแต่บ่นเรื่องค่าตรวจเชื้อแพง สสจ. ยันยังไม่เจอ "เดลตา"
ในการประชุมวันนี้ ศบค. ได้พิจารณามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการะบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุดวันนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ขยับเข้าใกล้หลักหมื่น คือ 9,276 ราย ทำลายสถิติต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 72 ราย ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเป็นอันดับที่ 62 ของโลก
มาตรการที่ ศบค. อนุมัติในวันนี้ครอบคลุมตั้งแต่การจำกัดการเดินทาง การออกนอกเคหสถาน กำหนดเวลาการเปิด-ปิดร้านค้าและเวลาให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะ การทำงานที่บ้าน การปิดสถานที่ ซึ่ง พญ. อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ไม่ได้บอกว่ามีระยะเวลาบังคับใช้นานแค่ไหน แต่ระบุว่ารายละเอียดทั้งหมดจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วที่สุด
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. อธิบายว่าการยกระดับมาตรการควบคุมโรคในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1) จำกัดการเคลื่อนย้านและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุดหรือ "ล็อกดาวน์" 2) กำหนดเวลาการออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว และ 3) เร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาลและการเยียวยา
มาตรการที่อนุมัติวันนี้จะบังคับใช้ในพื้นทีกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้รวม 10 จังหวัดที่ถูกจัดเป็น "พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด" ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส
สำหรับมาตรการที่บังคับใช้ในแต่ละพื้นที่มีดังนี้
มาตรการ 1: จำกัดการเคลื่อนย้ายและดำเนินกิจกรรมของบุคคล
มีผลบังคับใช้: กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ)
- ระบบขนส่งสาธารณะปิดให้บริการ 21.00-03.00 น.
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00-04.00 น.
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคาร สถาบันการเงิน ร้านขายยา ร้านขายอุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดบริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามกินอาหารหรือดื่มสุราในร้าน เปิดบริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ปิดสถานที่เสี่ยงติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
- สวนสาธารณะเปิดได้เวลา 20.00 น.
- ทั้งรัฐและเอกชนทำงานที่บ้านมากที่สุด
- ห้ามการรวมกลุ่มเกิน 5 คนขึ้นไปหากการรวมกลุ่มนั้นไม่ใช่เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบอาชีพ กิจกรรมศาสนาหรือประเพณี
มาตรการ 2: ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น
มีผลบังคับใช้: กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ) และ 4 จังหวัดภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส)
- ห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่ 21.00 น. - 04.00 น. ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น เจ็บป่วย การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณูปโภค
- ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการควบคุมเพื่อจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด ให้มีผลตั้งแต่ 10 ก.ค.
- สถานศึกษาให้จัดการเรียนออนไลน์เท่านั้น
มาตรการ 3: ด้านการแพทย์
มีผลบังคับใช้: กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ)
- เร่งรัดการให้บริการตรวจหาเชื้อ ด้วยการเพิ่มจุดตรวจ เพื่อแยกคนป่วยออกจากชุมชน
- สธ. ปรับแผนการกระจายวัคซีน โดยจะเร่งฉีดผู้สูงวัยที่อายุมากกว่า 60 ปี และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ตั้งเป้าหมายฉีดให้ได้ 1 ล้านโดส ภายใน 2 สัปดาห์
- จัดสรรวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากต่างประเทศ ทั้งไฟเซอร์และแอสตราเซนเนก้าให้กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง ชาวต่างชาติที่อายุเกิน 60 ปีและมีโรคประจำตัว และผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนักเรียน นักศึกษา นักกีฬา นักการทูต
- ให้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์เป็น booster dose ให้บุคลากรทางการแพทย์ให้เร็วที่สุด
- เพิ่มขีดความสามารถการรักษาผู้ป่วยโควิดด้วยการจัดตั้ง รพ.สนาม ไอซียูสนาม การแยกกักในชุมชน (community isolation) และการแยกกักที่บ้าน (home isolation) รวมถึงการให้ฟ้าทะลายโจรสำหรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงที่อยู่ระหว่างแยกกัก
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar