โควิด-19 : “เหมือนทุกคนติดคุกเพื่อรอติดโควิดอะค่ะ” เสียงจากอดีตผู้ต้องขังหญิงที่เสียพ่อในคุกเพราะไวรัส

  • ก้าวหน้า พงศ์พิพัฒน์
  • บีบีซีไทย
ผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางชลบุรี

ที่มาของภาพ, Getty Images

ราวกลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จอย (นามสมมติ) สูญเสียอิสรภาพพร้อมพ่อจากคดีฉ้อโกง เธอกลายเป็นผู้ต้องขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนพ่ออยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่อยู่ใกล้กัน

"พ่อเหรอ พ่อเขาไปต่างจังหวัดแล้ว" คือคำตอบจากแม่ที่มารอรับเมื่อจอยได้รับอิสรภาพช่วงต้นเดือน มิ.ย.

เป็นรูปในกรุ๊ปไลน์ครอบครัวที่ปกติเรามักใช้ส่งรูปดอกไม้กับข้อความประเภท "สวัสดีวันศุกร์ ขอให้สุขกาย สุขใจ" ให้กัน ที่ทำให้เธอรู้ว่าพ่อติดโควิดและเสียชีวิตในเรือนจำกว่าสองสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

"ต่างจังหวัด" ที่ว่าคงหมายถึงสมุทรสาครที่ "ทำพิธีแค่วันเดียวแล้วก็เผาเลย"

"เหมือนทุกคนติดคุกเพื่อรอติดโควิดอะค่ะ" หญิงอายุ 34 ปีผู้นี้บอกกับบีบีซีไทย

เกือบสองเดือนผ่านไปหลัง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่ม "ราษฎร" ออกมาระบุว่าติดเชื้อโควิด และกรมราชทัณฑ์ได้ออกมายอมรับในวันเดียวกันว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อกว่า 2,000 ราย ดูเหมือนสถานการณ์หลังลูกกรงจะสวนทางกับโลกภายนอก จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดจากหลักพันเป็นหลักสิบหรือหลักหน่วยในบางวัน

แต่คำถามที่บางคนยังสงสัยคือ หากมีมาตรการเชิงรุกตรวจเชื้อผู้ต้องขังทั้งหมดกว่า 300,000 คน ผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่อย่างเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมาจะยังมีแค่ 9 รายหรือเปล่า

และพ้นจากพาดหัวของแถลงการณ์โดยกรมราชทัณฑ์ที่บอกว่าหายป่วยแล้วกี่เปอร์เซ็นต์และเตรียมลดสถานะเรือนจำสีแดงเพิ่มกี่แห่ง ย่อหน้าสุดท้ายก็มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเกือบทุกวันโดยถึงวันที่ 1 ก.ค. มี 43 รายแล้ว

นำไปสู่อีกคำถามคือ พ่อของจอยและผู้ตายที่เป็นญาติหรือคนรักของใครสักคนอีก 42 คน อาจยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าหากพวกเขาไม่ต้องอยู่อย่างแออัดและได้รับการดูแลรักษาพยาบาลด้วยมาตรฐานเดียวกับคนข้างนอก

1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล

ภาพภายใน รพ.สนามราชทัณฑ์ ที่ได้รับการเผยแพร่โดยกรมราชทัณฑ์

ที่มาของภาพ, ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์

คำบรรยายภาพ,

ภาพภายใน รพ.สนามราชทัณฑ์ ที่ได้รับการเผยแพร่โดยกรมราชทัณฑ์

ไม่นานหลังมีรายงานผู้ต้องขังติดเชื้อนับพัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมราชทัณฑ์ ออกมาแถลงนโยบายเพื่อพยายามลดความแออัดในเรือนจำ โดยบอกว่าได้ปรับจนผู้ต้องขังแต่ละคนมี "พื้นที่ 1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล" แล้ว สวนทางกับคำบอกเล่าของอดีตผู้ต้องขังหลายคนอย่างสิ้นเชิง

จอยเล่าว่าห้องขังเธอมีคนราว 150-170 คน นอนเรียงกันห้าแถว นอนตะแคงได้อย่างเดียว ก่อนกรมราชทัณฑ์จะออกมาเปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อนับพันวันที่ 12 พ.ค. เธอเล่าว่ามีการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. โดยผู้ต้องขังต้อง "อยู่กันแบบปลาทูเข่ง" ในห้องตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นที่ได้ออกไปอาบน้ำ 15 นาทีที่ได้อาบจริง ๆ 15 วินาที

ในช่วงที่กรมราชทัณฑ์เร่งตรวจเชื้อ และ "แยกผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงออกจากผู้ต้องขังรายอื่น" จอยเล่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือการนำผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิดออกไปแต่ก็เอาผู้ต้องขังคนอื่นที่อาจจะมีอาการหรือกำลังรอผลตรวจอยู่เติมในห้องจนแออัดเท่าเดิม ทำให้มีคนติดเชื้อเพิ่มทุกครั้งที่มีการตรวจ

คำบอกเล่าของทนายความ ญาติผู้ต้องขัง และอดีตผู้ต้องขังอีกหลายคนก็ไปในทิศทางเดียวกัน เอนก (นามสมมติ) บอกว่าลูกชายเขาติดโควิดเมื่อต้นเดือน พ.ค. แต่หลังถูกส่งไปรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ถึง 14 วันก็ถูกส่งตัวกลับสู่ความแออัดที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

อย่างกรณีของ ศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี หรือ "เฮียซ้ง" ผู้ต้องหาคดีล้อมรถคุมตัวนักกิจกรรม ที่ตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขณะถูกปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อนผู้ต้องขังเขาเล่าว่าอาการไม่ดีอยู่หลายวันแต่เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ ให้เพียงยาพาราเซตามอลมากิน ลูกชายของเฮียซ้งบรรยายสภาพสถานพยาบาลราชทัณฑ์ที่เขาเห็นเมื่อ 13 พ.ค. ไว้ว่า "ไม่มีการกั้นพื้นที่ ไม่มีเตียง เหมือนคนไปเข้าค่าย มีผ้าผืนหนึ่งให้ปูนอนกับพื้น"

ศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี

ที่มาของภาพ, Facebook/สายใย แห่งรัก

คำบรรยายภาพ,

ทนายและครอบครัวยื่นขอประกันตัว ศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี 5 ครั้งก่อนได้รับการปล่อยชั่วคราว และต้องเข้าไอซียู 2 ครั้งหลังเป็นผู้ป่วยโควิด

มีนา (นามสมมติ) หญิงอายุ 24 ปีที่พ่อแม่เป็นผู้ต้องขังจากคดียาเสพติดทั้งคู่บอกว่าไม่ได้หายห่วงเลยแม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าทั้งสองหายจากโควิดแล้ว

"...นักโทษเขาไปไหนไม่ได้ ข้างนอกก็ติด[โควิด]กัน ๆ แล้วข้างในอะพี่ นอนก็เบียดกัน อาบน้ำก็พร้อมกัน กินข้าวก็นั่งเป็นแถบ ๆ" ลูกสาวคนเดียวผู้นี้กล่าวกับบีบีซีไทย "เขาบอกอาการหนักถึงจะแจ้งญาติ พี่ ถ้าอาการหนักเงี่ย รอตายเหรอ ถึงจะแจ้งญาติได้ เราอยากรู้ว่ากินยาตัวไหน ฉีดยาอะไร ข้างนอกกินยายังไม่หาย ข้างในกินยาจะหายเหรอ เราก็เป็นห่วงไงพี่ เราไม่รู้อะไรเลย"

จอยเล่าอีกว่า มีครั้งหนึ่งที่ห้องข้าง ๆ กันมีผู้ต้องขังติดเชื้อถึงเกือบ 80 คน ทำให้ผู้ต้องขังในนั้นถูกล็อกดาวน์ตลอดเวลา ทำให้คนที่เหลือและที่ถูกเติมเข้ามาใหม่ไม่สามารถออกไปไหนได้ มีห้องส้วมแค่สามห้องสำหรับขับถ่าย อาบน้ำ และซักผ้า

หญิงวัย 34 ปีผู้นี้บอกว่าสถานการณ์โควิดทำให้เหมือน "ติดคุกในคุกอีกทีนึง" และระหว่างที่เธอ "เครียดมากแบบบางทีเห็นน้ำยาล้างพื้นในห้องน้ำก็คิดอยู่ว่า ให้มันจบ ๆ ไปเลยดีไหม" เธอไม่รู้เลยว่าพ่อเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.

"เขาจะโทรมาบอกตอนอาการเริ่มจะหนักแล้วอะค่ะ ตอนนั้นน้องสาวก็อยากจะเอาพ่อออกเผื่อจะไปรักษาได้ [แต่]คดีมันโดนตัดสินมาเยอะ ศาลอุทธรณ์เขาก็ไม่ให้เราประกันสักที ทุกอย่างมันยากไปหมด สุดท้ายพ่อก็เลยเสีย... มันแย่มาก" จอยเล่าเสริมว่าพ่อถูกส่งไปโรงพยาบาลนอกเรือนจำตอนที่อาการสาหัสแล้วและก็เสียชีวิตที่นั่น

อย่างไรก็ดี บีบีซีไทยก็ได้ยินคำบอกเล่าในเชิงบวกจากเรือนจำในต่างจังหวัดด้วย อย่างอดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติดคนหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากเรือนจำที่กำแพงเพชรเมื่อปลาย พ.ค. เขาบอกว่าแม้ห้องขังจะมีคนนอนแออัดกันถึง 180-190 คน แต่เจ้าหน้าที่ก็มีมาตรการควบคุมโรคอย่างดี และคอยให้ข้อมูลถึงสถานการณ์โควิดภายนอกให้คลายกังวลเรื่องญาติที่อยู่ข้างนอกไปได้ อดีตผู้ต้องขังอีกคนที่เพิ่งออกจากเรือนจำที่มหาสารคามบอกว่าเรือนจำมีมาตรการดีพอสมควร และห้องขังก็ไม่ได้แออัด มีผู้ต้องขังแค่ราว 30 คนต่อห้อง

บีบีซีไทยอีเมลสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ว่าสภาพความเป็นอยู่และการดูแลรักษาผู้ต้องขังเป็นตามที่อดีตผู้ต้องขังบางคนบอกเล่าหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

จอยได้รับอิสรภาพต้นเดือน มิ.ย. หลังครอบครัวเป็นห่วงและเร่งไกล่เกลี่ยคดีกับโจทก์ทั้ง ๆ ที่อยากสู้ต่อ หากสิ่งจอยพูดเป็นความจริง และหากเรือนจำที่ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกต่อเติมขยายอาณาเขตชั่วข้ามคืน ขณะที่คุณกำลังอ่านบทความชิ้นนี้อยู่ อาจมีนักโทษบางส่วนที่กำลังถูกกักขังอยู่ในห้องคับแคบเกือบตลอดวัน

กรมราชทัณฑ์

ที่มาของภาพ, ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์

คำบรรยายภาพ,

ก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ออกมาระบุว่า จะดำเนินการลดความแออัด ให้ผู้ต้องขังใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งกรมได้รับความกรุณาเป็นอย่างดีจากสำนักงานศาลยุติธรรม

"เกินความเป็นมนุษย์"

จากที่ได้ทำงานวิจัยเรื่องเรือนจำมาอย่างยาวนาน รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล จากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ต่อให้ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดเลยสักคนเดียว เรือนจำหลายแห่งที่ได้เข้าไปเห็นสภาพมีความแออัดเกินเหตุ "เกินความเป็นมนุษย์ คือมนุษย์ไม่ควรจะถูกมาลงโทษโดยวิธีแบบนี้"

แต่อาจเป็นการด่วนสรุปอย่างตื้นเขินเกินไปหากเราจะบอกว่า เพราะวิกฤตนี้เกิดในเรือนจำ ดังนั้นกรมราชทัณฑ์ต้องเป็นฝ่ายผิด

รศ.ดร.กฤตยา บอกว่าจริง ๆ แล้วกรมราชทัณฑ์น่าสงสาร เพราะเป็น "กรมปลายน้ำ ...ใครมาใส่ยัดอะไรมาก็ปฏิเสธไม่ได้ ราชทัณฑ์ต้องรับหมด" และ "ทำได้ตามเท่าที่กำลังคนและสตางค์ที่รัฐบาลให้มา"

จากเรือนจำทั้งหมด 142 แห่งทั่วประเทศ เธอบอกว่าอาจมีถึง 70% ที่เป็นเรือนจำเก่าที่ทำขึ้นเพื่อเตรียมรับผู้ต้องขังราว 75,000 ไปจนถึง 100,000 ราย

"ถ้าเอาความจุที่ราชทัณฑ์เขาตั้งมาตรฐานขึ้นมาเอง ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานสากลคือ 2.25 ตารางเมตร มันจะจุได้ประมาณแสนคน แต่ตอนนี้เรามีสามแสนแล้ว บางครั้งขึ้นไปเกือบสี่แสน"

ภาพนักโทษนอนเบียดเสียดกันในเรือนจำเมืองเกซอน ชานกรุงมะนิลา เมื่อช่วงต้นปี 2020

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

สภาพในเรือนจำเมืองเกซอน ชานกรุงมะนิลา ซึ่ง รศ.ดร.กฤตยา บอกว่าเรือนจำหลายแห่งในไทยแย่กว่า

งานวิจัยเรื่อง ก้าวแรกของปฐมภูมิในเรือนจำกับชีวิตต้องขังที่กำหนดสุขภาพ ที่ รศ.ดร.กฤตยา ทำร่วมกับ กุลภา วจนสาระ ซึ่งเพิ่งตีพิมพ์เมื่อเดือน มี.ค. เป็นเหมือนลางบอกเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่เดือนต่อมา จากการเก็บข้อมูลในเรือนจำ 15 แห่งระหว่างปี 2560-2562 ขณะที่เรายังไม่รู้จักโควิด โรคติดเชื้อทางเดินหายใจก็เป็นอาการที่ผู้ต้องขังเป็นมากที่สุดอันดับหนึ่งอยู่แล้ว

รศ.ดร.กฤตยา บอกว่าผู้ติดเชื้อเพียงคนเดียวจะทำให้ทั้งห้องขังนั้นเป็น "รังโรค" ได้ง่าย ๆ โดยยกตัวอย่างเรื่องพื้นฐานที่เรือนจำหลายแห่งยังมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นขาดแคลนน้ำ หรือแค่แก้วน้ำในเรือนนอนที่ต้องใช้ร่วมกัน ข้อมูลของนักวิชาการผู้นี้ไปในทางเดียวกันกับประสบการณ์ตรงของอดีตผู้ต้องขังอย่างจอย เธอเล่าว่านั่งกินข้าวติดกันเป็นแพ ส่วนช้อนกินข้าวต้องล้างน้ำเปล่าหรือใช้ทิชชู่เช็ดเอา เธอบอกว่าผู้ต้องขังไม่สามารถซื้อหน้ากากอนามัยเพิ่มได้เพราะร้านค้าปิด "เท่ากับว่าแมสก์อันนึงก็ใช้วนไป"

ผู้เสียชีวิต

ขณะนี้เรือนจำทั่วประเทศมีผู้ป่วยสะสมกว่า 36,000 ราย กรมราชทัณฑ์แถลงว่ามีผู้ต้องขังที่ "รักษาหายแล้ว" กว่า 90% หรือกว่า 33,000 ราย โดยที่อยู่ระหว่างการรักษามีราว 2,500 ราย

แถลงของกรมราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ระบุว่า มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาด 125 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาด 9 แห่ง โดยนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกว่า นับเป็นวันแรกที่ยอดผู้ติดเชื้อระหว่างการรักษาของพื้นที่กรุงเทพฯ ลดต่ำลงกว่า 2,000 ราย โดยคาดว่าจะมีผู้ป่วยที่หายเพิ่มอีกกว่า 1,000 รายในช่วงต้นเดือนนี้

กรมราชทัณฑ์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของผู้เสียชีวิตครบทั้ง 43 ราย แต่เท่าที่รวบรวมข้อมูลได้ บีบีซีไทยพบว่า ผู้ตายจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว อาทิ ผู้เสียชีวิตรายที่ 13 จากเรือนจำกลางคลองเปรมที่อายุ 84 ปี และเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว, ผู้เสียชีวิตรายที่ 14 ซึ่งอายุ 66 ปี เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไตวายระยะสุดท้าย หรือพ่อของจอยซึ่งอายุเกือบ 70 ปี เคยผ่าตัดหัวใจ เป็นโรคเก๊าท์และความดันโลหิตสูง

รพ. ราชทัณฑ์

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

การเป็นผู้สูงอายุและเป็นโรคร้ายแรงล้วนอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้

ข้อมูลบนเว็บไซต์กรมราชทัณฑ์ระบุว่า มีผู้ต้องขังได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว 26,017 ราย และเมื่อเดือน ม.ค. 28,705 ราย ซึ่งน่าจะเป็นจากในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงรัชกาลที่ 10 วันที่ 28 ก.ค. และวันพ่อแห่งชาติวันที่ 5 ธ.ค. ตามลำดับ มาในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับอภัยโทษรวมทั้งหมด 87 คน ทำให้อาจคาดเดาได้ว่ากระบวนการการขออภัยโทษน่าจะเกิดขึ้นไล่เลี่ยกรอบเวลาเดิม ไม่ได้ขึ้นกับสถานการณ์การระบาดใหญ่ในเรือนจำโดยตรง

รศ.ดร.กฤตยา บอกว่าทั้งการอภัยโทษและการพักโทษเป็นสิ่งที่มีมาก่อนอยู่แล้ว

จากข้อมูลบนเว็บไซต์กรมราชทัณฑ์ แม้จำนวนผู้ได้รับการพักโทษในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ที่ผ่านมา (รวม 8,950 ราย) จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาก (รวม 3,566 ราย) แต่ก็ไม่ได้สูงจนชี้ได้ว่าเป็นการตอบรับกับสถานการณ์โควิดในเรือนจำอย่างทันทีทันใด และตัวเลขเดือนที่ผ่าน ๆ มาเช่น ก.พ. ก็สูงกว่ามากที่เกือบ 9,000 ราย

อย่างไรก็ดี ชลธิช ชื่นอุระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมข้อกำหนดกรุงเทพและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) บอกว่า แม้จะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในเชิงตัวเลข แต่ก็สามารถเห็นความเคลื่อนไหวในเชิงนโยบายแล้ว

เธอบอกว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด กรมราชทัณฑ์ได้เพิ่มการพิจารณาเลื่อนชั้นผู้ต้องขัง (ทำให้เข้าเกณฑ์ได้พักโทษ) จากปีละ 2 ครั้งเป็น 3 ครั้ง นอกจากนี้ ชลธิชบอกอีกว่า การพักโทษกรณีพิเศษเพื่อรับกับสถานการณ์โควิดอยู่ในขั้นการกำหนดเงื่อนไขและวางกรอบบังคับใช้โดยกระทรวงยุติธรรม

REUTERS

ที่มาของภาพ, Reuters

"ผู้ต้องขังระหว่าง"

แม้ในมุมหนึ่ง จอยเข้าใจดีว่าเธอและพ่อมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการประกันตัวเพราะคดีมีโทษหลายปี แต่ก็ยกตัวอย่างเรื่องของผู้หญิงสูงวัยที่นอนข้างกันซึ่งเข้าเรือนจำไปพร้อมเธอด้วยข้อหาลักขโมยของคิดเป็นมูลค่า 130 บาท ที่ขอประกันตัวไม่สำเร็จ

เธอและเพื่อนร่วมห้องจัดอยู่ในกลุ่มของ "ผู้ต้องขังระหว่าง" (หมายถึงอยู่ระหว่าง สอบสวน, ไต่สวน-พิจารณา และอุทธรณ์-ฎีกา) ที่ตอนนี้มีเกือบ 60,000 คน หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของผู้ต้องขังทั้งหมด เป็นผู้ที่ตามรัฐธรรมนูญแล้วต้องถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

"การโดนหักสิทธิ์มันก็ขัดรัฐธรรมนูญอะ" จอยกล่าว "จริง ๆ ตามกฎหมายเขาไม่มีสิทธิมาปฏิบัติกับเราแบบนั้น แล้วก็คงอ้างโควิด มันก็ไม่ค่อยแฟร์ที่เราต้องโดนขังคุกในคุกอีกที"

เรือนจำ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ย้อนไปเมื่อกลางเดือน พ.ค. สำนักงานศาลยุติธรรมออกหนังสือเวียนให้ศาลพิจารณาให้ผู้ต้องหาและจำเลยมีโอกาสได้ประกันตัวมากขึ้น รวมถึงให้ผู้ต้องขังสามารถยื่นคำร้องได้เองจากเรือนจำเลยซึ่งเป็นสิ่งที่เพื่อนสูงวัยของจอยพยายามทำ อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ต้องขังระหว่างที่สำรวจเมื่อต้น มิ.ย. ก็ยังมีราว 60,000 คนเท่ากับที่สำรวจเมื่อต้นเดือน พ.ค. ก่อนจะมีหนังสือเวียน และก็เท่ากับในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

แต่สาเหตุหลักของความแออัดซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นตรงกันและพยายามผลักดันกันมายาวนานคือผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่ปัจจุบันมีกว่า 220,000 ราย หรือกว่า 80% ของผู้ต้องขังทั้งหมด ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมบอกว่า ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ จะช่วยปรับลดโทษและลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 ราย

ที่ประชุมร่วมรัฐสภาอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่..) พ.ศ.... โดยร่างกฎหมายฉบับแรก ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาเป็นรายมาตรา (วาระ 2) แล้วเมื่อ 22 มิ.ย. ขณะที่ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ยังคาการพิจารณาอยู่ โดย รมว.ยุติธรรมคาดการณ์ว่าการพิจารณาจะเสร็จสิ้นภายใน 4 สัปดาห์

อย่างไรก็ดี รศ.ดร.กฤตยา มองว่านโยบายสร้างทางเบี่ยงให้คนออกมาเรือนจำควรทำได้มากกว่านั้น โดยยกตัวอย่างก่อนปี 2535 ที่มีผู้ต้องขังแค่ 70,000 กว่าราย นักวิชาการผู้นี้บอกว่าผู้ต้องขังคดียาเสพติดควรเป็นแค่ 10% ที่เป็นผู้ค้ารายใหญ่ และปล่อยผู้ค้ารายย่อยและคนเสพตามแนวทางของประเทศในแถบยุโรป

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบ 311 ล้านบาทให้กรมราชทัณฑ์แก้ปัญหาโควิดในเรือนจำ อาทิ ค่าชุดตรวจเชื้อโควิด, ค่าสร้างโรงพยาบาลสนาม, ค่าก่อสร้างและปรับปรุงห้องกักโรค และค่าวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นเพื่อการขยับขยายพื้นที่เรือนนอนของผู้ต้องขังเพื่อลดความแออัดอย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้อง

ภาพเรือนจำนราธิวาสจากเมื่อปี 2017

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

ภาพเรือนจำนราธิวาสจากเมื่อปี 2017

วัคซีน

เมื่อ 3 มิ.ย. กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ เริ่ม "คิกออฟ" ฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ 6,515 คน โดยเป็นวัคซีนซิโนแวค และเมื่อถึงกลางเดือน มิ.ย. มีการฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังไปแล้วกว่า 51,000 โดส ในเรือนจำ 42 แห่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นยี่ห้อใด

บีบีซีไทยสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ถึงความคืบหน้าและยี่ห้อวัคซีนที่ใช้แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

จากข้อมูลประชาสัมพันธ์และคำบอกเล่าของอดีตผู้ต้องขัง บีบีซีไทยเข้าใจว่าเป็นการใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นหลัก ยกเว้นเรือนจำกลางชลบุรีที่ได้พระราชทานวัคซีนซิโนฟาร์ม 6,400 โดสเมื่อไม่นานมานี้จากศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

ผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางชลบุรี

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

ผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางชลบุรีรับวัคซีนซิโนฟาร์มเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.

แม้จอยเองได้รับฉีดวัคซีนซิโนแวค 1 โดสก่อนการปล่อยตัว เธอไม่ได้มองว่าสถานการณ์ในเรือนจำน่ากังวลน้อยลงไปเลย

"มันไม่มีทางทำตัวเลข[ผู้ติดเชื้อ]ให้เป็นศูนย์ได้ ...ขณะที่เรือนจำมันก็แออัดเหมือนเดิม เดี๋ยวมันก็วนกลับมาติดใหม่ ตอนนี้มันแค่สายพันธุ์อังกฤษใช่ไหม แต่อีกสักพักมั่นใจเลยว่าสายพันธุ์อินเดียมันก็จะเข้ามา แล้วมันก็จะวนแบบนี้ใหม่"

เมื่อพูดถึงวัคซีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งซิโนแวค ผู้ต้องขังเองก็อาจเริ่มตั้งคำถามเหมือนกับประชาชนทั่วไปหลังมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์อินโดนีเซียจำนวนมากติดโควิดแม้รับวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขก็เพิ่งบอกว่าภายในสามเดือนนี้ การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาอาจแซงสายพันธุ์อัลฟาในที่สุด ท่ามกลางความกังวลว่าวัคซีนซิโนแวคจะรับมือกับโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวได้ดีแค่ไหน