จีนเฉลิมฉลอง 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์อย่างยิ่งใหญ่ ชูธงแดงไสวปลุกชาตินิยม จะก้าวไปเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่ง ปลุกความเชื่อว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเหนือล้ำฝรั่งตะวันตก ด้วยความเข้มแข็งของการปกครองระบอบพรรคเดียว
แต่จีนไม่ยักรู้ตัวว่า ชาวโลกเกลียดจีน คงชื่นชมกันเองอยู่ในโลก Weibo ที่มี IO 20 ล้านคน เหมือนจีนมองไทย คงเห็นแต่ภาพ ททท.ปรบมือต้อนรับทัวร์ ไม่รู้ว่าวันนี้คนไทยล่าชื่อไล่ Sinovac พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการจัดซื้อวัคซีนกันแล้ว
โลกเกลียดจีน ไม่ได้หมายความถึงมหาอำนาจ แบบโจ ไบเดน ผนึก G7 กลุ่ม QUAD วางหมากล้อมจีน แต่หมายถึงประชาชนแบบ “พันธมิตรชานม” ที่หัวเราะครื้นเครงเมื่อญี่ปุ่นบริจาควัคซีนให้ไต้หวัน แล้วจีนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
โลกเกลียดจีนคือความรู้สึกสะใจเมื่อเห็นคนฮังการีเดินขบวน ไล่มหาวิทยาลัยจีน ที่จะไปตั้งวิทยาเขตภายใต้ความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล “ฝ่ายขวา”
โลกเกลียดจีนคืออารมณ์ร่วมของคนรักเสรีภาพโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่โกรธแค้นการใช้กฎหมายความมั่นคงจับกุมคุมขังม็อบฮ่องกงเรียกร้องประชาธิปไตย จับผู้บริหารแอปเปิ้ล เดลี ยึดทรัพย์ จนต้องปิดตัวเอง คนเป็นล้านเข้าคิวซื้อฉบับสุดท้าย
จีนยุคสี จิ้นผิง ดำเนินนโยบายก้าวร้าวทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่แยแสความรู้สึกคนในโลกสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน กระแสต้านจีนจึงไม่ได้มีแต่เรื่องผลประโยชน์ สงครามการค้า หรือชาตินิยม เช่นการอ้างอาณาเขตในทะเลจีนใต้ แต่กระแสประชาธิปไตยทั้งโลกก็เป็นปรปักษ์กับจีนด้วย
ในมุมหนึ่ง จีนอาจเรียกร้องความเห็นใจว่าโดนมหาอำนาจตะวันตกรวมหัวบีบคั้นกีดกัน (รวมญี่ปุ่นอินเดียด้วยนะ) แต่อีกมุมหนึ่ง พอเห็นจีนทำกับฮ่องกง พอเห็นจีนเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ที่โลกตะวันตกประณาม เพราะเป็นเผด็จการ อำนาจนิยม ฉ้อฉล ปราบประชาชน ฯลฯ คนที่รักความเป็นธรรมก็เห็นใจจีนไม่ลง
ตลกร้าย สมัยอดีตอเมริกาส่งออกรัฐประหาร ประชาชนที่ถูกปราบปรามก็ได้จีนสนับสนุน ผ่านพรรคคอมมิวนิสต์หรือขบวนแนวคิดสังคมนิยม แต่วันนี้ นักศึกษาพม่าเข้าป่าจับปืนกับชนกลุ่มน้อย จีนกลับหนุนทหารพม่าเข่นฆ่าประชาชน เพียงเพื่อหาพวกต่อต้านอเมริกา
ความช่วยเหลือที่จีนให้กับประเทศต่าง ๆ ก็ยังถูกมองว่าเอาเปรียบ เช่นศรีลังกาติดกับดักหนี้ “จีนจะสร้างรถไฟความเร็วสูงให้เราฟรีไม่ใช่หรือ” แล้วเป็นไง ดอกเบี้ยแพงลิบแถมเรือดำน้ำ
100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน บางคนมองว่าปรับตัวเก่ง รักษาอำนาจได้ ความจริงคือพินาศฉิบหายมาหลายครั้ง ต่อสู้กันรุนแรง กว่าจะกลับสู่แนวทางที่ถูกต้อง เช่นยุคเหมา เร่งเร้าไปสู่นารวม-วิสาหกิจของรัฐ เศรษฐกิจพังพินาศ คนอดตาย ปฏิวัติวัฒนธรรมจับสหายร่วมรบเข่นฆ่า คุมขังเรดการ์ด ถือคติพจน์ไล่ล่าคนเห็นต่าง
จนเหมาตาย เติ้งเสี่ยวผิงกลับมาปลดปล่อยพลังทางเศรษฐกิจ นำแมวสีดำสีขาวกลับมาอยู่ร่วมกัน แต่ขั้วอำนาจก็สลับเป็นพัก ๆ อย่างที่อาร์ม ตั้งนิรันดร์ เรียกว่าฝ่ายก้าวหน้า Vs ฝ่ายอนุรักษ์นิยม เช่น ยุคจ้าวจื่อหยางก้าวหน้า แต่พอเกิดเทียนอันเหมิน ฝ่ายอนุรักษ์ก็กลับมา ยุคหูจินเทามีแนวโน้มเสรีนิยม แต่ยุคสี จิ้นผิง กลับมาอำนาจนิยม ซ้ำยังต่ออายุตัวเองอยู่ได้เกิน 10 ปี
พรรคคอมมิวนิสต์มีจุดแข็งที่ความมีประสิทธิภาพ มีวิธีคิดเป็นระบบ ความคิดวิทยาศาสตร์ (ไม่มัวมานั่งบนบานศาลกล่าว) พัฒนาเทคโนโลยี สร้างรัฐบริการ (ไม่ใช่รัฐขุนนาง รัฐเป็นเจ้านาย แบบราชการไทย) แต่ความเป็น “ประชาธิปไตยรวมศูนย์” เมื่อไหร่ที่ฝ่ายนำเป็นอำนาจนิยมเบ็ดเสร็จ ก็พากันลงเหวโดยไม่มีอะไรมาถ่วงคาน
ยุคสี จิ้นผิง จึงเป็นหัวเลี้ยวอันตรายอีกครั้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และของโลกด้วย
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/column/457279
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar