fredag 1 april 2022

ใบตองแห้ง: ผู้นำตัวตลก, การเมืองหัวแตก?

2022-03-29 21:45

ฝ่ายขวาไทยหยามประธานาธิบดียูเครนมาจากตัวตลก ทั้งที่เขาเป็นวีรบุรุษของชาติ เป็นวีรบุรุษของชาวโลกด้วยซ้ำ จากตัวตลกเป็นผู้บัญชาการรบต่อสู้ผู้รุกราน ได้ใจประชาชนได้ใจทหารทั้งกองทัพ ไม่ยักเหมือนบางประเทศ ผู้บังคับบัญชาทหารเป็นผู้นำแล้วกลายเป็นตัวตลก

เซเลนสกี้ใส่เสื้อยืดติดตรากองทัพยูเครน สลิ่มไทยก็เชื่อเฟกนิวส์ว่าเป็นสัญลักษณ์นาซี เซเลนสกี้ไลฟ์สดไปพูดกับรัฐสภาแคนาดา ทีวีขึ้นภาพ Live from Canada สลิ่มไทยก็หาว่าหนีไปแคนาดาแล้ว

เขามาจากตัวตลกแต่ไม่หนีการต่อสู้ ขณะที่ใครไม่รู้ รุ่นพี่แฉว่าไปช่วยออกมาจากวงล้อม “พี่ๆ ผมลืมลูกน้องบาดเจ็บไว้ในบังเกอร์สองคน” ก็ทำเฉย ไม่ยักแก้ต่างว่ารุ่นพี่พูดไม่จริง

ว่าที่จริง นักแสดงตลกไม่โง่นะ ไอสัส ตลกต้องสมองไว เล่นมุขให้เข้าจังหวะสถานการณ์ ยิ่งตลกฝรั่งเดี่ยวไมโครโฟน ยิ่งต้องฉลาดปราดเปรื่อง ล้อทุกเรื่อง ทั้งสังคม การเมือง ศาสนา วัฒนธรรม นักแสดงตลกจึงทำให้คนดูขำด้วยความฉลาด ไม่เหมือนผู้นำตัวตลก ที่ทำให้ประชาชนขำกลิ้ง ด้วยความโง่ เปิ่น เชย ตกยุค ล้าหลัง

ซึ่งทั้งขำและเจ็บปวดว่าเวรกรรมอะไร ทำให้ได้ผู้นำโง่ปานนี้ โง่แล้วยังขี้น้อยใจ “ทำอะไรก็หาว่าโง่”
คงไม่เคยฟังวรรคทองลินคอล์น “อยู่เฉยๆ เงียบๆ ปล่อยให้คนอื่นสงสัยว่าเราโง่ ก็ยังดีกว่าการอ้าปากพูดออกไปแล้วทำให้คนอื่นหายสงสัย”

ผู้นำตัวตลกมักมาจากระบอบเผด็จการ เพราะในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีใครเลือกผู้นำโง่ แม้บางครั้งผู้นำไม่โดดเด่น ประชาชนก็เชื่อพรรคเชื่อนโยบาย ไม่เหมือนระบอบเผด็จการ “รับผิดชอบแต่ผู้เดียว” ประชาชนไม่ได้เลือก หรือถ้ามาเป็นทีม 3 คน ก็ล้วนเป็นตัวแทนกองทัพ ตัวแทนรัฐราชการ ตัวแทนอำนาจล้าหลังที่สุดในสังคม

พูดตามตรง ผู้นำเผด็จการไม่ใช่โง่เสมอไป บ้างเคยฉลาด แต่อยู่นานๆ แล้วหลงตัวเองไม่ฟังใคร (แบบปูติน) แต่บางรายก็หลงตัวเองตั้งแต่สมัยเป็นทหาร ไม่มีความรู้ความสามารถยังพูดพล่าม พูดคนเดียวออกทีวีแล้วคิดว่าคืนความสุข พูดเรื่อยเปื่อยยังอยากให้ประชาชนเคารพเชื่อฟัง อยากเป็นพ่อปกครองลูก เป็นลุงสั่งสอนหลาน เป็นครูใหญ่ดุด่านักเรียนหน้าเสาธง ทั้งที่เคยแต่ฝึกไอ้เณร ถ้าไม่ทำตามก็สั่งวิดพื้น พอมาเจอประชาชนไม่เชื่อไม่ฟัง ก็เกรี้ยวกราด

ผู้นำต้องคิดการใหญ่ ปัดโธ่ สี่จิ้นผิงฝันไกล One Belt One Road แต่บางคนยังภูมิใจแค่ลอกคลอง ค่าไฟแพง สอนชาวบ้านประหยัดไฟ ล้างแอร์ เปิดแอร์พร้อมพัดลม น้ำท่วมให้ทำประมง น้ำมันแพงให้ใช้รถส่วนตัวน้อยลง ข้าวขายไม่ออกให้ปลูกหมามุ่ย ฯลฯ นี่หรือนโยบายแก้ปัญหาประชาชน

ปราบอาชญากรรมไม่ได้ก็แต่งเพลง พายุเข้า โรคระบาด ก็สวดมนต์ ทำไมไม่รำแก้บนเสียเลย แจกแผ่นซีดี? จะเอาไปห้อยก้นช้างหรือไง

อันที่จริงถ้าผู้นำเป็นคนตลกสนุกสนานสร้างความเป็นกันเองกับประชาชน ก็เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป แต่ถ้าตั้งใจเป็นจริงเป็นจังแล้วประชาชนกลับขำ แปลว่าชาวบ้านเย้ยหยัน ไม่มีบารมีไม่มีศักดิ์ศรีมีแต่อำนาจดิบๆ ออกคำสั่งลงโทษคนไม่เชื่อฟัง

การที่ผู้นำเป็นตัวตลก มองอีกมุมหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัว แต่เป็นตัวแทนอำนาจ ตัวแทนระบอบ ตัวแทนความคิดอนุรักษนิยมล้าหลัง ซึ่งพยายามเหนี่ยวรั้งสังคม แต่ไม่มีปัญญาเหนี่ยวรั้งได้ คิดอย่างไรพูดอย่างไรตลกไปหมด

ในเชิงระบอบก็เป็นตลกย้อนแย้งโดยเนื้อหา เผด็จการอำพรางแปลงร่างเป็นอำนาจนิยม อ้างกฎหมาย ทั้งที่พวกตนเขียนกฎหมายเอง อ้างเลือกตั้ง ทั้งที่กำหนดกติกาเอง ตั้งองค์กรมาแจกใบเหลืองใบแดง คิดสูตรคำนวณเอง ตั้งพวกตัวเองมาโหวตตัวเอง

ระบบกฎหมายจึงกลายเป็นเรื่องตลก ระบอบการปกครองจึงกลายเป็นหัวมงกุฎท้ายมังกือ ไม่มีใครเชื่อถือเชื่อมั่น อำนาจศรัทธาอำนาจศีลธรรมก็ล้มละลาย กลายเป็นถูกล้อเลียนหยามหยัน ใช้อำนาจปราบอย่างไรก็ปราบไม่ลง โลกออนไลน์กระจายเหมือนไฟลามทุ่ง

มันเป็นระบอบที่พอคนรู้ทันก็ตันไปหมด ไม่สามารถหาใครแทนตัวตลก ไม่สามารถปกปิดเบื้องหลัง รอวันพังไปต่อหน้าต่อตา เพียงยื้อเวลาได้เพราะสังคมอับจน ไม่เห็นทางออก ประชาชนก็ไม่สามารถแตกหัก

แต่ถึงจุดหนึ่งก็เลี่ยงไม่พ้นที่ตัวตลกจะพาย่อยยับ ถึงตอนนั้นตลกไม่ออกกันหมด

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/politics/news_6960745

 

“ครอบครัวเพื่อไทย” ชูอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียง ประธาน ส.ส.อีสานเชื่อมั่นจะกวาด ส.ส.เขต 250 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 30 คน

เป็นธรรมดาที่พรรคการเมืองจะต้องประโคมโหมโรง แต่ทำได้จริงไหมเป็นอีกเรื่อง เอาเข้าจริงอาจได้น้อยกว่านั้น เพราะเงื่อนไขเปลี่ยนไปหลายด้าน

เลือกตั้ง 54 เพื่อไทยได้ 15.7 ล้านเสียง (ไม่ใช่ 14 ล้าน) เลือกตั้ง 62 ได้ 7.8 ล้าน พรรคอนาคตใหม่ 6.3 ล้าน พรรคเสรีรวมไทย ประชาชาติ เพื่อชาติ รวมกัน 1.7 ล้าน แต่จะบอกว่า 8 ล้านเสียงที่เลือกพรรคอื่นมาจากคนเคยเลือกเพื่อไทยทั้งหมด ก็ไม่น่าใช่ แม้อนุมานได้ว่าคะแนนอนาคตใหม่กึ่งหนึ่งมาจากไทยรักษาชาติถูกยุบ แต่บางเขตอนาคตใหม่ก็ชนะเพื่อไทย เพราะได้เสียงคนรุ่นใหม่และคนชั้นกลางในเมือง “กลับใจ” ไม่เอาประยุทธ์

งั้นคะแนนเพื่อไทยหายไปไหน ก็ไปกับตัวบุคคลที่ย้ายไปพลังประชารัฐ เช่นกำแพงเพชรยกจังหวัด เพชรบูรณ์ ธรรมนัส ฯลฯ แม้อีสานส่วนใหญ่ยังเหนียวแน่น

เลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยกับก้าวไกลจะยิ่งแยกฐานเสียงชัดเจน แถมมีพรรคไทยสร้างไทย ที่เพิ่งภาคภูมิใจ 30 ปีสุดารัตน์ ประกาศส่งผู้ว่า กทม.แข่งชัชชาติ-วิโรจน์ ส.ส.เพื่อไทยบางคนก็แย้มทิศทางแล้วว่า เลือกข้างหญิงหน่อย

พูดอย่างนี้เดี๋ยวว่ามองโลกแง่ร้าย ฝ่ายค้านแตกกระจาย “ตัดคะแนน” กันเอง แต่หันไปดูรัฐบาล ก็แหลกลาญยิ่งกว่า โดยเฉพาะพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำ

ซึ่งหลังจากธรรมนัส 18 ส.ส.แยกไปตั้ง “พรรคป้อม 2” เศรษฐกิจไทย สมัยหน้าก็ไม่รู้ว่า “พรรคป้อม 1” พปชร.จะยังอยู่หรือไม่ จะเป็นพรรคอันดับเท่าไหร่ จะเสนอชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ ไหม หรือประยุทธ์หนีไปพรรคอื่น

เพราะมีข่าวแรมโบ้ เอ็นหัวไหล่ขาด จะตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเป็นหัวเรือใหญ่ บางกระแสก็ว่าสุเทพ เทือกสุบรรณ รวมพลังประชาชาติไทย จะรวมเป็นพรรคเดียวกัน ถ้าจริงก็เป็นทิศทางพรรคอุดมการณ์อนุรักษนิยม เพียงสงสัยว่างั้นพรรคหมอวรงค์อยู่ตรงไหน

พรรคประชาธิปัตย์ก็แยกไปเป็นพรรคกล้า ซึ่งแข่งกันเองในฐานคนชั้นกลางในเมืองฝั่งขวา แต่ใน ตจว. ปชป.ลงหลักปักฐาน “บ้านใหญ่” ทุนท้องถิ่นสำคัญกว่านักการเมืองปากกล้า กระทั่งโฆษกพรรคอาจไม่ได้ลงสมัครบ้านเกิดตนเอง

ปชป.เหมือนฟอร์มดี แต่น่าแปลกใจที่ อภิชัย เตชะอุบล นักธุรกิจใหญ่ ลาออกสละเก้าอี้ ส.ส.ไปเป็นแม่ทัพคุมเลือกตั้ง สก.ให้พลังประชารัฐ

นอกจากนี้ยังมีพรรคใหม่ สร้างอนาคตไทยไปกับอุตตม-สนธิรัตน์ อดีตหัวหน้า-เลขาพรรค พปชร. ซึ่งใครก็รู้ว่าชูสมคิดแต่ยังยึกยัก ทั้งที่น่าจะมีภาคธุรกิจสนับสนุนกลุ่มทุนเต็มใจลงขัน

พรรคเดียวที่ไม่หวั่นไหวเพราะจุดยืนมั่นคง ใครเป็นรัฐบาลเข้าข้างนั้น คือพรรคหนู-เน สั่งสมกำลังดูดกวาด ส.ส.ตั้งแต่อนาคตใหม่ถึง พปชร. เป็นพรรคการเมืองที่ลูบปากได้ทุกยุคสมัย

ภูมิทัศน์การเมืองตั้งแต่เลือกผู้ว่า กทม.ไปถึงเลือกตั้งใหญ่ จึงเห็นชัดว่าแต่ละขั้วแต่ละข้างแข่งกันหลากหลาย จนมองไม่ออกแล้วว่าใครตัดคะแนนใคร

แม้พรรคอันดับหนึ่ง (ซึ่งคงเป็นเพื่อไทย) ได้เปรียบ หากใช้กติกาบัตร 2 ใบ 400-100 แต่ก็ยาก “แลนด์สไลด์” เพราะการเมืองเปลี่ยน ประชาชนมีความคิดหลากหลาย แม้ในฝ่ายไม่เอาประยุทธ์

การเมืองแบบนี้มองมุมหนึ่งก็จะทำให้รัฐราชการ เครือข่ายอนุรักษนิยม กุมอำนาจเข้มแข็งมั่นคง แม้พรรคสืบทอดอำนาจแพ้ เพราะผลเลือกตั้งจะกระจายไปตามพรรคต่าง ๆ ที่แตกต่างหลากหลาย พรรคฝ่ายค้านก็ไม่เป็นเอกภาพ

แต่นั่นก็เป็นทิศทางที่ต้องยอมรับ การเมืองจะพัฒนาไปบนความหลากหลาย ความไม่เป็นเอกภาพอาจเป็นอันตรายต่ออำนาจอนุรักษ์มากกว่าเป็นเอกภาพด้วยซ้ำ 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/522062 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar