จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ ที่เขียนโดยคนที่ไม่เข้าใจสภาพสังคมไทยอย่างแท้จริง...
โดย นายแสงตะวัน
เพราะคนไทยและสังคมไทยยังอยู่ใต้ระบอบเผด็จการภูมิพล มีมาตรา ๑๑๒ คอยกดหัวอยู่ ไม่ใช่สังคมประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพไม่มี ประชาชนในสังคมห้ามมีความเห็นต่าง ต้องจงรักภัคดีต่อกษัตริย์และชนชั้นศักดินา ไม่มีกฎหมายปกครองในสังคมมีแต่คำสั่งจากบนลงมาล่าง ศูนย์อำนาจรวมอยู่ที่กษัตริย์ภูมิพลแต่ผู้เดียวทั้งทางการเมืองการเศรษฐกิจ การทหารและทางด้านวัฒนธรรม
กษัตริย์เป็นเจ้าของพรรคการเมืองประชาธิปัตย์ สามารถสั่งศาลได้เหมือนกับศาลเป็นสมบัติส่วนตัวของกษัตริย์ ระบอบการปกครองแบบเผด็จการของกษัตริย์ก็ได้มีมายาวนาน ทำให้คนไทยในสังคมไม่มีสิทธิเสรีภาพ ในการพูด การเขียน การแสดงออกอย่างเสรี มีแต่การโฆษณาด้านเดียวเกี่ยวกับครอบครัวกษัตริย์เพื่อหลอกลวงประชาชน
ฉนั้นการจะมารีปสรุปเอาเองว่าคนไทยมีจุดอ่อน อย่างนั้นอย่างนี้ถึง ๑๐ ประการนั้น จึงเป็นการพูดแบบอัตตวิศัย สิ่งที่มองเห็นมันเป็นเพียงปรากฏการณ์ของคนในสังคมไม่ใช่สาเหตุธาตุแท้ของปัญหา
ฉนั้นข้ออ้างหรือการเหมารวมแบบนึ้จึงไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะคนในสังคมไทยมีหลายชนชั้น พวกชนชั้นศักดินานายทุน พวกอำมาตย์ พวกที่เป็นชนชั้นปกครองอาจจะมีความประพฤติอีกแบบหนึ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้น และพวกชนชั้นผู้ใช้แรงงานอาจจะมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากพวกชนชั้นเผด็จการที่มีอำนาจปกครองประเทศอยู่ในเวลานี้
ดังนั้นคำกล่าวอ้าง๑๐ข้อนี้จึงไม่ได้เป็นการสะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทยในเวลา นี้เพราะสังคมไทยยังเป็นสังคมทาสภายใต้ระบอบเผด็จการภูมิพลและครอบครัว ถ้าเป็นสังคมในระบอบประชาธิปไตยคนไทยอาจจะมีศักยภาพที่เป็นทางบวกมากกว่า๑๐ ประการนี้ก็ได้...
จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ จากวิกรม กรมดิษฐ์
โดย arakwarit
ที่มา oknation
พิมพ์ครั้งแรก วันอังคาร ที่ 6 กรกฎาคม 2553
จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ
ต้องบอกว่าประเทศไทยเปิดศักราชปีเสือไม่โสภา เมื่อ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ระบุว่าไทยอาจไม่เป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุนเหมือนที่ผ่านมาในสายตาของ นักลงทุนญี่ปุ่น ทำให้คิดถึงความคิดเห็นของ วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าพ่ออมตะนครที่เคยพูดถึง “จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อคือ
1 . คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะ หน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็น ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ
2. การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตามหลังชาติอื่น จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า
3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานแบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอ มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่ง ครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อยๆ
5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองและชุมชนซึ่งเป็น หน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
6. การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง
7. อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัยยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่า ผู้ก่อการร้ายดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
8. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว เอ็น จีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์เอ็นจีโอดีๆ ก็มี แต่บ้านเรามีน้อย บ่อยครั้งที่ประเทศเราเสียโอกาสอย่างมหาศาลเพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริงๆ ไม่ได้พูดกัน
9. ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลกของเรายังขาดทักษะและทีม เวิร์ค ที่ดี ทำให้สู้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ปัจจุบัน เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะเราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และเขาจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคมข้อสุดท้าย! อ่านแล้วอาจต้องแปะติดข้างฝาไว้เลย!!
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar