tisdag 13 april 2021

อาณาจักรปลากระป๋อง: (ตอนที่ 2) การค้ำยันโดยรัฐบาลเพื่อให้กษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SCB “ด้วยทรัพย์สินของประชาชน”

Kan vara en bild av text där det står ”เครือข่ายทนธาชวงศ์จัก 2 "การค้ำยันเพื่อให้ กษัตริย์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SCB" โดยรัฐบาลด้วย ทรัพย์สินของประชาชน RE >EM”

Kan vara en bild av text där det står ”13 เมษายน 2563 สัญชาติ ข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ประชุมผู้ถือหุ้น รายชื่อผู้ถือหุ้น ไม่เปิดเผยนาม 18 พ.ต.อ. ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ไทย หุ้นที่ถือ(หุ้น) 47,999,998 3 สัดส่วนการ ถือหุ้น 100.0000% 0.0000% 0.0000% 100.0000% ไทย รวม ไทย ทั้งหมด 4,799,999.800.00 100.00 100.00 4,800,000,000.00 48,000,000 RE >EM”Kan vara en bild av text där det står ”พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 3. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย ลจ.เอ็มเอฟชี จำกัด (มหาชน) กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 5. 793,832,359 23.38 สำนักงานประกันสังคม 392,649, 100 6. 11.56 392,649,1 7. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 11.56 STATE STREET EUROPE LIMITED 8. 360,413,667 10.61 THE BANK OF NEW YORK MELLON 9. 115,334,200 3.40 NORTRUST NOMINEES LTD-C 10. 106,670,101 3.14 67,915,703 2.00 NORTRUST NOMINEES LIMITED-NTO SEC LENDING THAILAND CLAC 47,115,024 1.39 43,493,193 1.28 24,835,273 0.73 RE >EM”Kan vara en bild av text där det står ”พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 3. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย ลจ.เอ็มเอฟชี จำกัด (มหาชน) กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 5. 793,832,359 23.38 สำนักงานประกันสังคม 392,649, 100 6. 11.56 392,649,1 7. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 11.56 STATE STREET EUROPE LIMITED 8. 360,413,667 10.61 THE BANK OF NEW YORK MELLON 9. 115,334,200 3.40 NORTRUST NOMINEES LTD-C 10. 106,670,101 3.14 67,915,703 2.00 NORTRUST NOMINEES LIMITED-NTO SEC LENDING THAILAND CLAC 47,115,024 1.39 43,493,193 1.28 24,835,273 0.73 RE >EM”
 

เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH
April 9 at 10:00 AM ·

[อาณาจักรปลากระป๋อง: (ตอนที่ 2) การค้ำยันโดยรัฐบาลเพื่อให้กษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SCB “ด้วยทรัพย์สินของประชาชน”]
นอกจากการค้ำยันบัลลังก์ในฐานะประมุขของประเทศแล้ว ในทางธุรกิจ “บริษัทที่เจ้าเป็นเจ้าของ” ก็จะได้รับการเอื้อประโยชน์จากรัฐ ส่วนราคาที่ต้องจ่ายนั้น หากไม่จ่ายด้วยเงินทองภาษีของราษฎร ก็แลกด้วยชีวิตจ่ายประชาชน เช่น กรณีวัคซีนพระราชทาน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เราจะข้ามเรื่องวัคซีนพระราชทานจากบริษัท Siam Bioscience ที่ผู้ถือหุ้น 99.9999% คือกษัตริย์ไปก่อน เพราะได้ถกเถียงกว้างขวางแล้ว
(จากการค้นหาในระบบ เพื่อตรวจสอบชื่อเจ้าของบริษัทพบว่า มีการพยายามปกปิดชื่อคนในตระกูลมหิดลทุกคนเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ โดยระบบจะใช้นามแฝงของกษัตริย์ว่า “ไม่เปิดเผยนาม 18”)
ในตอนที่ 2 เราจะชี้ให้เห็นถึงการค้ำยันบัลลังก์ทางธุรกิจของครอบครัวกษัตริย์ผ่านการใช้อำนาจรัฐโดยรัฐบาล (ส่วนที่ว่ารัฐบาลจะถูกสั่งมาอีกทีหรือไม่ ลองพิจารณากันดู)
เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว และคนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ชัดเจนก็อาจจะเป็นคุณ Tony Woodsome
———
การค้ำยันเพื่อให้กษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SCB ด้วยทรัพย์สินของประชาชน
*หมายเหตุ: หุ้น SCB เคยเป็นทรัพย์สินของ(สถาบัน)พระมหากษัตริย์ ซึ่งสถาบันกษัตริย์และประชาชนเป็นเจ้าของร่วม แต่กลับถูกในหลวงวชิราลงกรณ์โอนไปเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว
#ตัวละครสำคัญ ของตอนที่ 2 นี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก #กองทุนวายุภักษ์โดยกระทรวงการคลัง ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังถือครองอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แต่เมื่อดูตัวเลขในพอร์ตการลงทุนแล้วพบว่ากองทุนวายุภักษ์ได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อลงทุนถือครองหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
#กองทุนวายุภักษ์โดยกระทรวงการคลัง ถือหุ้นธนาคารทั้งหมด 8 แห่ง ดังนี้
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) : 68,713,592,500 บาท
2. ธนาคารทหารไทย จํากัด (มหาชน) (TMB) : 10,867,709,536 บาท
3. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) (KTB) : 6,766,019,597 บาท
4. ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) (KBANK) : 1,844,984,900 บาท
5. ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) (BBL) : 1,560,088,050 บาท
6. บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จํากัด (มหาชน) (TISCO) : 459,713,250 บาท
7. ธนาคารเกียรตินาคิน จํากัด (มหาชน) (KKP) : 294,623,100 บาท
8. บริษัท ทุนธนชาติ จํากัด (มหาชน) (TCAP) : 171,861,750 บาท
พูดอย่างง่ายๆ กองทุนวายุภักษ์ฯ
ถือหุ้น SCB มากกว่า TCAP 399.8 เท่า
ถือหุ้น SCB มากกว่า KKP 233.2 เท่า
ถือหุ้น SCB มากกว่า TISCO 149.4 เท่า
ถือหุ้น SCB มากกว่า BBL 44.0 เท่า
ถือหุ้น SCB มากกว่า KBANK 37.2 เท่า
ถือหุ้น SCB มากกว่า KTB 10.1 เท่า
ถือหุ้น SCB มากกว่า TMB 6.3 เท่า
กองทุนวายุภักษ์ฯ ถือหุ้น SCB ทั้งหมด 2 ขา ขาละ 11.56% รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 23.12% ในขณะที่กองทุนวายุภักษ์ถือหุ้น KTB เพียง 4.36% เท่านั้น
คำถามสำคัญคือ ทำไมจึงเป็น SCB?
หน้าที่ที่สำคัญของผู้จัดการกองทุน คือการบริหารความเสี่ยง ลงทุนอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุดโดยเสี่ยงน้อยที่สุด
หรือการเทเงินลงทุนใน SCB อย่างมหาศาล โดยแทบไม่กระจายความเสี่ยงไปลงทุนในธนาคารอื่นบ้าง จะเกิดขึ้นจากการคิดคำนวนถ้วนถี่แล้ว?
...คำตอบที่แท้จริงอาจจะอยู่ด้านล่างนี้...
เมื่อเรานำหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่ใน SCB (23.12%) มารวมกับหุ้นที่กษัตริย์ถืออยู่ (23.38%) ก็จะเท่ากับ 46.50%
หรือพูดให้เข้าใจได้ง่ายก็คือ จะไม่มีใครที่พยายามถือหุ้นมากกว่ากษัตริย์ (23.38%) เพราะรู้ว่า ต่อให้สามารถรวมหุ้นได้มากกว่าที่กษัตริย์ถืออยู่ ก็จะไม่อาจใหญ่กว่ากษัตริย์ได้ เพราะหากรวมหุ้นที่กษัตริย์ถือกับหุ้นกองทุนวายุภักษ์แล้ว ก็จะเท่ากับ 46.50%
เนื่องจากหุ้นของกษัตริย์และหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ รวมกันแล้วเกือบ 50% ของหุ้นทั้งหมด การถือหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ใน SCB จึงเป็นการปกป้องไม่ให้ SCB ถูก takeover หรือถูกซื้อกิจการจากกลุ่มทุนอื่น หรือจากธนาคารต่างชาติ ปกป้องให้การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกษัตริย์มั่นคง ไม่อาจถูกคุกคามหรือสั่นคลอนได้
นอกจากนี้ การถือหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ใน SCB คือการใช้ทรัพยากรรัฐค้ำยันอำนาจของกษัตริย์ การตัดสินใจของกษัตริย์ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น จะผ่านได้โดยไม่มีใครขัดขวางได้ กองทุนวายุภักษ์ลงคะแนนไปในทางเดียวกับในหลวงทุกครั้งในทุกมติของการประชุมผู้ถือหุ้น
ไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นที่จะสามารถสั่นคลอนการเป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์เหนือกษัตริย์วชิราลงกรณ์
สรุปแล้วกองทุนวายุภักษ์โดยกระทรวงการคลังกำลังทำอะไร และทำเพื่อใคร?
นอกจากกรณีวัคซีนพระราชทาน บริษัท Siam Bioscience แล้ว นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ชัดจนไม่รู้จะชัดกว่านี้ได้อย่างไร ว่าปัญหาการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อเกื้อหนุนให้กับธุรกิจของตนเองและพวกพ้องนั้นมีอยู่จริง
———
#REDEM
ดาวน์โหลดผังทุนราชวงศ์จักรี :
(https://drive.google.com/.../1TuC8Z9WsTHRcurxt8pn.../view...)
ย้อนอ่าน อาณาจักรปลากระป๋อง ตอนที่ 1 :
(https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/posts/488146562634406)
“ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ตั้งคำถามว่า การที่กระทรวงการคลังให้กองทุนวายุภักษ์ซื้อหุ้นการบินไทย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับผู้ถือหน่วยลงทุน หรือกับประชาชาชนทั่วไปที่ถือหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์?
(https://www.prachachat.net/finance/news-468115)

https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/posts/490200215762374

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar