ใบตองแห้ง
ข่าวดี ประยุทธ์ยอมให้โรงพยาบาลเอกชนจัดหา “วัคซีนทางเลือก” โดยให้องค์การเภสัชกรรมนำเข้ามาขายต่อให้ รพ.เอกชน 10 ล้านโดส
แต่ข่าวร้าย ยังต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณา โดยใช้เวลาเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน!
ข่าวที่ออกมา นอกจากทำให้หุ้น รพ.เอกชนขึ้น เอาเข้าจริงก็ไม่ช่วยสถานการณ์ 1 เดือนจากนี้ไป กว่าจะได้วัคซีนเอกชน ก็ใกล้กำหนดส่งมอบแอสตราเซเนกาจากสยามไบโอไซเอนซ์ 26 ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขแถลงมาตลอดว่า รัฐบาลไม่เคยปิดกั้น เอกชนจัดหาวัคซีนเองได้ แต่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่มีใครขายให้ ผู้ผลิตต้องการขายล็อตใหญ่ให้รัฐ (ใครจะมาแบ่งขายให้เอกชนแห่งละหมื่นโดสแสนโดส ในเมื่อตลาดกำลังต้องการ)
ยิ่งกว่านั้น วัคซีนทุกยี่ห้อมีผลข้างเคียง อาจถูกฟ้องร้อง ผู้ผลิตจึงต้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ (ฉีดฟรีโดยรัฐในสถานการณ์โรคติดต่อ ฟ้องไม่ได้ ฉีดเข็มละสามพันกับ รพ.เอกชน ช็อกขึ้นมาฟ้องได้นะครับ)
ซึ่งก็จริง แต่คนไม่ฟัง เพราะไม่พอใจการจัดหาวัคซีนล่าช้า แทงม้าตัวเดียว ระลอกสองก็แล้ว ระลอกสามก็แล้ว วัคซีนสยามไบโอยังไม่ออก สังคมเลยคิดง่าย ๆ ว่าให้ รพ.เอกชนซื้อดีกว่า
ความจริงทั่วโลกก็ไม่มีนะครับ ดูข่าวสิ ประเทศไหนมี รพ.เอกชนซื้อวัคซีนมาฉีดเอง ก็เหมือนตอนเทศบาลอาสา หาเสียงว่าจะซื้อวัคซีนมาฉีดคนของตัวเอง พูดยังกะวัคซีนโควิดมีดีเทลยาเดินมาขายถึงหน้าบ้าน ทั้งประยุทธ์ทั้งอนุทินก็ปากพล่อย สนับสนุน ตอนหลังกลับลำว่าทำไม่ได้
การจัดหาให้ รพ.เอกชน จึงต้องให้องค์การเภสัชซื้อมาขายต่อ แล้วที่ต้องตั้งกรรมการมาพิจารณาเป็นเดือน ก็เพราะเอกชนไม่กล้ารับผิดชอบ เงินก็อยากได้ แต่กลัวถูกฟ้อง
เรื่องทั้งหมดจึงเห็นชัดว่า รัฐบาลปักขี้เลน โดนกดดันแล้วกลับลำ โควิดอภิสิทธิ์ชน “ติดคนรวยซวยคนจน” รัฐมนตรี ส.ส. นายพล ข้าราชการระดับสูง elite ติดเสียเอง โควิดจาก “ไทยคู่ฟ้าคลับ” ขยายเป็นวงกว้างสร้างความแตกตื่น รพ.รัฐไม่พอ คนแห่ไปตรวจเอกชนจนประกาศปิด มีข่าวน้ำยาไม่พอ สธ.ก็ว่าไม่จริง ฯลฯ ชาวบ้านด่าขรม พอเอกชนไปยื่นข้อเสนอ ก็เลยกลับลำลดกระแส
รองโฆษกรัฐบาล ข้าราชการ สธ. ที่ชี้แจงอยู่เหยง ๆ กลายเป็นเสียหมาไปเลย
สังคมไม่ยักถามว่างั้นทำไม รัฐบาลไม่ซื้อเพิ่มเสียเอง 10 ล้านโดส ทำไมต้องอ้างว่า รัฐเตรียมวัคซีนไว้แล้ว 70 ล้านโดส ต้องการ 10 ล้านสร้างภูมิคุ้มกัน ก็เลยให้เอกชนจัดหาเป็น “วัคซีนทางเลือก”
มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่หรือที่ต้องจัดหาวัคซีนหลายยี่ห้อ เป็นทางเลือก ไม่ใช่รัฐบาลมีหน้าที่ “แทงม้าตัวเดียว” ซื้อแค่แอสตรา 61 ล้านโดส ซิโนแวค 2 ล้านเป็นน้ำจิ้ม ที่เหลือโนสนโนแคร์ ใครอยากฉีดไปหาซื้อกันเอง
ทั้งที่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะความล่าช้า ประชาชนไม่เชื่อมั่นว่า แอสตราฯ ตัวเดียวป้องกันได้ จึงขวนขวายให้หาตัวอื่น แต่รัฐบาลผลักภาระ งั้นพวกเมิ-ก็จ่ายเงินกันเอง
นี่เป็นสูตรซ้ำซาก รัฐสูญเสียความเชื่อมั่น โควิด 3 รอบเกิดจากอภิสิทธิ์ชน เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลย บริหารจัดการไร้ประสิทธิภาพ การตัดสินใจก็แกว่งไปแกว่งมา ไม่มีหลัก-ผลักภาระ สุดท้ายยิ่งทำให้ชาวบ้านด่า วัคซีนก็ล่าช้า ประมาท คิดว่าเจ๋ง คุมได้ จนเกิดระลอกสองระลอกสาม ยังไม่มา
แก้ปัญหาลักปิดลักเปิด เช่นรู้ตัวว่ารอบแรกผิดไปแล้ว รอบนี้ไม่กล้าล็อกดาวน์ แต่ให้จังหวัดต่าง ๆ ไปออกมาตรการกันเอง คนก็ไม่กล้าเดินทางอยู่ดี เศรษฐกิจพัง โควิดก็กั้นไม่อยู่
สงสารหมอ สธ.ซึ่งความจริงก็มีฝีมือ มีประสิทธิภาพ
ถูกฉุดลากให้ความเชื่อมั่นตกต่ำ เพราะต้องชี้แจงแทนรัฐบาล
ต้องปกป้องการจัดหาวัคซีน การตัดสินใจเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนเสื่อมไปด้วยกัน
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/content/437114
โควิดจาก “ซูเปอร์ผับ” ติดคนระดับสูง ทั้งรัฐมนตรี ส.ส. นายพล ข้าราชการ นักธุรกิจ ดารานักร้อง คนดังทุกวงการ ซึ่งเดินสายออกงาน ประชุม เสวนา เฮฮาปาร์ตี้ ฯลฯ มีผู้เกี่ยวข้องมหาศาล ต้องตรวจเชื้อกักตัวจ้าละหวั่น ทั้งคณะรัฐมนตรี ทั้งรัฐสภา ทั้งหน่วยงาน กระทั่งนักข่าวก็โดนหางเลข ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านเข้าคิวกันยาวเหยียด
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ ระบาดเร็วกว่า 1.7 เท่า แต่ไม่ใช่แค่นั้น การตรวจสอบไทม์ไลน์ก็ยากกว่า รัฐมนตรี ส.ส. นายพล ผู้พิพากษา ข้าราชการ ฯลฯ ล้วนมีหน้ามีตาในสังคม ใครจะอยากรับว่าไปเที่ยวผับเที่ยวเลานจ์เคล้าโคโยตี้
ไม่ใช่แรงงานพม่าที่บังคับให้อยู่ในโรงงานได้ ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้าตลาดกุ้ง หรือนักพนันบ้านๆ ที่ยังควบคุมง่ายกว่า จำได้ไหม ต้นเดือนมกรา หมอทวีศิลป์ขู่ว่า ใครไม่ลงแอพหมอชนะ ถ้าติดโควิดติดคุก 2 ปี
ศักดิ์สยาม ไก่อู ลงแอพหมอชนะหรือเปล่า หรือได้รับการยกเว้น เช่นไฮโซทั้งหลายที่ไปเฮฮาปาร์ตี้ไม่ใส่หน้ากาก
ตำรวจนครบาลแจ้งข้อหาใครหรือยัง ฐานจัดชุมนุมมั่วสุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ หรือมีไว้จัดการม็อบเท่านั้น
โควิดระลอกสามระบาดก่อนสงกรานต์ ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมรีสอร์ตที่คาดหวังว่าจะได้เม็ดเงินมาต่อลมหายใจ หงายท้องล้มตึงไปตามๆ กัน ไม่ใช่แค่คนกลัวจนบอกเลิกจองห้องพัก จังหวัดต่างๆ ก็ประกาศมาตรการสับสน เดี๋ยวบอกว่าคน กทม.ปริมณฑลห้ามเข้า เดี๋ยวบอกต้องกักตัว 14 วัน เดี๋ยวเปลี่ยนเป็นกลับบ้านได้ พักโรงแรมรีสอร์ตได้ แต่ต้องรายงานตัว และห้ามไปสถานที่ท่องเที่ยว
ทั้งที่ ศบค.ไม่ห้ามเดินทาง แต่ “นครรัฐอิสระ” ชิงประกาศตัดหน้าไปแล้ว
โควิดแต่ละครั้ง ประยุทธ์มีสูตรสำเร็จ หนึ่ง ด่ากราด โทษคนไม่มีจิตสำนึก ทำให้เชื้อแพร่ระบาด ปัดความรับผิดชอบของรัฐ โหนหมอพยาบาลทำงานหนัก เจ้าหน้าที่ทำดีที่สุดแล้ว
สอง เพิ่มอำนาจบังคับ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “รัฐประหารโควิด” เลือกตั้งมาสองปี ประเทศไทยปกครองด้วย ศบค.นานกว่ารัฐบาลปกติ ไม่เพียงใช้อำนาจปิดกั้นทางการเมือง หากยิ่งกระชับสถานะ “รัฐเป็นบิดา” ประชาชนที่ตกอยู่ในความกลัวต้องเชื่อฟัง ทำตามคำสั่ง แล้วจะได้รับการสงเคราะห์
ทั้งที่จำนวนมากเป็นคำสั่งไร้เหตุผล ไม่อยู่บนหลักการแพทย์ ใช้อำนาจพร่ำเพรื่อ เช่น ตั้งด่านเคอร์ฟิวจับโควิดตอนกลางคืน ห้ามขายเหล้า ห้ามขายอาหารเกินสามทุ่ม ฯลฯ ประชาชนต้องกลัวทั้งโควิดและเจ้าหน้าที่ กลัวทำอะไรก็ผิด
แต่ครั้งนี้ สูตรสำเร็จใช้ไม่ได้ ประยุทธ์ด่ากราดคนไม่มีจิตสำนึก อ้าว กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนติดโควิด พวกไปม็อบไม่ยักติด แต่โดนยัดทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ แถม 116,112 รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ฯลฯ อ้างฉุกเฉินโควิดสลายม็อบอย่างอำมหิต
“โควิดติดคนรวยซวยคนจน” ประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ SME ไปจนหาเช้ากินค่ำ อุตส่าห์ระมัดระวัง ยอมให้ใช้อำนาจบังคับ ถูกห้ามทำมาหากิน แต่ตำรวจไม่จับบ่อน ไม่กวดขัน “ซูเปอร์ผับ” หรือคลับไฮโซ จนกลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ ทีม็อบเด็กละก็ เก่งจัง
โควิดไม่ใช่อาชญากรรม คนทำมาหากิน แม่ค้าในตลาด ชาวบ้านแออัดขึ้นรถเมล์รถไฟฟ้า ไม่สามารถ “อยู่บ้านช่วยชาติ” จำเป็นต้องเสี่ยง ติดโควิดขึ้นมาจึงน่าเห็นใจ จะไปด่าเขาไม่รับผิดชอบ ไม่เชื่อฟัง ได้อย่างไร
แต่โควิดทุกครั้งระบาดใหญ่จากอภิสิทธิ์ชน จากความหย่อนยานของอำนาจรัฐ การปล่อยปละละเลยหรือมีผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ ที่เอาแต่เข้มงวดกวดขันประชาชน
โควิดรอบแรก เวทีมวยทหารฝ่าฝืนมาตรการรัฐเสียเองจนเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ โควิดรอบสอง ปล่อยให้แรงงานต่างด้าวอยู่อย่างผิดกฎหมายหลายแสนคน ในสภาพแออัด ทั้งลักลอบทั้งตกค้างกลับประเทศไม่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐมากมายไม่มีใครรู้เห็น เช่นเดียวกับบ่อน โทษแค่ตำรวจจังหวัด
การจัดหาวัคซีนก็ล่าช้า มีเวลาตั้งแต่ ก.ค.63 จองแอสตราเซเนกา 26 ล้านโดส มิ.ย.64 ไม่เข้าร่วม COVAX ประมาทว่ารัฐบาลประยุทธ์จัดการโควิดเจ๋งที่สุดในโลก พอเกิดรอบสองค่อยตาลีตาเหลือกสั่งซิโนแวค 2 ล้านโดส แอสตราอีก 35 ล้านโดส
ซึ่งกลายเป็นแทงม้าตัวเดียว แอสตรามีข่าวเชิงลบ หลายประเทศห้ามใช้ในผู้มีอายุน้อย อันที่จริงวัคซีนโควิดทุกรายก็มีปัญหาแตกต่างกันไป แต่ประเทศอื่นสั่งจองหลายยี่ห้อ เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
มาตอนนี้จะไปสั่งที่ไหน ประเทศอื่นทั่วโลกเขาจองไปหมดแล้ว รัฐบาลก็พูดถูกว่าไม่ได้ผูกขาด แต่ไม่สามารถสั่งได้
ณ วันนี้ยังไม่รู้หรอกว่า โควิดรอบสามจะลามมากแค่ไหน แต่ในทางเศรษฐกิจเห็นชัดว่าวอดวาย ถ้ามันเป็นชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็พอยอมรับกัน
แต่เมื่อมันเป็นโควิดอภิสิทธิ์ชน แล้วคนทั้งประเทศซวย ก็ระวังความโกรธจะลุกฮือ
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6298053
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar