“จะลิดรอนเสรีภาพกันไปถึงไหน” คือคำถามจากเดชาธร บำรุงเมือง หรือ “ฮอกกี้” ศิลปินกลุ่ม Rap Against Dictatorship ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหา 11 คน ที่ตำรวจขอให้กรมการกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทาง
ตร.แจงเหตุขอยกเลิกพาสปอร์ตนักกิจกรรม หลังมีเอกสารหลุดจาก สน.สำราญราษฎร์ถึงกรมการกงสุล
- ชัยยศ ยงค์เจริญชัย
- ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
ที่มาของภาพ,
จดหมายฉบับนี้ ซึ่งบีบีซีไทยได้รับคำยืนยันจาก พ.ต.อ.ทศพลว่าเขาเป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าวจริง ระบุว่าผู้ต้องหา 11 คนนี้ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้ระบุเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาถูกดำเนินคดี
จดหมายระบุว่าก่อนหน้านี้ สน.สำราญราษฎร์ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการกงสุลขอให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทาง และ/หรือ ยับยั้งคำขอหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงทั้ง 11 คน ซึ่งกรมการกงสุลได้มีหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2564 ว่าได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาที่ 2 แล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 หนังสือเดินทางหมดอายุ และผู้ต้องหาที่ 6,8 และ 10 ไม่มีหนังสือเดินทางจึงไม่เข้าข่ายที่จะยกเลิก
นอกจากนี้กรมการกงสุลได้ขอให้ตำรวจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้ต้องหาที่เหลือ ได้แก่ นายเดชาธร น.ส.จุฑาทิพย์ นายกรกช แสงเย็นพันธ์ น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก นายบารมี ชัยรัตน์ และนายภาณุมาศ สิงห์พรม มีพฤติการณ์จะหลบหนีไปต่างประเทศอย่างไรและสถานะล่าสุดทางคดีเป็นอย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณาตามคำขอ
พ.ต.อ.ทศพลจึงได้ทำจดหมายฉบับนี้เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่กรมการกงสุลว่า พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว และอัยการกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อสั่งคดี ดังนั้น "บุคคลดังกล่าวจึงยังเป็นที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินดคี"
บีบีซีไทยติดต่อนายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอคำอธิบายในเรื่องนี้ และได้รับคำตอบว่าอธิบดีกรมการกงสุลยังไม่ได้รับทราบเรื่องนี้ และข้อมูลการทำหนังสือเดินทางเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ไม่สามารถเปิดเผยได้
ที่มาของภาพ, Nawamin Kulpradit
เสียงจากผู้ต้องหานายเดชาธรบอกกับบีบีซีไทยว่าเขาและทนายความไม่เคยรู้เรื่องการขอยกเลิกหนังสือเดินมาก่อน
และขณะนี้ก็ไม่รู้ว่าหนังสือเดินทางของเขาถูกยกเลิกแล้วหรือไม่
เขายืนยันด้วยว่าไม่เคยคิดหลบหนีและไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกและตามนัดทุกครั้ง
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไปขึ้นศาลตามนัดหมายมาโดยตลอด...ทนายก็ยืนยันว่าไม่เคยได้รับแจ้งจากตำรวจว่าคนที่โดนคดีเหล่านี้จะถูกตัดสิทธิ์ในการขอหนังสือเดินทาง...งงเหมือนกันว่าคดีที่ยังไม่ได้ตัดสิน
จะมีผลถึงขั้นถูกระงับพาสปอร์ตเลยหรือ" นายเดชาธรกล่าว
และให้ข้อมูลว่าหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันของเขาเพิ่งหมดอายุไปเมื่อเดือน
ก.ย. ที่ผ่านมา
นายเดชาธรบอกกับบีบีซีไทยว่าเขาและทนายความไม่เคยรู้เรื่องการขอยกเลิกหนังสือเดินมาก่อน และขณะนี้ก็ไม่รู้ว่าหนังสือเดินทางของเขาถูกยกเลิกแล้วหรือไม่ เขายืนยันด้วยว่าไม่เคยคิดหลบหนีและไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกและตามนัดทุกครั้ง
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไปขึ้นศาลตามนัดหมายมาโดยตลอด...ทนายก็ยืนยันว่าไม่เคยได้รับแจ้งจากตำรวจว่าคนที่โดนคดีเหล่านี้จะถูกตัดสิทธิ์ในการขอหนังสือเดินทาง...งงเหมือนกันว่าคดีที่ยังไม่ได้ตัดสิน จะมีผลถึงขั้นถูกระงับพาสปอร์ตเลยหรือ" นายเดชาธรกล่าว และให้ข้อมูลว่าหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันของเขาเพิ่งหมดอายุไปเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
ตำรวจระบุเป็นไปตามหลักกฎหมาย
บีบีซีไทยเดินทางไปพบ พ.ต.อ. ทศพล ที่ สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกับนำจดหมายที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียให้ดู ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นเอกสารจาก สน. จริง และชี้แจงว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามหลักการทางกฎหมาย กล่าวคือ ในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหาในคดีอาญาร้ายแรง พนักงานสอบสวนสามารถยื่นขอให้กรมการกงสุลพิจารณาเพิกถอนหรือระงับหนังสือเดินทางได้
"กรณีนี้ความผิดตาม (ประมวลกฎหมายอาญา) มาตรา 116 เป็นคดีที่มีความเสี่ยงที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร เคสนี้ก็เข้าข่ายคดีอาญาเรื่องความมั่นคง" พ.ต.อ. ทศพลกล่าว
เขาอธิบายต่อว่าช่วงเวลาที่ยื่นจดหมายถึงกรมการกงสุลคือวันที่ 16 มิ.ย. นั้น คดียังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนในชั้นอัยการ อีกทั้งผู้ต้องหาบางส่วนถูกจับกุมตามหมายจับ แต่ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจจึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อกรมการกงสุลให้ระงับการใช้และการออกหนังสือเดินทางชั่วคราว เพราะหากอัยการมีคำสั่งฟ้องต่อศาล ก็จะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฟ้องต่อศาล ถ้าผู้ต้องหาไม่อยู่จะยื่นฟ้องไม่ได้
พ.ต.อ.ทศพลชี้แจงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ล่าสุดอัยการได้มีคำสั่งฟ้องและตำรวจนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวและศาลอนุญาต
เขาเปิดเผยว่าหลังจากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาคนหนึ่งในคดีนี้มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่เมื่อไปทำหนังสือเดินทางกลับไม่สามารถทำได้เนื่องจากกรมการกงสุลยังมีคำสั่งยับยั้งการออกหนังสือเดินทางตามที่ตำรวจยื่นคำร้องไป กรมการกงสุลจึงได้สอบถามมายัง สน.สำราญราษฎร์ว่าบุคคลดังกล่าวมีหมายจับหรือไม่ มีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศหรือไม่ และสมควรออกหนังสือเดินทางให้หรือไม่
ที่มาของภาพ, Getty Images
พ.ต.ท.ทศพลจึงมีหนังสือตอบกลับไปว่าบุคคลดังกล่าวได้รับการประกันตัว และศาลไม่มีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร จึงเห็นควรให้กองการกงสุลออกหนังสือเดินทางให้ได้
เขาสรุปว่าแม้จะมีการระงับหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนของตำรวจ แต่เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นศาลแล้ว ก็เป็นดุลพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศหรือต้องมารายงานตัวต่อศาลเมื่อใด
"ผู้ต้องหาบางคนไม่เข้าใจ หาว่าเราไปลิดรอนสิทธิของเขาหรือกลั่นแกล้งเขา จริง ๆ แล้วเราไม่ได้อยากไปลิดรอนสิทธิของเขา เราแค่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งถ้ากรมการกงสุลสอบถามมา เราตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ติดเงื่อนไขใด ๆ หรือเราไม่ต้องการตัวเขาแล้ว เราก็บอกไปว่าเห็นควรให้ออกหนังสือเดินทางได้ แต่จะออกให้หรือไม่นั้น เป็นอำนาจของกรมการกงสุล เรามีหน้าที่ชี้แจงตามแง่กฎหมายเท่านั้น" ผกก. สน.สำราญราษฎร์กล่าว
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar