måndag 19 september 2022

ใบตองแห้ง: หนูกระสุนตก, การเมืองสายกลาง?


2022-09-16 00:37

พรรคภูมิใจไทยหน้าบาน สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ดอกเบี้ย 0% ไม่คิดเบี้ยปรับ ไม่ต้องค้ำประกัน แถมมีผลย้อนหลัง พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านไม่เป็นผล

แต่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ภูมิใจไทยกลายเป็นฝ่ายเดือดดาล ประชาธิปัตย์เสนอถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แล้วจับมือเพื่อไทย-พลังประชารัฐ ลงมติ “แช่แข็ง” กฎหมายที่จะใช้เป็นผลงานหาเสียงภูมิใจไทย 198-136

การเมืองหรือเปล่า? ชาวบ้านครื้นเครง เพิ่งเคยเห็น เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ จับมือกัน “ไล่หนู-ตีงูเห่า” คงมีแต่พรรคก้าวไกล ทั้งที่โดนฉก ส.ส.อนาคตใหม่ ก็ยังลงมติไม่เห็นด้วยกับการถอนร่าง

มันคงมีส่วนนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ฝ่ายต้านฝ่ายขวางไร้เหตุผลไปเสียหมด ว่าโดยเนื้อหา นโยบายกัญชาเป็น dilemma ด้านหนึ่งกัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ แม้มีพิษภัยก็ไม่น่าถึงขั้นกำหนดเป็นยาเสพติด โทษร้ายแรงปลูกต้นเดียวติดคุก ทำให้ผู้ประสบภัยจากตำรวจและกระบวนการยุติธรรม มีมากมหาศาลกว่าผู้ประสบพิษกัญชา

แต่อีกด้านหนึ่ง การจู่ๆ ปลดล็อก โดยยังไม่มีมาตรการเหมาะสม เปิดเสรีปลูก 15 ต้น ทั้งที่อ้างว่าห้ามสันทนาการ มันก็ทำให้ชาวบ้านร้อง “อิหยังวะ” แม้กระแสต้านส่วนหนึ่งมาจากฝั่งคนหัวเก่า แต่ก็พูดได้ว่า นโยบายกัญชาผลีผลามเร่งเอาผลงานไปหน่อย

ผลก็คือโดนเบรกหัวทิ่ม แม้ในทางการเมือง ภูมิใจไทยสามารถใช้กรณีนี้ปลุกระดม “สายเขียว” ที่เชื่อว่ากัญชาเป็นยาวิเศษ รักษาทุกโรค รักษามะเร็ง “ไอ้เบิ้มตับเหล็ก” ใกล้ตายยังหาย ฯลฯ แต่ผลได้ผลเสียก็ใกล้เคียงกัน เพราะคนอีกฝั่งแม้เห็นด้วยให้ปลดล็อกก็เห็นว่ามักง่ายไปหน่อย

ยิ่งกว่านั้น ใครออกมาวิจารณ์ก็โดนพรรคภูมิใจไทยแจ้งความหรือขู่เอาผิด ตั้งแต่ “ปลื้ม” ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ไปจนชมรมแพทย์ชนบท แม้หนูลดแรงต้านถอนฟ้องปลื้มและไม่เอาความแพทย์ชนบท

มองให้ลึกลงไป มันสะท้อนปัญหาภูมิใจไทย ที่พยายามก๊อบ “หาเสียงด้วยนโยบาย” จากพรรคไทยรักไทย (นายเก่า) ซึ่งแม้ นโยบายดูดี แต่เหมือนคิดไม่ถี่ถ้วน ล่กๆ ไม่แน่น ไม่เหมือนเจ้าเก่าของจริง

แม้แต่ดอกเบี้ย 0% ก็เถอะ มันจะถูกมองว่าไม่รับผิดชอบข้อเสนอก้าวไกลที่ให้คิด 1% แต่ให้เริ่มคืนเมื่อมีรายได้พอเสียภาษี ยังเข้าท่ากว่า

มองให้กว้างออกไป ในทางการเมือง จะเกี่ยวกับกัญชาหรือไม่ก็ตาม พรรคหนูกำลังตกเป็นเป้ากระสุน ของทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลโดยไม่ต้องนัดหมาย ถึงแม้หัวหน้าหนูหลีกเลี่ยงไม่ประกาศตัวชิงนายกฯ แบะท่าพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่ายแต่ภูมิใจไทยก็เป็นคู่แข่งทุกพรรคทุกพื้นที่

ภาคใต้ เลือกตั้งสมัยหน้าจะดุเดือดเข้มข้น กระสุนปลิวว่อนระหว่างประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ภาคอีสาน ก็จะเป็นสนามรบชิงยกจังหวัด ระหว่างเพื่อไทย ภูมิใจไทย โดยพลังประชารัฐอาจเป็นแค่ตัวสอดแทรกเท่านั้น ทั้งในภาคใต้ภาคอีสาน ส่วน ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง ภูมิใจไทยก็ยังจะ “ดูด” ไปอีกหลายราย

แล้วมันผิดตรงไหน ถ้าพรรคหนูพรรคเนประสบความสำเร็จ ประชาชนเลือกเข้ามาล้นหลามตามระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับ ถ้าได้อันดับหนึ่ง ควรได้เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ดันก้นอนุทินเป็นนายกฯ อิจฉาเขาหรือไง

ปัญหาคืออนุทินไม่ยักขึงขังประกาศตัวเป็นนายกฯ เอาแต่มุดไปมุดมา ไม่อยากออกหน้าเป็นศัตรูกับใคร แสดงท่าทีให้คนมองว่า ไม่ว่าตู่หรืออุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ พรรคหนูก็ร่วมได้หมด ขอแค่เก้าอี้รองนายกฯ กับรัฐมนตรีคมนาคม

พูดอีกอย่าง ภูมิใจไทยกุมความได้เปรียบในการเลือกตั้ง ด้วยท่าทีพร้อมผสมพันธุ์ทุกข้าง ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐประหารสืบทอดอำนาจ เพื่อเดินหน้า “ประชาธิปไตยบุรีรัมย์โมเดล” บ้านใหญ่ยกจังหวัด แล้วจะได้รัฐมนตรี 1 เก้าอี้ เอางบประมาณโครงการรัฐลงพื้นที่ สร้างความเจริญ สร้างทีมฟุตบอล สร้างสนามโมโตจีพี ฯลฯ

มันมีเสน่ห์แบบการเมืองเก่า ถ้าคุณเป็นนักการเมืองระบบอุปถัมภ์ ทุนท้องถิ่น ชนชั้นนำในจังหวัด เข้าพรรคภูมิใจไทยดีกว่า รับประกันเป็นรัฐบาล 99%

ภูมิใจไทยจึงดูด ส.ส.ได้ไม่หยุด นี่ถ้าประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไม่ได้ ถ้าประวิตรหกล้ม เผลอๆ ภูมิใจไทยจะกลายเป็นพรรคใหญ่อันดับสอง หรือหนึ่งก็เป็นได้

แล้วมันผิดตรงไหน เราไม่ได้พูดถึงพรรคเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ แต่พูดถึงการยอมรับของประชาชน ที่ไม่ใช่แค่คนเลือก ส.ส.เขตเพราะเชื่อว่าจะดูแลอุปถัมภ์ตลอดสี่ปี

ภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งหรืออันดับสองได้เต็มภาคภูมิ หากแสดงความกล้าหาญทางการเมือง แสดงจุดยืน ไม่ใช่แค่กล้าเป็นนายกฯ แต่กล้ารับผิดชอบ ไม่ใช่เอาแต่หลบหลีกอยู่ใต้เรดาร์ ไม่กล้าแตะไม่กล้าชนใครสักข้าง เอาแต่เป็นพรรคอันดับสองในรัฐบาล ตั้งแต่ยุคอภิสิทธิ์มาจนประยุทธ์ แล้วก็ใช้ “ประชาธิปไตยบ้านใหญ่” ดูดไปทีละพื้นที่

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าภูมิใจไทยได้ที่หนึ่ง พรรคฝ่ายค้านหนุนอนุทินเป็นนายกฯ 375 เสียง หัก 250 ส.ว. อนุทินเอาไหม

ตอบคำถามนี้ให้ได้เสียก่อน แล้วตอบคำถามต่อไป คุณจะเป็นพรรคแกนนำได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ ส.ส.ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล

คำถามนี้ทิ้งไว้ให้คิด

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_7268048 

...................................................................

2022-09-16 00:32

กรณ์ จาติกวณิช ทิ้งหัวหน้าพรรคกล้าไปพัฒนาชาติ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พูดคำใหญ่เสียงดังกังวาน เปิดตัวเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทยตามคาด

ในการเลือกตั้งที่จะถึง ใครมีโอกาสสักเท่าไหร่ ที่แน่ๆ พรรคกล้ามองไม่เห็น จึงอพยพย้ายลำเรือ อันที่จริงไม่แปลกอะไร การตั้งพรรคย้ายพรรคเป็นธรรมชาติการเมือง เพียงแต่ไม่น่าตั้งชื่อพรรคให้คนสรวลเสเฮฮาว่า “ช่างกล้า”

เลือกซ่อมหลักสี่อุตส่าห์ได้ 2 หมื่นคะแนน ผ่านไปครึ่งปีไหงไม่เห็นอนาคต มองให้ลึกลงไปก็ต้องชมกรณ์กล้าตัดสินใจ ไม่มีพื้นที่การเมืองให้ไปต่อ เพราะแยกจากประชาธิปัตย์ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นแหลมคมกว่า ในแง่จุดยืนการเมือง ก็แข่งกันว่าใครอนุรักษ์ ใครขวากว่า ระหว่างพรรคกล้า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยภักดี พรรครวมพลัง หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ใครจะด่าคนรุ่นใหม่ได้สะใจสลิ่มมากกว่า

เมื่อประชาธิปัตย์ยุคเฉลิมชัย-เดชอิศม์ ปรับตัวทิ้งภาพ “ดีแต่พูด” หันไปวางรากฐานการเมืองอุปถัมภ์ “บ้านใหญ่” กรณ์ก็ไม่มีทางเลือก ต้องจูบปาก สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ซึ่งอยากได้อดีตขุนคลังไปอัพเกรดพรรค ภายใต้จุดยืนเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง ใครเป็นรัฐบาลร่วมได้ทั้งนั้น

การเลือกตั้งที่จะถึง พรรคใหม่ พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก ไม่เพียงถูกบีบด้วยสูตร “หาร 100” พรรคใหญ่ได้เปรียบ พรรคกลางพรรคเล็กได้ ส.ส.น้อยกว่าสัดส่วนที่ประชาชนนิยมจริง

ในอีกมิติหนึ่งก็ถูกบีบจากการต่อสู้ทางอุดมการณ์ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ประยุทธ์ รัฐประหารสืบทอดอำนาจ รัฐบาลไร้ฝีมือไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งพรรคเพื่อไทยปฏิบัติการจิตวิทยา “แลนด์สไลด์” ปลุกคนให้เลือกเพื่อไทยเท่านั้นจึงเปลี่ยนรัฐบาลได้ เลือกเพื่อไทยเท่านั้นจึงแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ (ทั้งที่เพื่อไทยยังไม่ได้เปิดนโยบายหมัดเด็ดอะไรเลย แต่คนเชื่อฝีมือเก่า)

อีกมิติหนึ่งที่ตีคู่มาอย่างน่ากลัว คือการเมืองอุปถัมภ์ ระบอบบ้านใหญ่กินรวบทั้งจังหวัด “ประชาธิปไตยกินได้อิ่มหมีพีมัน” ไม่ต้องชี้ตัวก็เห็นกัน พรรคไหนอ้าปากกว้างดูด ส.ส.ไม่จำกัด ต่างตอบแทนด้วยโควตารัฐมนตรี งบประมาณ โครงการลงพื้นที่ “การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์” อย่างโจ๋งครึ่ม

“การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ โจ๋งครึ่มเกินไป”

อย่างที่สมคิดพูดนั่นแหละ แต่คนฟังอดหัวเราะไม่ได้ ใครนะ ตั้งพรรคกวาด ส.ส.เข้าคอกให้ประยุทธ์เมื่อปี 62 ไม่หันไปดูหน้าสองกุมารหน่อยเหรอ

ความหวังของสมคิดอยู่ตรงไหน เดาได้ไม่ยาก เมื่อดูจากความขัดแย้งทางการเมือง 3 ปีที่ผ่านมา ฟากหนึ่งคือรัฐประหารสืบทอดอำนาจ พรรคพลังประชารัฐรวมศูนย์อยู่ที่ป้อม “ใจบันดาลแรง” พรรคภูมิใจไทยมาแรงด้วยบุรีรัมย์โมเดล เอางบประมาณโครงการลงพื้นที่ พรรคประชาธิปัตย์ก็ปรับตัวตามแต่ยังหวังกระแสคนชั้นกลางเก่าในเมือง

อีกฟากคือพรรคเพื่อไทย ซึ่งดูเหมือนมีจุดแข็ง แต่ยิ่งตีปี๊บแลนด์สไลด์ก็ทำให้คนที่เกลียดกลัวทักษิณยิ่งวิตก ขณะที่พรรคก้าวไกลก็ถูกตีตราเป็นพรรคต้องห้าม อภิปรายตั๋วช้าง อภิปรายงบสถาบัน

มันจึงมีช่องเสนอตัวแบบ “คนตรงกลางๆ” ที่เข้าใจภาคธุรกิจ คนมองว่ามีฝีมือทางเศรษฐกิจ เกลียดคอร์รัปชั่น (บุฟเฟต์คาบิเนต-ผมจึงวอล์กเอาต์) พร้อมทำความเข้าใจคนรุ่นใหม่ รีฟอร์ม กระจายอำนาจ ประชาชนมีส่วนร่วม บลาๆๆ

ที่ยกมาไม่ใช่ให้ความสำคัญสมคิดหรือแอนตี้สมคิด แต่อยากชี้ทิศทางของความพยายามสร้างการเมืองสายกลาง ซึ่งไม่น่าใช่สมคิดคนเดียว จะมีคนจำนวนไม่น้อยคล้อยตามว่าถ้าเพื่อไทยกลับมา ประเทศจะวุ่นวาย จะเอาทักษิณกลับบ้าน ฉิบหายแน่ เราไม่ได้เกลียดทักษิณแต่ถ้ามีม็อบปิดเมืองไล่อีกเราจะเดือดร้อน หรือไอ้พวกก้าวไกล พรรคล้มเจ้า ถ้าได้เข้ามาเยอะ ม็อบสามนิ้วก็ฮึกเหิมไม่เป็นอันทำมาหากิน บลาๆๆ

ในทางตรงข้ามก็อาจส่งผล เช่นถ้าประยุทธ์เป็นนายกฯ อีก ฉิบหายแน่ เอาคนอื่นดีกว่า เอามาบริหารเศรษฐกิจ ประเทศไทยต้องคบให้ได้ทั้งอเมริกา จีน รัสเซีย อย่าโง่ คนพม่าฆ่ากันตายก็ช่างมัน

เลือกตั้งครั้งหน้า ในพื้นที่อุดมการณ์ทางการเมืองจะสู้กันหลากหลาย (แม้บางพรรคไม่สนใจตลาดอุดมการณ์ มุ่งการเมืองอุปถัมภ์อย่างเดียว ไม่หวัง ส.ส.กรุงเทพฯ ปริมณฑล) เช่น ปีกขวาน่าจะไปรวมกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติ “ขวาสุขุมวิท” หรือขวาแบบคนชั้นกลางระดับบน

ในอีกปีกหนึ่ง คนรุ่นใหม่ยังอยู่กับก้าวไกลมากกว่า แต่ระยะหลัง มีผลกระทบจากชัชชาติฟีเวอร์ “หาร 100” และปฏิบัติการจิตวิทยาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งโน้มน้าวให้คนเลือกพรรคเดียวเพื่อเอาชนะรัฐบาล

แนวทางประนีประนอม ผสมการเมืองอุปถัมภ์ อาจเป็นอีกทางเลือกของเครือข่ายอนุรักษนิยม ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้อาจไม่ใช่สมคิด แม้อาจเป็นคนอื่น ที่อ้างว่ากลางๆ

กลางๆ นี่แหละน่ากลัวเพราะมันทำลายการต่อสู้มาเยอะแล้ว

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_7257671 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar