lördag 7 juni 2014

ผู้ร้ายชื่อประชาธิปไตย ยุคปัจจุบันสังคมโลกสื่อสารกันด้วยระบบออนไลน์ อำมาตย์เผด็จการทรราชราชาธิปไตยคิดปิดประเทศให้ทหารปิดหูปิดตาประชาชนไทยยังไม่พอ คิดจะปิดหูปิดตาสังคมโลกอีกต่างหาก บ้าคลั่งสติแตกไม่หยุดทำลายตัวเองกู่ไม่กลับ คงอีกไม่นานคงอกแตกตาย นี่แค่สิบเจ็ดวันเผด็จการทหารคิดผิดคิดใหม่ได้นะยังไม่สาย ด้วยการคืนอำนาจรัฐให้ประชาชน แล้วทหารกลับเข้ากรมกอง อย่าลืมทุกประเทศในโลกใบนี้เขาอยู่ด้วยการเคารพกฎกติกาสากลร่วมกัน ไม่ใช่อยู่ภายใต้กฎทหารของประเทศไทยนะอย่าลืม

คอลัมน์ ใบตองแห้ง


"ฝรั่ง" ดูเหมือนจะกลายเป็น "ผู้ร้าย" ไปซะแล้วในสายตา ผู้ลากมากดี ผู้มีการศึกษา หรือกระทั่งนักเรียนนอก โทษฐานบังอาจเอา "ประชาธิปไตย" มาขาย พอไม่ได้ดังใจก็เรียกร้อง ประณาม

พูดอีกก็ถูกอีก เรื่องของคนไทย ฝรั่งไม่เกี่ยว แต่ห้ามเขาแสดงความเห็นได้ไหม ทำไมคนไทยยังเชียร์ซูจี ด่าอียิปต์ ลุ้นอาหรับสปริง

เมื่อชาวโลกเชื่อกติกาประชาธิปไตย ก็เป็นธรรมดาที่เขาไม่เห็นด้วย ซึ่งไม่เห็นเป็นไร เอาเข้าจริงฝรั่งก็ไม่กล้าบอยคอตสินค้า ถอนการลงทุน แค่งดความร่วมมือ ตัดความช่วยเหลือทางทหาร เรื่องจิ๊บจ๊อย

ผมเสียอีก ยังขำว่า "ดัดจริตประชาธิปไตย" เหมือน Amnesty International ประณามไปงั้น พี่สมชาย หอมลออ ประธาน A.I. ประเทศไทย ยังออกไทยพีบีเอสยืนยันว่าไม่มีละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นแค่ความยุติธรรมระยะเปลี่ยนผ่าน

ฉะนั้นถ้าอยาก "ตบหน้าฝรั่ง" ก็ต้องทำให้เห็นว่าเราถูกสิครับ เช่นทำให้เห็นว่า "รัฐประหารกินได้" ทำให้คนไทยมีความสุข สุขทุกฝ่าย สุขถ่ายรูป หรือถ้าจะให้ดี ก็ทำให้เห็นว่าคนไทยมีสิทธิเสรีภาพมากกว่า "ระบอบเลือกตั้ง"

แต่ถามจริง รัฐประหารที่ผ่านมา ทำให้ชาวโลกเชื่อหรือเปล่า รัฐประหาร 19 ก็ฆ่ากันกลางเมือง รัฐประหาร 34 ก็ฆ่ากันปี 35 รัฐประหาร 49 ก็แตกแยกยาวนาน มีม็อบยืดเยื้อปีเว้นปี

ถ้าครั้งนี้ทำให้ประเทศเจริญวัฒนาสถาพร ไม่แน่นะ นักรัฐศาสตร์ไทย เนติบริกร อาจได้เขียนตำราใหม่ว่าประเทศไทยนี่แหละพลิกตำรารัฐศาสตร์โลก

รัฐประหารครั้งนี้พิสดารกว่าปี 49 เพราะปี 49 นักวิชาการ นักเรียนนอก ยังอ้อมแอ้มว่ารัฐประหารเป็นหนทางที่ผิด แต่เราจำเป็นทำไงได้ มาครั้งนี้ไม่ใช่แล้วเพราะแทบจะเป็น "ฉันทามติ" กระทั่งดาราเซเลบ ว่ารัฐประหารถูก ประชาธิปไตยผิด

พิสดารเพราะคิดอย่างนี้อีกปีกว่าๆ เราจะกลับสู่ประชาธิปไตยทำไม เดินหน้าไปในระบอบนี้ให้วัฒนาสถาพรไม่ดีหรือ

"ประชาธิปไตย" ใช้ได้ผลมาทั่วโลก ก็เป็นธรรมดาที่นานาชาติเขาเชื่อถือ แต่เมื่อมันใช้ไม่ได้กับเมืองไทย เราจะบอกง่ายๆ "ประชาธิปไตยผิด" อย่างนั้นหรือ

ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง พูดอีกก็ถูกอีก เห็นพูดกันจัง แล้วประชาธิปไตยคือไร "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" ก็ท่องจำ หลัก 3 ข้อมีประโยชน์อะไรถ้าไม่ใช้กับความจริงว่า ประชาธิปไตยคือการยอมรับความแตกต่าง คือ "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" ที่จะแตกต่าง

คนไทยดูเหมือนจะไม่ยอมรับว่าประชาธิปไตยมาพร้อมกับทุนนิยม โลกของการแข่งขัน แย่งชิงผลประโยชน์ ไม่ใช่โลกพุทธธรรม แต่เป็นโลกที่เหลื่อมล้ำ จนฟอร์บส์จัดอันดับเศรษฐีมีเงิน 3-4 แสนล้าน นี่ไม่ใช่โลกพุทธธรรมแน่ๆ ประชาธิปไตยจึงต้องสร้างอำนาจต่อรองให้กับเสียงข้างมากผ่านการเลือกตั้ง สร้างหลักสิทธิเสรีภาพไว้ให้เรียกร้อง

ถ้าบอกว่าที่ผ่านมาไม่ได้ผล แล้วจะทำไงให้ประชาชนมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หรือจะนอนอ่านหนังสือพระ ดูการจัดอันดับไปเรื่อยๆ

ประชาธิปไตยใช้กับโลกสมัยใหม่ที่ซับซ้อน ผู้คนมีความรู้ ความคิดหลากหลาย มีเสรีที่จะเลือกวิถีชีวิตตัวเอง โดยไม่ต้องติดกรอบ ตราบใดที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ประชาธิปไตยจึงเหมือนถนน 3 เลน 4 เลน ที่ขับช้าเร็วได้ ในโลกประชาธิปไตย ความถูกต้อง ดีงาม ไม่จำเป็นต้องมีเพียงหนึ่งเดียว

ความพยายามจะให้คนคิดเหมือนกัน เชื่อเหมือนกัน เห็นตามกัน จึงไม่ใช่แค่ฝืนหลักประชาธิปไตย แต่ฝืนความเป็นจริงของโลก

ฝรั่งประสบความสำเร็จกับประชาธิปไตย ไม่ใช่เพียงเพราะเลือกตั้ง แต่เพราะเขาสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย จนเป็นสังคมที่กล้าคิดต่าง กล้าสร้างสรรค์

ประชาธิปไตยอเมริกันเข้มแข็ง เพราะมีพื้นฐานการปกครองตัวเอง จากชุมชนคาวบอยที่เลือกนายอำเภอ เลือกนายกเทศมนตรี มารวมเป็นเมือง เป็นรัฐ เป็นประเทศ คนอเมริกันไม่ได้ฉลาดกว่าเรา ท่องหนังสือแข่งกันเผลอๆ โง่กว่าพี่ไทยด้วยซ้ำ แต่วัฒนธรรมประชาธิปไตยทำให้กล้าคิด กล้าเถียง ขณะที่เด็กไทย 40 ปีผ่านไป ครูยังสอนเหมือนสมัยผมเป็นเด็ก

นั่นต่างหากที่ทำให้เขาประสบความ สำเร็จ รวมทั้งต่อต้านคอร์รัปชั่น เพราะวัฒนธรรมประชาธิปไตยทำให้กล้าท้าทายอำนาจที่เหนือกว่า กล้าแย้ง กล้าต่อสู้เรื่องผลประโยชน์

ฉะนั้นถ้าเราจะปฏิรูปประชาธิปไตย ต้องปฏิรูปอะไร ต้องสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ให้คนไทยคิดเหมือนกัน แล้วไปเลือกคนดี?

มีด้วยหรือครับ ประชาธิปไตยที่รีพับลิกันกับเดโมแครตคิดเหมือนกัน ลิเบอรัลกับคอนเซอร์เวทีฟคิดเหมือนกัน ยุโรปปัจจุบันมี 4-5 พรรคด้วยซ้ำ

สังคมไทยไม่เคยชินความเห็นต่าง กลัวความแตกต่าง เมื่อประชาชนเติบโตคิดแยกเป็น 2 ทางก็ไม่ยอมรับ บังคับว่าต้องถูกกับผิดเท่านั้น ซึ่งเป็นจริงไปไม่ได้ การกลับสู่ความสงบไม่สามารถคิดง่ายๆ "สลายสีเสื้อ" หากต้องยอมรับว่าแต่ละสีคิดต่างกันได้ ภายใต้กติกาที่ชาวโลกเรียกว่า "ประชาธิปไตย"
 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar