torsdag 19 juni 2014
หนึ่งเดือนกำลังจะผ่านไป คนสั่งยึดอำนาจลอยนวลไม่รับผิดชอบกับผลที่ตามมา กับคำสั่งให้ทหารปล้นยึดอำนาจครองเมือง . ประเทศชาติกำลังจะล้มละลายปัญหาต่างๆรุมเร้ารอบด้าน "คสช" จิตใจร้อนรุ่มเหมือนมีไฟนรกเผาผลาญ หาทางออกไม่เจอ.เจอแต่เหวลึก..สังคมไทยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทรราชราชาธิปไตยมายาวนาน เหมือนคนป่วยหนักเกินจะเยียวยา ..ต่อให้มีร้อยประยุทธ์ใช้ร้อยกฎเผด็จการก็ไม่มีวันแก้ปัญหาได้ ถ้าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ อำนาจเผด็จการและเงินตราของอำมาตย์ทรราชไม่สามารถซื้อใจและความเชื่อมั่นศรัทธาจากประชาชนได้ "ใจต้องซื้อด้วยใจเท่านั้น " คสช.ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศว่าเขาต้องการอะไร?? เพราะประชาชนไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาในการยึดอำนาจครั้งนี้ ..."คสช"ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเท่านั้นไม่ใช่มาไล่จับประชาชน..แล้วยัดเยียดข้อหา จับขังคุก ปรับเปลี่ยนนโยบายก่อนที่จะสายเกินไป. ..
บทความเขียนลงข่าวหุ้น
อยากให้คำปรึกษา คสช.จัง (ฮา)
ทั่นมีเวลา 3 เดือนกว่าๆ นะครับ ที่จะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแก้ปัญหาให้ถึงรากถึงโคน
เพราะถ้าเพียงแค่แก้ปัญหาตามปรากฏการณ์ มันทำอะไรไม่ได้
บางเรื่องก็ยุ่งไปใหญ่ เช่น อยากแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
พอแตะปั๊บกลับกลายเป็นสร้างความแตกตื่น แรงงานเขมรหนีกลับเป็นแสน
ถ้าจะสร้างผลงานก็ต้องใช้โอกาสนี้ รื้อระบบทั้งหมดให้มีการจ้างงานอย่างถูกกฎหมาย เป็นธรรม
คุ้มครองสิทธิเท่าแรงงานไทย ถามว่าจะทำได้ไหม อันนี้ทำได้นะ ไม่ต้องรอเลือกตั้งหรอก
รัฐวิสาหกิจก็เหมือนกันครับ ไม่ยอมให้แปรรูป ก็ต้องปฏิรูปใหญ่
แตะแค่เงินเดือนค่าตอบแทนกรรมการ ก็ไปไม่ถึงไหน
ปราบมาเฟีย รถตู้ แมงกะไซค์ ยาเสพย์ติด ตัดไม้ทำลายป่า
ถ้าไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ก็แค่ "ไฟไหม้ฟาง" เดี๋ยวก็มีเหลือบตัวใหม่
พูดไม่ทันขาดคำ บทความนี้เขียนก่อนตอนเย็นวาน
ตกค่ำก็มีข่าวท่านจะให้ขายลอตเตอรี่ 80 บาทอีกแล้ว
ก็ดีนะแต่ต้องรื้อระบบโควต้าทั้งหมด แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด ต้องหวยบนดินสิครับ
แก้ให้ถึงราก
คสช.ต้องประกาศมาตรการชั่วคราวแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว
เคลียร์ความเข้าใจว่าไม่ได้มีนโยบาย “กวาดล้างปราบปราม”
หลังแรงงานกัมพูชานับแสนคน แตกตื่นหนีกลับบ้านอย่างไม่เคยเห็นกันมาก่อน
กระทั่งวิตกว่าจะเกิดผลกระทบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการก่อสร้างและประมง
ถามว่าเป็นเพียงพิษ “ข่าวลือ” เท่านั้นหรือ
ถ้าดูข่าวย้อนหลังจะพบว่าหลัง คสช.มีคำสั่งฉบับที่ 59 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2557
ตั้งคณะกรรมการนโยบายจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน
วันถัดมา พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกก็แถลงว่า
คสช.จะเร่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวเพื่อความมั่นคง
หากตรวจสอบพบแรงงานที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายและส่งตัวกลับ
แน่นอนว่าท่านไม่ได้สั่งให้กวาดล้างปราบปรามอย่างไร้มนุษยธรรม
ท่านคงเจตนาดี อยากแก้ไขปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง
ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นคง หากยังทำให้เสียภาพลักษณ์
เมื่อถูกโจมตีว่าประเทศไทยใช้แรงงานต่างด้าวเยี่ยงทาส
เพียงแต่ปัญหาแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องอ่อนไหว
มีผลประโยชน์นอกระบบสูง
เมื่อ คสช.ขยับตัว ก็กระเพื่อมทันที ทั้งในแง่จิตวิทยาและผลที่เป็นจริง
เพราะ คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จ แค่ท่านพูดยังไม่ต้องออกคำสั่งเป็นทางการ
ข้าราชการก็เต้น ผลักภาระออกจากตัว นายจ้างก็ลอยแพคนงาน
ตำรวจก็ลูบปากหวานคอแร้ง ฯลฯ
แรงงานจึงโกลาหลอลหม่าน หนีกลับบ้านยังดีกว่าถูกจับ ถูกปรับ ถูกขัง
ท่านต้องตระหนักนะครับว่า อำนาจ คสช.
เป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ชี้เป็นชี้ตาย ท่านพูดท่านขยับอะไร
จึงไม่เหมือนนักการเมือง ซึ่งชาวบ้านรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น
คำถามคือเมื่อมาถึงขั้นนี้ จะทำอย่างไรต่อ
ขอยืนยันว่าเจตนารมณ์ “จัดระเบียบ” ถูกต้องแล้ว
เมื่อ คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
ก็ต้องเดินหน้าไป เพียงทำความเข้าใจว่าไม่ได้มุ่งจัดการแรงงานต่างด้าว
ไม่ได้คิดไล่พวกเขา หากมุ่งจัดการขบวนการค้ามนุษย์ มุ่งแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ
เพื่อคุ้มครองแรงงานทุกชาติตามหลักสิทธิมนุษยชน
เราคงหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง ให้เศรษฐกิจไทยหวังพึ่งแรงงานผิดกฎหมายนับล้านนี้ไม่ได้
ต้องยอมรับนะครับ แรงงานต่างด้าวเป็นแหล่งผลประโยชน์ใหญ่
ตั้งแต่เดินทางเข้าออก ไปจนเดินทางข้ามเขต
ซึ่งมีกฎเข้มงวดแบบทุเรศๆ เช่นขึ้นทะเบียนสมุทรปราการ
บ้านอยู่สำโรง ข้ามเขตมาบางนาไม่ได้ เดินไม่กี่ก้าวโดนตำรวจรีดไถ
มองให้กว้างออกไปจากปัญหาแรงงานต่างด้าว
เรื่องต่างๆ ที่ คสช.กวดขันอยู่ตอนนี้ก็เช่นกัน
ตั้งแต่มาเฟียรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ ไปถึงปัญหายาเสพย์ติด ตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ
คำถามจากประชาชนคือทำอย่างไรจะไม่เป็นไฟไหม้ฟาง
ท่านทำได้ท่านปราบได้ แต่อีกไม่นานก็มี “เหลือบตัวใหม่”
เหมือนที่เคยเป็นมาหลายยุคหลายสมัย เช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง
ซึ่งปัญหาไม่ใช่แค่ค่าตอบแทนกรรมการ หรือความโปร่งใสจัดซื้อจัดจ้าง
แต่เรื่องเรื้อรังคือรัฐวิสาหกิจบางแห่งก็สมควร “ปฏิรูปใหญ่” อันที่จริงบางแห่งควร “แปรรูป” ด้วยซ้ำ
แต่เมื่อถูกต่อต้าน ก็ต้องปฏิรูปแบบยกเครื่องใหม่ ลดขนาด เปลี่ยนบทบาทหน้าที่ ฯลฯ
ซึ่งมีแต่อำนาจ คสช.นี่แหละที่ใช้ได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร
คสช.มีเวลา 3 เดือนเศษที่จะใช้อำนาจเด็ดขาดแก้ปัญหาหลายเรื่องให้ถึงราก
นี่ผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว เหลืออีก 2 เดือน ต้องเร่งทำ อำนาจ คสช.วันนี้ไม่มีขีดจำกัด
แก้กฎหมายแก้ระเบียบต่างๆ ได้โดยไม่ติดขั้นตอน
ถ้ามีธรรมนูญชั่วคราว มีรัฐบาลชั่วคราว มีสภานิติบัญญัติ ก็ต้องกลับสู่กระบวนการ
แม้ยังไม่ใช่กระบวนการจากเลือกตั้งก็ตาม
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar