fredag 1 augusti 2014
มุมมองที่น่าสนใจของ ความเห็นของผู้รักประชาธิปไตยกลุ่มหนึ่ง. "เอามาเล่าสู่กันฟัง." ให้คนในสังคมไทยได้รับรู้และติดตามสถานการณ์ความเป็นจริงได้อย่างถูกต้อง....
-เป็นความเห็นของผู้รักประชาธิปไตยกลุ่มหนึ่งที่มองสถานการณ์วันนี้ เอามาเล่าสู่กันฟัง
1. การเคลื่อนไหวต่อต้านในประเทศนั้นแม้จะมีข้อจำกัดด้วยกฎอัยการศึกและวิธีเผด็จการ ที่ตอนนี้ฝ่ายเขาพยายามใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาคือการข่มขู่ จับกุมคุมขัง ฯลฯ เป็นวิธีการปกติที่เกิดขึ้นในระยะแรกของรัฐประหารในทุกประเทศ แต่ข้อด้อยก็คือมันทำได้ไม่นาน เพราะประชาชนจะเรียนรู้วิธีจัดการ ทั้งไม่สามารถเปลี่ยนความคิดได้ด้วย แต่เพิ่มความโกรธแค้นได้ เมื่อคนถูกกดและเจอความทุกข์ยากกันจนอยู่ไม่ไหวแล้ว ก็จะตอบโต้ทุกวิถีทาง สงครามกับคอมมิวนิสต์และสถานการณ์ภาคใต้คือตัวอย่าง
2. การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จแบบสมัยสฤษดิ์เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ในวันนี้ และถ้าทำ ฝ่ายเผด็จการอำมาตย์จะกลายเป็นมหาโจรของโลกในทันที แว่ว ๆ ว่ามีการส่งคำร้องขอมายังฝ่ายประชาธิปไตยให้ช่วยเจรจาผ่อนปรนการกดดันของตะวันตกลงบ้าง โดยอ้างความเป็นอยู่ของคนไทยเป็นเหตุผล แต่คงไม่มีใครช่วย เพราะเขาไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ตอนนี้ความฉิบหายทางเศรษฐกิจแสดงออกมากมายแล้ว ไม่ยอมถอยก็จะหนักมาก
3. แม้ข่าวจะดูว่าสงบ แต่เป็นครั้งแรกของรัฐประหารไทยที่ประชาชนแสดงการต่อต้านมากมายตั้งแต่วันแรก ๆ มีการเปิดหน้าสู้ให้เห็นโดยบุคคลสำคัญและไม่สำคัญกันหลากหลาย แนวทางแม้จะไม่เหมือนกันแต่เป้าหมายตรงกัน คือ “ไม่เอา” ทั้งยังขยายขอบเขตของการ “ไม่เอา” ออกไปกว้างขวางมากกว่าทุกครั้ง คนไม่แดงอย่าง ชูวิทย์ ลีน่าจัง ฯลฯ ก็ออกมาต้านเปิดเผย รัฐประหารสมัยก่อนนิ่งกว่านี้เยอะ
4. การต่อต้านของวงการธุรกิจนั้นอาจไม่เป็นข่าว แต่ความจริงคือมีการต่อต้านแบบอ้อมกันไปทั่ว นั่นคือชะลอการขยายตัวทางธุรกิจบ้าง ขายหุ้นเอาเงินสดมาเก็บไว้ก่อนบ้าง ฯลฯ วงการอสังหาริมทรัพย์นั้นชัดเจนมาก หลายโครงการขอหยุดชั่วคราวรอดูว่าจะเอากันอย่างไรดีต่อไป ส่วนใหญ่ชะลอไปจนสิ้นปี แม้แต่แบงก์ก็ไม่ค่อยปล่อยสินเชื่อ ธุรกิจท่องเที่ยวไม่มีทัวริสต์ เรื่องพวกนี้ไม่มีสื่อไหนพูด แต่ไปถามนักธุรกิจดูได้ว่าจริงไหม
5. พวกรัฐประหารขยายฐานศัตรูออกไปกว้างมาก โดยเฉพาะในหมู่ข้าราชการจากการย้ายแบบบ้าเลือด กองทัพแม้จะดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ต้องรอการโยกย้ายตุลาคมนี้ ตำรวจนั้นไม่ต้องพูดถึง หงุดหงิดแต่รอจังหวะโอกาสกันอยู่เป็นส่วนใหญ่ ตำรวจก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เกรงใจ ข่าวตำรวจจับทหารค้ายา ค้าของเถื่อน เรียกค่าคุ้มครอง ข่มขืนวัยรุ่น จึงมีแทบทุกวัน ขอให้สังเกตว่าปิดข่าวไม่มิด
6. พวกรัฐประหารไม่กล้าใช้มาตรการเผด็จการเต็มรูปแบบได้ทุกเรื่องอย่างที่สร้างภาพ ขอให้ดูการกลับหลังหันในเรื่องคำสั่งควบคุมสื่อมวลชน การเคลื่อนไหวทางความคิดในโซเชียลมีเดียก็ยังคงดำเนินอยู่ ไม่ต่างจากหลังสิบเก้ากันยา เพราะผู้รู้วิธีและช่องทางในการสื่อสารแบบไร้ปัญหามีมากมาย แต่ที่ต่างกันก็คือ ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องร่วมศึกษาอะไรกันอีกแล้ว เพราะชัดเจนหลังผ่านการต่อสู้ร่วมกันมาหลายปี
ขอเว้นที่ว่างตอนท้ายไว้ให้เห็นต่างได้ อย่าได้ฟังความข้างเดียวแบบพวกขบวนการอยุติธรรมชาวสารขัณฑ์โดยเด็ดขาด
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar