จาก สปริงนิวส์http://news.springnewstv.tv/53563/ไมโครซอฟท์ย้ายฐานการผลิตโทรศัพท์มือถือไปเวียดนาม
Microsoft ซึ่งเข้าซื้อกิจการโนเกียเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยงบ 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 210,000 ล้านบาท ประกาศว่าจะปิดโรงงานในฮังการี ลดกำลังการผลิตในโรงงานที่จีนและเม็กซิโก โดยเปลี่ยนฐานการผลิตโทรศัพท์มาที่จังหวัดบั๊กนิญ ของเวียดนามแทน ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะปรับโครงสร้างของโนเกีย โดยการเลิกจ้างพนักงาน 18,000 คนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่จีน
สตีเฟน อีลอบ ผู้อำนวยการด้านการออกแบบของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทคือการย้ายฐานการผลิตและการตลาด ไปยังตลาดใหม่ที่ Windows Phone ได้เปรียบคู่แข่ง และการผลิตของไมโครซอฟท์จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตามยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการย้ายฐานการผลิตมายังจังหวัดบั๊กนิญของเวียดนาม โรงงานที่เวียดนามจะเพิ่มสายการผลิตเป็น 39 ประเภทภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมผลิตเพียง 6 สายการผลิตในปี 2013 เท่ากับว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3 เท่า
ขณะเดียวกันซัมซุงซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศว่า กำลังจะย้ายฐานการผลิตเกือบทั้งหมดจากจีนมายังเวียดนามด้วย เช่นกัน โดย Samsung Electronics Vietnam ได้ใช้งบลงทุนมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 60,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานอันล้ำสมัยที่จังหวัดท้ายเงวียน (Thai Nguyen)
คาดการณ์ว่าหากเขตอุตสาหกรรมเยนบิงห์ในท้ายเงวียนเริ่มการผลิตอย่างเต็มรูปแบบในปี 2015 โทรศัพท์มือถือของซัมซุงมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่ส่งออกไปทั่วโลกจะผลิตขึ้นในเวียดนาม
ด้าน Intel and LG ก็มีฐานการผลิตที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์หรือราว 30,000 ล้านบาทในเวียดนาม และขณะนี้บริษัทข้ามชาติหลายบริษัทได้เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ เพราะเริ่มประสบปัญหาในจีน
ทั้งนี้ เวียดนามมีการเมืองที่มั่นคงและจำนวนประชากรคนหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยทำงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตยังต่ำ และรัฐบาลเปิดประตูรับนักลงทุนผ่านนโยบายหลายๆ อย่าง จึงทำให้ปัจจุบันเวียดนามกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของบริษัทข้ามชาติทั้งหลายไปโดยปริยาย
ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์
....................................................
บลูมเบิร์กรายงาน อินโดนีเซียขึ้นแท่นประเทศที่มีตลาดรถยนต์ใหญ่
ที่สุดในอาเซียน แซงหน้าประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
โดยยอดขายรถยนต์ในอินโดฯประจำปีนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านคัน
ส่วนไทยอยู่ที่ 1 ล้านคัน อินโดฯเพิ่ม 6.6% ในครึ่งปีแรก ส่วนไทยลดลง 40%
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอินโดฯเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 20 เดือน
หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้นักลงทุนมั่นใจ เข้ามาลงทุนในอินโดฯมากขึ้น via@sutthiporn_b
www.voicetv.co.th
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar