รายละเอียดมีดังต่อไปนี้
1.ภรณ์ทิพย์ หรือ กอล์ฟ
วันที่ถูกจับ : 15 ส.ค.2557 (ปัจจบุันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
กอล์ฟ หรือที่หลายคนเรียกว่า กอล์ฟ เด็กปีศาจ อายุ 25 ปี พื้นเพเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก แม่ของเธอทำไร่มันสำปะหลัง
เธอถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก่อนหน้าวันเกิดของเธอ 1 วัน
เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวที่สนามบินหาดใหญ่ระหว่างกำลังจะเดินทางไป
ศึกษาต่อยังต่างประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่าหมายจับออกมาตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.2557 โดยไม่มีหมายเรียก
ตำรวจตั้งข้อหาว่าเธอมีส่วนเกี่ยวพันกับละครเวทีเรื่อง เจ้าสาวหมาป่า
ละครที่หลายคนมองว่าเป็นละครตลกเสียดสีสังคม การเมือง จัดแสดงเมื่อวันที่
6 ต.ค.2556 (เวอร์ชั่นสั้น) และ 13 ต.ค.2556 ในงานรำลึก 14 ตุลาฯ
ที่หอประชุม มธ.
ก่อนหน้าที่หมายจับจะออก เพื่อนๆ
ในกลุ่มประกายไฟถูกเรียกรายงานตัวโดยคำสั่ง คสช. หลายคน
รายงานข่าวแจ้งว่าทุกคนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับละครเรื่องนี้เนื่องจากนักแสดง
บางส่วนนั้นมาจากกลุ่มประกายไฟการละคร
ทั้งนี้กลุ่มประกายไฟการละครเป็นกลุ่มละครที่แยกออกมาต่างหากจากกลุ่ม
ประกายไฟซึ่งเป็นกลุ่มศึกษาการเมือง ประกายไฟการละครก่อตั้งในราวปี 2553
และปิดตัวในอีก 2
ปีถัดมาเนื่องจากปัญหาภายในของสมาชิกที่ต้องการศึกษาทฤษฎีการเมืองเพิ่มเติม
จุดมุ่งหมายของกลุ่มประกายไฟการละครคือทำละครให้เข้าถึงชนชั้นรากหญ้าและใช้
ละครเป็นสื่อทางวัฒนธรรมในการสื่อสารเรื่องสังคมการเมือง
อย่างไรก็ตาม
กอล์ฟถือได้ว่าเป็นนักกิจกรรมรุ่นใหม่ที่ทำกิจกรรมทางสังคมมาตั้งแต่อยู่
ชั้นมัธยมปีที่ 5
เธอทำกิจกรรมเรื่อยมาจนแม้กระทั่งหลังจบการศึกษาที่คณะรัฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หลังการจับกุมที่สนามบินหาดใหญ่
กลางดึกคืนนั้นตำรวจได้ส่งตัวเธอมาควบคุมยังห้องขัง สน.ชนะสงคราม
ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ(แสดงละคร)
ท่ามกลางเพื่อนฝูงที่มาคอยให้กำลังใจหลายสิบคน
เธอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
วันรุ่งขึ้นตำรวจได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดแรกต่อศาลอาญา
ขณะที่เพื่อนฝูงของเธอนำเงิน 500,000 บาทขอประกันตัว ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน
เธอถูกนำไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางจนปัจจุบัน
2.ปติวัฒน์ หรือ แบงก์
วันถูกจับกุม : 14 ส.ค.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
ปติวัฒน์ หรือ แบงก์ อายุ 23 ปี กำลังเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาเลือกเรียนเอกดุริยางคศิลป์และการแสดงพื้นบ้าน
ทั้งที่คะแนนของเขาในการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนั้นสามารถเรียนคณะสาธารณ
สุขได้ สิ่งที่เขาสันทัดมากคือการแสดงหมอลำ จนกระทั่งเขาได้ฉายาว่า
‘บักหนวดเงินล้าน ปฏิภาณลือชา’
เขามีฝีไม้ลายมือระดับรับจ้างเจ้าภาพในจังหวัดต่างๆ
เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองได้
ผลงานของเขามีมากมายดังที่ปรากฏในยูทูปและได้รับรางวัลระดับชาติก็ไม่น้อย
นอกจากนี้เขายังสนใจประเด็นสังคมการเมืองทำกิจกรรมชุมนุมซุ้มเกี่ยวดาวซึ่ง
สนใจประเด็นเชิงสังคม
ต่อมาได้รับเลือกเป็นประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน ( สนนอ.)
ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวในประเด็นการศึกษา สิทธิและเสรีภาพ
ตลอดจนสังคมการเมือง
ก่อนหน้าวันที่ถูกจับกุม 1 วัน
เจ้าหน้าที่ทหารติดต่อขอพบเขาที่คณะเพื่อถ่ายรูปเป็นหลักฐาน
วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ทหารติดต่อนัดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยแจ้งว่าจะขอ
ให้เซ็นต์ข้อตกลงว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง
เมื่อปติวัฒน์เดินทางไปพร้อมรองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนพาไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น
แบงก์ให้การรับว่าเป็นผู้ร่วมแสดงจริง
ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัวเขาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขอฝากขังต่อศาลอาญา
ทนายได้ยื่นประกันตัวด้วยเงินสด 300,000 บาทแต่ศาลไม่อนุญาต
ปัจจุบันเขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
โดยยังมีความกังวลว่าอาจจะพ้นสภาพนักศึกษาเนื่องจากยังไม่ได้ลงทะเบียนใน
เทอมใหม่
เหตุแห่งการจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 และ 13 ต.ค. 2556 ผู้ต้องหาได้ร่วมแสดงละครเวทีเรื่องเจ้าสาวหมาป่าเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า ‘เจ้าสาวหมาป่า’ กลายเป็นประเด็นใหญ่จากรณีที่วันที่ 30 ต.ค.2556 เครือข่ายเฝ้าระวัง พิทักษ์และปกป้องสถาบัน มี
การจัดประชุมสมาชิกเครือข่าย โดยมีผู้เข้าร่วมราว 200-300 คน
เพื่อแจกจ่ายคลิปดังกล่าวและนัดแนะให้เครือข่ายฯ เข้าแจ้งความตามมาตรา 112
ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่สมาชิกอยู่อาศัย
3.อัครเดช หรือ เค
วันถูกจับกุม : 18 มิ.ย.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112 และ มาตรา 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
ข้อมูลเพิ่มเติม
อัครเดช อายุ 24 ปี เขาเป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ แต่
‘ซิ่ว’ มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร คณะวิศวกรรมศาสตร์
เช่นเดียวกับพ่อของเขา
เขาถูกจับกุมตัวที่หอพักย่านหนองจอก สืบเนื่องจากต้นเดือนมีนาคม 2557
มีผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเขาที่ สน.สุทธิสาร จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊ก
จำนวน 1 ข้อความ
ซึ่งเขาระบุว่าเป็นการโพสต์ข้อความโต้ตอบเรื่องการเมืองกับคนในเฟซบุ๊ก
ต่อมาหลังรัฐประหาร ในวันที่ 18 มิ.ย.2557
ตำรวจได้เข้าจับกุมเขาที่ห้องพักและยึดคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร
พร้อมนำตัวเขามาควบคุมตัวที่ สน.2 วัน
เขารับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อดังกล่าวจริง
จากนั้นเขาถูกฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพฯ พ่อของเขานำเงิน 200,000
บาทยื่นขอประกันตัว แต่ศาลปฏิเสธ
ทนายจำเลยยื่นประกันอีกรวมเป็น 4 ครั้งแต่ศาลสั่งยกคำร้อง
จากนั้นทนายอุทธรณ์คำสั่งโดยให้เหตุผลการเปิดเทอมและโอกาสการเรียนในปีสุด
ท้ายก่อนจบการศึกษา แต่ศาลยังคงปฏิเสธการให้ประกันตัว
ปัจจุบันเขายังคงถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
4. อภิชาติ
วันถูกจับกุม : 23 พ.ค.2557 (ปัจจุบันฝากขัง แต่ได้ประกัน)
ข้อหา : ฝ่าฝืนกฎอัยการศึก จากนั้นถูกแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
อภิชาติอายุ 25 ปี พื้นเพเป็นคนภาคใต้ กำลังจะสำเร็จหลักสูตรบัณฑิตอาสา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)
และกำลังจะเข้าเรียนปริญญาโทอีกใบในคณะนิติศาสตร์
มธ.ขณะถูกจับกุมเขาเพิ่งทำงานที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.)
ได้ไม่กี่เดือน
หลังรัฐประหาร 1 วัน
อภิชาติเป็นคนหนึ่งที่ออกมาร่วมประท้วงที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ
และถูกทหารจับกุมตัวไปเนื่องจากชูป้ายแสดงข้อความว่า “ไม่เอาอำนาจเถื่อน”
เขาถูกทหารควบคุมตัวพร้อมคนอื่นอีก รวม 4 คน หนึ่งในนั้นคือ ธนาพล อิ๋วสกุล
บก.วารสารฟ้าเดียวกัน เจ้าหน้าที่นำตัวทั้งหมดไปที่กองพลทหารม้าที่ 2 รอ.
(สนามเป้า) 1 คืน ก่อนจะนำตัวไปขังที่กองบังคับการปราบปราบ หลังครบกำหนด 7
วัน อภิชาติถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112
โดยอภิชาติให้การภาคเสธในชั้นตำรวจตามคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่ง
เขาระบุด้วยว่าในทัศนะของเขาข้อความดังกล่าวไม่มีอะไรละเมิด
เป็นแต่เพียงการตั้งคำถามและการแสดงความคิดเห็น
และตำรวจน่าจะนำข้อความดังกล่าวมาจากคู่ขัดแย้งของเขาซึ่งเป็นคนดังใน
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมและเคยนำข้อความเดียวกันนั้นเองมาข่มขู่กลั่นแกล้งเขาในโลก
ออนไลน์
อภิชาติอยู่ในเรือนจำนาน 26 วัน โดยทนายได้ยื่นขอประกันตัวรวม 2 ครั้ง
ครั้งแรกศาลไม่อนุญาตประกันระบุว่าตำแหน่งของรองอธิการบดีที่ใช้ค้ำประกัน
นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา
ครั้งที่สองศาลไม่อนุญาตเพราะเป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี
จนครั้งสุดท้ายทนายจำเลยใช้วิธีคัดค้านการฝากขังของพนักงานสอบสวน
และนำพยานต่างๆ รวมถึงอาจารย์จากหลักสูตรบัณฑิตอาสาขึ้นให้การ
ทำให้ศาลไม่อนุญาตฝากขังต่อ และสั่งปล่อยตัวเขาในวันที่ 24 มิ.ย.57
5. สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด หรือ หนูหริ่ง
วันถูกจับกุม : 5 มิ.ย.2557 (ปัจจบุันฝากขัง แต่ได้ประกัน)
ข้อหา : ฝ่าฝืนไม่รายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2557 ต่อมาถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
สมบัติเป็น ‘แกนนอน’ ของคนเสื้อแดงมายานาน
เป็นที่รู้จักในฐานะนักกิจกรรมแถวหน้าที่มักสร้างกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ
หลังรัฐประหารครั้งล่าสุด เขาไม่ยอมรายงานตัวตามคำสั่งคสช.
ทั้งยังออกเคมเปญ ‘catch me if you can’ ท้าทายผู้มีอำนาจ
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวเขาได้ที่จังหวัดชลบุรีในเวลาต่อมา
สมบัติพร้อมเพื่อนสนิทรวม 4 คนถูกควบคุมตัวโดยทหารโดยไม่ทราบสถานที่รวม 7
วัน ต่อมาคนใกล้ชิดของเขาถูกปล่อยตัวทั้งหมด
ส่วนเขาถูกแจ้งข้อกล่าวหาขัดคำสั่ง คสช.
และปลุกปั่นยั่วยุให้เกิดความแตกแยก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
เขาถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อยู่ไม่กี่วัน ตำรวจจาก
สภ.ร้อยเอ็ด ได้เดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112
กับเขาเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา ต้นเรื่องผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษคือ iPad
หรือ วิพุธ สุขประเสริฐ มือหนึ่งในการแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 112
กับผู้เห็นต่างทางการเมืองหลายราย
ซึ่งในกรณีนี้เขาได้แจ้งความสมบัติไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557
สมบัติระบุว่าภาพที่ถูกนำไปฟ้องนั้นเป็นภาพตัดต่อล้อเลียนกลุ่ม กปปส.
และพรรคประชาธิปัตย์ 1 ภาพที่แชร์มาจากที่อื่นอีกทีหนึ่ง
โดยตัดรูปใบหน้าของคนประชาธิปัตย์ใส่แทนหน้าของคณะรัฐประหาร คมช.
โดยมีสุเทพและภรรยาอยู่ด้านหลัง
ต่อมาวันที่ 1 ก.ค. เขาถูกส่งตัวไปสอบปากคำที่ สภ.ร้อยเอ็ด
ภรรยาของสมบัติได้ใช้เงินสด 300,000
บาทยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนและได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
แต่มีเงื่อนไข ห้ามยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ห้ามยุยงปลุกปั่นประชาชนให้ละเมิดต่อกฎหมาย และห้ามออกนอกประเทศ
6. สิรภพ หรือรุ่งศิลา
วันถูกจับกุม : 25 พ.ค.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : ฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 41/2557 ต่อมาถูกแจ้งข้อหา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3)
ข้อมูลเพิ่มเติม
รุ่งศิลา อายุ 51 มีชื่ออยู่ตามคำสั่งเรียกรายงานตัวของ คสช.
แต่เขาไม่ต้องการเข้ารายงานตัวและเตรียมหาทางเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR ระหว่างทางเขาถูกจับกุมตัวที่
จ.กาฬสินธุ์โดยกลุ่มทหารอาวุธครบมือ เขาถูกนำตัวไปคุมขังที่ค่ายทหารใน
จ.กาฬสินธุ์และอุดรธานีแห่งละ 1 วัน
จากนั้นจึงนำตัวมายังค่ายทหารในกรุงเทพฯ คุมขังต่อจนครบ 7 วัน
จากนั้นจึงถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.
วันที่ 2 ก.ค.รุ่งศิลาถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร และศาลอนุญาตให้ประกันตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเขาถูกนำตัวมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เพื่อทำการปล่อยตัว
ก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ
อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) มารออายัติตัวต่อเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา
112 ต่อ และทำให้เขาต้องถูกควบคุมตัวในเรือนจำต่อจนปัจจุบัน
รุ่งศิลา มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
เขาเป็นคนที่รักการอ่านและสนใจการเมืองมาแต่ไหนแต่ไร
จากปากคำของลูกสาวที่บอกว่าพ่ออ่านหนังสือเยอะมากและที่บ้านเต็มไปด้วย
หนังสือหลากประเภท
รุ่งศิลาเป็นที่รู้จักในโลกไซเบอร์เนื่องจากเป็นผู้แอคทีฟทางการเมืองตาม
เว็บบอร์ดต่างๆ ตั้งแต่สมัยหลังรัฐประหารปี 2549
จากนั้นเขาสร้างบล็อกของตนเองเพื่อเผยแพร่บทกวีการเมือง
บทความทางการเมืองรวมถึงบทความทางทหาร
โดยรุ่งศิลาระบุว่าทั้งบทกวีและความรู้ทางการทหารนั้นเป็นสิ่งที่เขาสนใจ
ศึกษาด้วยตนเอง นอกจากนี้เขายังยืนยันว่าเขาไม่เคยไปร่วมการชุมนุมใดๆ
เลยและเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่มีเครือข่าย
อาศัยเพียงเผยแพร่สิ่งที่ตนเองคิดทางอินเทอร์เน็ต
รุ่งศิลามีลูกชายหญิง 3 คน เรียนมัธยมปลาย มหาวิทยาลัย และเพิ่งจบการศึกษา
ลูกทั้งสามคนอยู่บ้านที่จังหวัดสงขลาก่อนที่เขาจะโดนจับกุมและทหารได้เข้า
ตรวจค้นบ้าน จากนั้นคุมตัวทั้ง 3 คน พร้อมหลานวัยไม่ถึง 1
ขวบในช่วงบ่ายวันหนึ่งเพื่อนำตัวไปสอบข้อเท็จจริงที่ค่ายทหารในจังหวัดสงขลา
จนกระทั่งราวเที่ยงคืน จึงปล่อยตัวทั้งสี่คนออกมา
7. ทะเนช
วันถูกจับกุม : 2 ก.ค.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112 และ มาตรา 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ข้อมูลเพิ่มเติม
ทะเนชอายุ 45 ปี พื้นเพเป็นชาวเพชรบูรณ์
มีอาชีพขายอาหารเสริมบำรุงพืชผลทางการเกษตรทางอินเตอร์เน็ต
พี่สาวของเขาเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กของครอบครัวลำบากมาก
พี่สาวเป็นผู้ดูแลเขาเป็นหลัก เหตุที่ชื่อของเขาเขียนแปลกแทนที่จะเป็น
‘ธเนศ’ เช่นคนอื่นก็เพราะพี่สาวซึ่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
เป็นผู้สอนการสะกดชื่อให้เขา แต่สะกดผิด เขาเคยมาทำงานที่กรุงเทพฯ หลายปี
แต่ต่อมาต้องกลับไปอยู่ใกล้กับพี่สาวที่เพชรบูรณ์เนื่องจากความป่วยไข้ด้วย
โรคประจำตัวและอาการหลอน
เขาถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าควบคุมตัวที่บ้านพักในวันที่ 2 ก.ค.57
และถูกคุมตัวอยู่ในค่ายทหารจังหวัดเพชรบูรณ์จนครบ 7 วัน
จากนั้นถูกนำตัวส่งให้กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (ปอท.)
ในวันที่ 8 ก.ค. ขณะที่หมายจับลงวันที่ 7 ก.ค.
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนโดยกล่าวหาว่าเขาได้ส่งอีเมล์ข้อมูลที่เข้าข่าย
หมิ่นให้กับผู้ต้องหาที่อาศัยอยู่ประเทศสเปนชื่อ Emillio Estaban
ผู้ใช้นามแฝงว่า stoplesemajeste เผยแพร่ข้อมูลในอินเตอร์เน็ต
โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเขาได้เข้าถึงอีเมล์ของ Estaban
และพบการส่งอีเมล์ของทะเนชในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2553
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขอฝากขังต่อศาล ญาติยังไม่มีเงินประกันตัว ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
8 เฉลียว
วันถูกจับกุม : รายงานตัวตามคำสั่ง คสช.วันที่ 3 มิ.ย.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : เข้ารายงานตัวกับคสช. จากนั้นโดนแจ้งข้อหามาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
เฉลียว อายุ 50 กว่าปี มีอาชีพเป็นช่างตัดกางเกง
เขาเป็นหนึ่งในชาวบ้านธรรมดาที่มีรายชื่อปรากฏในคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 44/2557
ให้เข้ารายงานตัวในวันที่ 3 มิ.ย. เขาถูกคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร 7 วัน
ระหว่างควบคุมตัวเขาถูกสอบสวนหลายครั้ง ครั้งละหลายชั่วโมง ในขณะที่คนอื่นๆ
ที่ถูกเรียกรายงานตัวในคำสั่งฉบับเดียวกันนั้นถูกสอบ 1-2 ครั้ง
และเขายังถูกนำ เข้าเครื่องจับเท็จหลายครั้งด้วย
นอกจากนี้ยังมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารบุกตรวจค้นบ้านซึ่งเป็นห้องแถวที่
ทำเป็นร้านตัดเย็บผ้าย่านสะพานซังฮี้ ยึดคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสาร
ทหารกล่าวหาว่าเขาอาจจะเป็น “ดีเจบรรพต” แต่เขายืนกรานปฏิเสธ
ต่อมาวันที่ 9 มิ.ย.2557 หลังถูกควบคุมตัวในค่ายทหารครบ 7 วัน
เฉลียวถูกนำตัวไปที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)
เพื่อตั้งข้อหามาตรา 112 จากการอัพโหลดคลิปเสียงของดีเจบรรพตไว้ใน 4Share
ซึ่งเฉลียวให้การรับสารภาพ อย่างไรก็ตาม
พนักงานสอบสวนอนุญาตให้กลับบ้านได้ในคืนนั้น
โดยนัดหมายให้ไปพบกันที่ศาลอาญาในวันรุ่งขึ้นเพื่อขอฝากขังและยื่นขอประกัน
ตัว
วันรุ่งขึ้นเฉลียวและครอบครัวเดินทางไปที่ศาลอาญา
ญาติยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์มูลค่า 800,000 บาท
แต่ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าเป็นการเผยแพร่ต่อข้อมูล เป็นความผิดร้ายแรง
เฉลียวจึงถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
เฉลียวพื้นเพเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด เขาบวชเรียนอยู่นานปี และเข้ากรุงเทพฯ
ในช่วงวัยรุ่นโดยอาศัยอยู่กับพี่เขย พร้อมๆ กับฝึกวิชาชีพเย็บผ้าจากพี่เขย
จากนั้นมาเขาก็ยึดอาชีพนี้หาเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด เขาเล่าว่า
ร้านของเขาเป็นร้านเล็กๆ มีแรงงานไม่กี่คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติๆ กัน
จะรับออเดอร์มาจากร้านใหญ่อีกที ตัดเฉพาะกางเกงของทหารและตำรวจ
โดยครั้งหนึ่งในใบออเดอร์ซึ่งจะมีชื่อลูกค้าปรากฏอยู่ด้วยนั้น มีชื่อของ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ด้วย
ส่วนความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์นั้น ภรรยาของเขาเล่าว่า
เฉลียวสนใจศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองโดยการซื้อหนังสือมาอ่าน หัดประกอบคอม
หัดใช้งานอินเตอร์เน็ตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยที่ไม่ได้ไปชุมนุมทางการเมืองแต่อย่างใดเนื่องจากเป็นคนเก็บตัวและมีภาระ
งานประจำ
9. คฑาวุธ
วันถูกจับกุม : รายงานตัวตามคำสั่ง คสช. วันที่ 3 มิ.ย.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ(ไอลอว์) ระบุว่า
ในอดีตคฑาวุธเคยเป็นนายทหารพระธรรมนูญ และเคยเป็นทนายความ
ในช่วงการเมืองเข้มข้นเขาเป็นดีเจจัดรายการทางอินเทอร์เน็ต ชื่อรายการว่า
“คฑาวุธ นายแน่มาก” เป็นแนววิเคราะห์การเมือง ความยาวประมาณ 1
ชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
และเผยแพร่ทางเว็บไซต์ที่จัดทำโดยทีมงานของเขาเอง
แต่รายการนี้ก็มีผู้ดาวน์โหลดและนำมาเผยแพร่ต่อในยูทูปจำนวนมาก
เขามีรายชื่ออยู่ในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 44/2547 จากนั้นเขาเข้ารายงานตัวตามประกาศในวันที่ 3 มิ.ย.2557
วันที่ 9 มิ.ย.2557 หลังถูกควบคุมตัวครบ 7 วัน
คฑาวุธถูกนำมาควบคุมตัวต่อที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง
เพื่อให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา
วันที่ 10 มิ.ย.2557 คฑาวุธถูกนำตัวไปที่
กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อพบพนักงานสอบสวน
ในบ่ายวันเดียวกันคฑาวุธถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา
โดยมีเพื่อนและทีมงานช่วยกันระดมเงินจำนวน 200,000 บาทเพื่อยื่นขอประกันตัว
และพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว
แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว
เนื่องจากข้อหาที่ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง
การกระทำกระทบต่อจิตใจประชาชนจึงเป็นเรื่องร้ายแรง
ทั้งเป็นการดำเนินการผ่านเว็บไซต์โดยมีกลุ่มดำเนินการอยู่ที่ สปป.ลาว
ซึ่งผู้ต้องหามีธุรกิจก่อสร้างอยู่
ดังนั้นหากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนีออกนอกประเทศ ยากแก่การติดตามตัว
เขาจึงถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อยู่จนปัจจุบัน
แม้ญาติจะยื่นประกันอีก 2 ครั้งแต่ศาลก็ยังคงปฏิเสธการให้ประกันตัว
10. ยุทธศักดิ์
วันถูกจับกุม : 2 มิ.ย.2557 (ปัจจุบันพิพากษาแล้ว)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพโดยไอลอว์ ระบุว่า
ยุทธศักดิ์มีอาชีพขับแท็กซี่ เมื่อราวเดือนมกราคม 2557
ระหว่างขับรถแท็กซี่เขาได้พูดเรื่องการเมืองกับผู้โดยสารคนหนึ่ง
ปรากฎว่าความเห็นทางการเมืองของทั้งสองไม่ตรงกัน
และผู้โดยสารเห็นว่าคำพูดของผู้ต้องหาเข้าข่ายหมิ่นฯ
ผู้โดยสารจึงใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกเสียงการสนทนาและนำไฟล์บันทึกเสียงไป
แจ้งความกับตำรวจ
2 มิ.ย.2557
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังไปบริเวณอู่เช่ารถแท็กซี่ย่านห้วยขวางและทำการจับ
กุมตามหมายจับจากนั้นนำตัวไปฝากขังที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไทเพื่อทำการสอบ
สวน
วันรุ่งขึ้นผู้ต้องหาประสานให้ญาติมาเยี่ยมเพื่อนนำยาฉีดอินซูลินมาให้เพราะ
เขาป่วยเป็นโรคเบาหวาน
วันถัดมาเจ้าหน้าที่นำตัวเขาไปฝากขังยังศาลอาญารัชดา
ญาติใช้เงินสดยื่นขอประกันตัว 200,000 บาท แต่ศาลไม่อนุญาต
เขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนกระทั่งวันที่ 8 ส.ค.57
ซึ่งเป็นวันนัดสอบคำให้การ ผู้ต้องหาเดินทางไปที่ศาลโดยไม่มีใครทราบ
ไม่มีทนายอยู่ร่วมกระบวนการ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
เหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน
11.ทอม ดันดี
วันถูกจับกุม : 9 ก.ค.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : ไม่รายงานตัวตามคำสั่ง คสช.และมาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนจะถูกจับกุมในคดี 112 ทอม ดันดี
เคยถูกจับกุมตัวมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยข้อหาไม่รายงานตัวตามคำสั่ง
คสช.ฉบับที่ 53/2557
ทั้งที่ภรรยาของเขาได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่แล้วว่าทอมจะเข้ารายงานตัวในช่วง
เย็น
แต่ระหว่างที่เขากลับจากการส่งหน่อไม้ทหารก็ได้จับกุมตัวเขาและนำไปไว้ที่
ค่ายทหาร 4 วัน จากนั้นเขาถูกนำตัวมาที่กองปราบฯ
ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร เขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ไม่กี่วันก่อนได้รับการประกันตัว
เขากลับไปทำสวนไผ่และสวนมะนาวที่บ้านจังหวัดเพชรบุรีเช่นเดิม
ต่อมาวันที่ 9 ก.ค.ที่บ้านจังหวัดเพชรบุรี
กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (บก.ปอท.)
ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร รวมประมาณ 20 นายทั้งในและนอกเครื่องแบบ
บุกจับกุมตัวทอมที่บ้านพัก โดยแจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 112 และ
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
วันรุ่งขึ้นเขาถูกนำตัวไปฝากขังยังศาลทหาร
ทนายแจ้งว่าทอมถูกแจ้งข้อหาจากกรณีการปราศรัยของเขาในเวทีเล็กๆ
ที่เกิดขึ้นช่วงเดือน พ.ย. 56 ก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก
ต่อมาได้มีผู้นำคลิปการปราศรัยไปเผยแพร่ลงเว็บไซต์ยูทูปในเดือน มิ.ย. 57
(หลังรัฐประหาร) ทีมทนายเห็นว่าศาลทหารไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้
เพราะการโพสต์คลิปปราศรัยลงเว็บไซต์ยูทูปไม่ได้เป็นการกระทำของนายทอม
เนื่องจากนายทอมไม่มีทักษะในการใช้งานคอมพิวเตอร์
จึงมองว่าอาจเป็นการกลั่นแกล้งของบุคคลเพื่อนำตัวขึ้นศาลทหาร อย่างไรก็ตาม
ศาลทหารไม่อนุญาตให้ประกันตัวและทอมถูกขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
จนปัจจุบัน
12.หนุ่มอุบล
วันถูกจับกุม : 16 มี.ค.55 (ปัจจุบันพิพากษาแล้ว)
ข้อหา : มาตรา 112 มาตรา 14(3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ข้อมูลเพิ่มเติม
คดีนี้จำเลยไม่เปิดเผยชื่อ อายุ 27 ปี เป็นนักดนตรี เขาถูกพิพากษาให้จำคุก
13 ปี 24 เดือน (ทนายแจ้งว่าได้ยินศาลอ่านคำพิพากษาว่า 22
เดือนแต่ที่ถูกต้องคือ 24 เดือน) นี่คือโทษที่ลดแล้วกึ่งหนึ่ง
จากโทษทั้งหมด 30 ปี
คดีของเขาเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบในจังหวัดอุบลราชธานี
จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความหมิ่นฯ 9 ข้อความในเฟซบุ๊กในระหว่างปี
2554-2555 หลังจากตำรวจบุกจับกุมตัวเขาที่บ้านในวันที่ 16 มี.ค.2555
เขาก็ได้รับการประกันตัวมาโดยตลอดในชั้นสอบสวน โดยญาติใช้หลักทรัพย์มูลค่า
500,000 บาท
จนกระทั่งถึงวันครบกำหนดฝากขังก็ไม่มีการส่งฟ้องศาลจึงมีคำสั่งปล่อยตัว
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลและคดีเสรีภาพฯ ระบุว่า
จากคำบอกเล่าของมารดา ระบุว่า
ในระหว่างที่เขาได้รับการประกันตัวจากการฝากขัง
ตำรวจมีจดหมายและโทรศัพท์มาเรียกให้จำเลยไปพบและถูกส่งตัวไปพบแพทย์เพื่อ
ตรวจอาการทางจิต
และก่อนพิพากษาก็มีการไต่สวนแพทย์ผู้รักษาซึ่งแพทย์ระบุว่าจำเลยมีอาการทาง
จิต อาการไม่รุนแรงแต่หากไม่รักษาต่อเนื่องอาการอาจรุนแรงได้
อย่างไรก็ตามแพทย์มีความเห็นว่าจำเลยยังสามารถต่อสู้คดีได้
นอกจากนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าในระหว่างกระทำความผิดเมื่อสองปีก่อน
จำเลยมีอาการทางจิตหรือไม่
หลังการรัฐประหาร ปรากฏชื่อของเขาในคำสั่งเรียกรายงานตัวด้วย
เขาเข้ารายงานตัวในวันที่ 13 มิ.ย. 2557
และถูกควบคุมตัวภายใต้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสามคืน หลังการควบคุมตัว วันที่
16 มิ.ย.อัยการสั่งฟ้องคดีนี้ทันที
เขาถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดีที่เรือนจำจังหวัดอุบลราชธานีเรื่อยมา
จนกระทั่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2557
นับเป็นคดีที่มีโทษหนักที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
13. จ่าประสิทธิ์
วันถูกจับกุม : 29 พ.ค.57 (ปัจจุบันอยู่ในชั้นพิจารณาคดี)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ เป็นอดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ นปช. จังหวัดสมุทรสาคร
เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพฯ ระบุว่า วันที่ 7 พ.ค.57
จ่าประสิทธิ์ขึ้นปราศรัยที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว และ กอ.รมน.
ได้แจ้งความข้อหา 112 ไว้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.57
ภายหลังการรัฐประหารได้มีคำสั่งเรียกให้จ่าประสิทธิ์เข้ารายงานตัว
และจ่าประสิทธิ์ได้เข้ารายงานตัวต่อทหารในวันที่ 24 พ.ค.จนกระทั่งวันที่ 29
พ.ค. ทหารได้คุมตัวจ่าประสิทธิ์มาที่ สน.โชคชัย
เพื่อส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 912/2557 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557
ในข้อหาตามมาตรา 112
บ่ายวันที่ 29 พ.ค.2557 จ่าประสิทธิ์ถูกนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญา
ภายหลังนางนิภาพร เมืองมูล
ภรรยาของจ่าประสิทธิ์ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมหลักทรัพย์เงินสด
หกแสนบาท แต่ศาลไม่อนุญาต
จ่าประสิทธิ์จึงถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ปัจจุบันคดีครบฝากขัง ศาลนัดพร้อม สอบคำให้การจำเลย
ตรวจพยานหลักฐานไปเมื่อเร็วๆ นี้
14. ชายไม่ทราบชื่อ
วันถูกจับกุม : 25 พ.ค.2557 ถูกทหารบุกจับกุมที่บ้านพัก (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม : -
15. สมัคร
วันถูกจับกุม : 9 ก.ค.2557 (ปัจจุบันฝากขัง)
ข้อหา : มาตรา 112
ข้อมูลเพิ่มเติม
เว็บไซต์ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวว่า
ตำรวจเมืองเทิงพร้อมผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุกลางดึกที่ผ่านมา
(8 ก.ค.) หลังรับแจ้งมีเหตุคนทำลายพระบรมฉายาลักษณ์
ปากทางเข้าหมู่บ้านป่าสัก หมู่ 10 ต.ปล้อง
เมื่อไปถึงพบสภาพของพระบรมฉายาลักษณ์ที่ชาวบ้านได้ร่วมกันจัดสร้างไว้ที่ทาง
เข้าหมู่บ้าน ถูกดึงลงมาจนกองอยู่กับพื้น เหลือแต่โครงว่างเปล่า พบชาย 1
คน ทราบชื่อต่อมานายสมัคร อายุ 49 ปี คนในหมู่บ้านดังกล่าว สอบถามให้การว่า
เป็นคนกระทำการดังกล่าวจริง
เขามีอาชีพทำนา เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ปัจจุบันถูกขังผลัดที่สี่ อยู่ที่เรือนจำจังหวัดเชียงราย
หมายเหตุ : มีการเพิ่มเติมกรณีที่ 15 เนื่องจากตกหล่น (10.00 น. 20 ส.ค.57)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar