måndag 1 december 2014

" เกาทัณฑ์สายฟ้า"...ภาคผนวก...ตอน1 : ตาข่ายสวรรค์... เบาๆ คลายเครียด อ่านนิยายกำลังภายในยุคไฮเทค ( คำเตือน. อ่านเพื่อประเทืองอารมณ์ประโลมปัญญาเท่านั้น อย่าอ่านเพลินมโนฝันเฟื่องไปกับนิยายว่าเป็นเรื่องจริง)

โดย   ลิเกหลังม่าน


..หลังพายุสงบลง... ฟ้าใสกระจ่าง...ชินปักข่ายคืนสู่ยุทธภพ... แต่... ล้างมือในอ่างทองคำ... วางเกาทัฌฑ์ไว้บนหิ้ง..


..เตียบ่อหลันก้อไปเฝ้า เง็กเซียนฮ่องเต้ไปแล้ว...
..ในตรอก...เหล็งซิงแซ....(ตรอกหมอเหล็ง)..มหานครลิ่มอัน  "ชวนป๋วยปี่แป่กอ" นั่งเดียวดายในกระท่อม "เหล็งซิงแซ." นั่งตรวจบัญชีทรัพย์สมบัติที่ซุกซ่อนไว้ในคราบคนจนซื่อสัตย์  พลันเงาต้องวูบแสงตะเกียง   ชวนป๋วยตวาดถาม "ผู้ใด" ไร้เสียงตอบ    วิกาลเงียบสงบลงเช่นเคย   ชวนเล่ากุ้ยเงี่ยหูฟังอีกครา   ได้ยินแต่เสียงแห่งความเงียบ   และ ลมทอดถอนหายใจของตนเองไร้เสียงตอบ... วิกาลเงียบสงบลงเช่นเคย    ชวนเล่ากุ้ยเงี่ยหูฟังอีกครา  ได้ยินแต่เสียงแห่งความเงียบ และ ลมทอดถอนหายใจของตนเอง..ชวนเล่กุ้ยกลับรู้สึกอึดอัดขับข้องใจยิ่ง   ไปไหนมาไหนไม่ได้ ได้แต่ขังตัวเองไว้ในตรอกเหล็งซิงแซไว้อย่างบ้าคลั่ง   ผ่านชิวิตไปอย่างไร้ค่า   หายใจรดทิ้งไปวันๆ  ทรัพย์สินที่ฉ้อฉลมาได้... มีประโยชน์แค่ใช้จ้างคนมา "ขัง" ตัวเองไว้ในบ้านเช่าซอมช่อแค่นี้เองหรือ  ชวนฯรำพัน.


...เที๊ยกเงี่ยซัว "ฉายาเทพซี้ซั้ว"หรือ"เทพเมียเพื่อน"...ก็เฉกเช่นกัน... ... พลันที่บารมีของ"เตียบ่อหลัน" หมดสิ้นลง... มันก็เร้นกายหนีหายจาก"อารามม๊กเก็ง"  มันมิได้เกรงกลัวเหล่ามือปราบของบ้านเมือง   แต่สัญชาติญานสัตว์ป่าบอกมันว่ามันมิควรอยู่ในที่โล่งแจ้งต่อไปอีกแล้ว   บ้างว่ามันหลบออกไปนอกด่านนอกกำแพงใหญ่    บ้างว่ามันเร้นกายในดินแดนน่ำปัก  บ้างเชื่อว่ามันแฝงกายอยู่ในนครลิ่มอันนี่แหละ   ภายใต้การคุ้มครองของหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของ   บ้านใหญ่(ตั่วกงสี


...มั๊กจีหมิ่ง  (ฉายามั๊กหน้าหยก)หนีออกนอกด่านหายสาปสูญจากวงการยุทธภพ  ละทิ้งบุพการีและลูกเมียให้เผชิญชะตากรรมโดยลำพังในลิ่มอัน   สมฉายา..."แป่ะมัก" (ตาขาว) หรือ "บ่อเลี๊ยบ" (no ball).  "อ้ายมาก"นะเอง...




....พรรคไต้เฮียบล่มสลาย   สมาชิกพรรคบ้างล้มตาย, บ้างเร้นกาย, บ้างเจ็บป่วยวิกลจริต หรือหาไม่ก็ติดคุกหรือสู้คดีความอยู่   ไม่มีใครในพรรคกล้าอวดอ้างตนเองเป็นไต้เฮียบอีกต่อไป  คุณธรรม   จริยธรรม  ของเหล่าวิญญูชนกกลายเป็นแค่ "หนังหมาขี้เรื้อน" ที่มีไว้คลุมร่าง"หมาขี้เรื้อน" หาใช่ "หนังราชสีห์" อีกต่อไป  กว่าหกสิบปีที่หมาขี้เรื้อนใช้หนังราชสีห์คลุมร่างก้อถึงกาลวิบัติ...




....ลิ้มซ่งติง หรือ  ลิ้มโกเต๊ก...นับว่ามันมีวาสนาที่มัจจุราชมาเยือนมันได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด  มันถูก"ดินสอ" ทิ่มตายมันตายยังไงเพราะอะไร   เอาไว้ให้น้าเภกเล่าเองดีกว่าครับ เพราะเรื่องของมัน สุวาน...เอ๊ย...ม่ายช่ายน้าเภกฯเขียนไว้แล้วล่วงหน้าใน"ปั๊กกะตืนหนังหมา"เอาเป็นว่าคราวนี้มัน"โชคดี"ครับที่ไม่โดนแค่"ดินสอ" ทิ่มหัวถลอก แต่โดนแบบเต็มๆ...แบบกลายเป็นเม่นมีขนทั้งตัว. แบบไม่
รู้ตัว.
... จั้งล๊งโหงวเปย...ฉายาแต๊เสี้ยวไต้ซือ...หรือ...มหาแกล้งบ้า (แผลงมาจาก...หลวงจีนงมงาย).. ถูกหมาบ้ากัดตาย. ตายเพราะโรคพิษสุนัขบ้า นับว่าสวรรค์มีตา หากินกับหมาก้อตายเพราะหมา.(หมาจำลองนั่นเอง)


 big60 
 02 ธันวาคม 2014                                                                             
เกาทัณฑ์สยบฟ้าหรือจะสู้"ธนูพิฆาต"ได้ เกาทัณฑ์สยบฟ้าแม้จะมีมหิทธานุภาพ แต่เชื่องช้าและใช้พละกำลังมาก กว่าจะแผลงออกไปได้แต่ละดอก ผู้ยกคันเกาทัณฑ์ต้องทรงพลังมหาศาล จึงจะสามารถยกคันเกาทัณฑ์ขึ้นได้ ทอดตาทั่วแผ่นดิน มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น...ยามใช้พละกำลังน้าวคันเกาทัณฑ์ แผ่นดินย่อมเสทือนเลื่อนลั่นไปทั้งปฐพี ทำให้ศรัตรูรู้แกวหนีหายหมดแล้ว ยิ่งยามปล่อยดอกเกาทัณฑ์ออกจากแหล่ง เสียงดังปานอสนีย์บาตสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบ ก่อนที่สายฟ้าจะฟาดลง ดอกเกาทัณฑ์ยังไม่ถึงแต่เสียงไปถึงแล้ว...เกาทัณฑ์สยบฟ้าดอกนี้จึงไม่เคยถูกเป้าหมายสักที เพราะเสียงเกาทัณฑ์ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปเตือนล่วงหน้าแล้ว ...ส่วน"ธนูพิฆาต"นั้น ต่างกัน เบา ยกสะดวก เคลื่อนย้ายสะบาย คล่องแคล่ว ว่องไว แต่แข็งแกร่ง ดุดัน อำมหิต แม่นยำ คร่าชีวิตโดยไม่ส่งเสียงเตือน เกาทัณฑ์สยบฟ้ายังไม่ทันขึ้นสาย ก็ถูกธนูพิฆาต ยิงทำลายสายเกาทัณฑ์และคันเกาทัณฑ์จนขาดและหักสะบั้นไปแล้ว...ธนูพิฆาตดอกนี้ จึงพุ่งเข้าใส่เป้าหมายแบบเต็มๆ ตัดสายและสะบั้นคันเกาทัณฑ์ ทะลวงเสียบอกเจ้าของเกาทัณฑ์อย่างดุดันอำมหิตเลือดเย็น"มันจบแล้วครับนาย"
...............................................

-ช่วยกันประนาม "อีชวน ปรส." จำเลยคดีดองผู้ทำลายชาติ


′ชวน′ชี้ปัญหาบ้านเมืองเกิดจาก"ขาดธรรมาภิบาล"-ทหารต้องออกมา เพื่อรักษากฎหมาย

วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:41:03 น.

http://www.matichon.co.th/online/2014/12/14174232151417423226l.jpg


 

ที่อาคารสมาคมธรรมศาสตร์ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และศิษย์เก่านักบริหารระดับสูงธรรมศาสตร์เพื่อสังคมหรือนมธ. ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ธรรมาภิบาล ภาคปฏิบัติ" ซึ่งมี นมธ. รุ่นที่ 5 เข้าร่วม โดยอดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ธรรมาภิบาล เป็นคำที่ไม่ได้ระบุถึงภาคปฏิบัติ เหมือนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสต์ที่เปิดวิชา TU 100 ซึ่งการสอนให้คนเป็นบัณฑิตไม่ยาก แต่สอนให้คนมีสำนึกเป็นสิ่งที่ยาก คนที่จบมาแล้วได้รับความรู้แต่ไม่ได้คุณธรรม จึงก่อให้เกิดปัญหาที่ส่วนใหญ่จบมหาวิทยาลัยมาทั้งสิ้น ยกตัวอย่างทุนกู้ยืมที่ตนเป็นผู้ก่อตั้งในปี 2538 ซึ่งมีปัญหาเรื่องนักศึกษาไม่ยอมคืนเงินกู้ยืม ส่วนหนึ่งมาจากการขาดความสำนึกและความรับผิดชอบ ซึ่งปัจจุบันธรรมาภิ บาลเป็นสิ่งที่หลายมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญและมีความแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงรัฐบาลปัจจุบันก็เขียนถึงเรื่องนี้ในการร่างกฎหมาย นายชวนยังกล่าวอีกว่า วิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เกิดขึ้นจากการบริหารที่ขาดจริยธรรมความรับผิดชอบ และเกินความจำเป็น คณะรัฐมนตรีในปี 2542 จึงได้กำหนดกฎเกณฑ์ให้แต่ละหน่วยงานปฏิบัติในการมีส่วนรวม รับผิดชอบและให้ประชาชนสามารถตรวจสอบภาครัฐแต่ละองค์กร หน่วยงานได้ แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป เพราะกฎเกณฑ์ถูกละเลยและยกเลิกในเวลาต่อมา สำหรับกรณีโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนไปหลายแสนล้านบาทเหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตลอดจนกฎอัยการศึก เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความสูญเสียจากนโยบายทางการเมืองทั้งสิ้น แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าเงิน หรือ การพัฒนาที่หายไปจะเป็นโอกาสในการพัฒนาส่วนที่ขาดแคลน เช่น ถนน โรงพยาบาล เราอาจจะมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านนั้นพัฒนาไปไกลแล้ว โดยเฉพาะถนนในช่วงหัวหิน-สุราษฏร์ธานี ที่จะลงไปยังภาคใต้ไม่มีการพัฒนามากว่า 10 ปีแล้ว เมื่อสอบถามก็พบว่า หากมีการส่งงบประมาณลงไปเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะโดนไล่ออกทันทีสิ่งเหล่านี้จึงบ่งบอกให้เห็นให้เห็นถึงการไม่มีหลักธรรมาภิบาล นาย ชวนยังระบุถึงสถาบันทางการศึกษาด้วยว่าในทุกสถาบันไม่มีข้อยกเว้นว่าจะมีคน ดีทั้งหมดเหมือนที่ในหลวงเคยตรัสไว้ว่าบ้านเมืองเรามีทั้งดีและไม่ดี เหมือนกับการเลือกตั้ง เราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะมีคนดีทั้งหมดเข้ามา ซึ่งสภาในยุคที่ผ่านมานับเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุด มีการโกงกินเป็นการบ่งบอกถึงการขาดธรรมาภิบาลทำให้ส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง นอกจากนี้ นายชวนได้ระบุว่า รัฐธรรมนูญทุกฉบับมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันใน 3 มาตราแรก แต่ในรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 3 วรรคสอง ได้เพิ่มเติมว่าสถาบันในประชาธิปไตยและองค์กรอื่นๆ ต้องยึดหลักนิติธรรม เพราะในปี 40 เกิดปัญหาการทุจริต แม้จะสูญเสียจะไม่เท่ากับการเสียชีวิตของคน แต่เป็นสิ่งที่เลวร้ายจากการบริหารงานของฝ่ายความมั่นคง และ เหตุการณ์ภาคใต้ ปี 2544 จะไม่เกิดเหตุความรุนแรง หากรัฐบาลในขณะนั้นไม่ประกาศแก้ปัญหาโดยเฉพาะการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายภายใน 3 เดือน ซึ่งหากมองย้อนในอดีตความขัดแย้งไม่เคยเกิดขึ้น จนมีการกวาดล้างทำให้เกิดการก่อตั้งกลุ่มอาร์เคเคซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ รวมตัวกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องปัตตานีสิ่งเหล่านี้ถือเป็นวิธีนอกกฎหมายและ เป็นความผิดพลาดที่เรียกคืนกลับมาไม่ได้ ยืนยันว่าการยึดกฎหมายแม้จะช้าแต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง และหากยึดหลักนิติธรรมปัญหาสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิด ส่วนกรณีการยึดอำนาจของทหารโดยอ้างความแตกแยกการชุมนุมการแตกความสามัคคี ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ถือว่าไม่ใช่ข้ออ้างที่สมควร เพราะการแสดงออกเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในระบบประชาธิปไตย แต่ที่ทหารออกมาเพราะการไม่รักษากฎหมาย และบางครั้งผู้รักษากฎหมายกลายเป็นอาชญากรเอง ประชาชนจึงต้องหันไปพึ่งทหาร ทั้งนี้ หลักธรรมาภิบาลควรมีความเกรงใจ เช่น กรณีข้าราชการกระทรวงหนึ่งโดนไล่ออก เกิดจากการขาดความเกรงใจในการเอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง ซึ่งการไม่ยอมทำจะต้องเสียตำแหน่ง ดังนั้นการสละตำแหน่งจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะต้องทุกข์ใจไปอีกนาน อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนยึดหลักความซื่อตรงสุจริต และมีเหตุผลในการอธิบายได้ ยึดหลักโลกความจริงคือโลกปฏิบัติ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar