ฤาแม่น้ำต้องแยกสายกัน !...
by พิชิต ลิขิตสมบูรณ์
การปริแตก แล้วแยกกันเดินภายในฝ่ายประชาธิปไตยเกิดขึ้นเมื์่อมีรัฐประหาร 22 พ.ค.57 เมื่อตระกูลชินวัตรกับพรรคเพื่อไทยไม่ต้านรปห. แต่กลับเกี้ยเซี้ยทำ "ซุปเปอร์ดีล" กับกลุ่มทหารที่ยึดอำนาจเสียเอง นับแต่นั้น ฝ่ายต้านเผด็จการก็แยกทางกับตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย และมวลชนที่ห่วงยิ่งลักษณ์-รักทักษิณ ที่สนับสนุนเหมาเข่งอย่างชัดเจน
ท่าทีต่อการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็น "ก้อนหินที่แยกสายน้ำออกเป็นสอง" อีกครั้ง สปช.มาจากรัฐประหาร รธน.ใหม่จึงเป็น "ลูกกรอก" ที่คลอดออกจากมดลูกเผด็จการโดยแท้ ท่าทีของประชาธิปไตยคือ บอยคอต คว่ำบาตร ไม่ร่วมมือ ไม่ร่วมสังฆกรรม ไม่เสนอความเห็น แล้วยังต้องเปิดโปงถึงเนื้อแท้ของรธน.ใหม่ที่จะผูกขาดอำนาจไว้ในหมู่ชนชั้นนำ จำกัดช่องทางที่ประชาชนมีส่วนร่วมในอำนาจผ่านการเลือกตั้งให้เหลือน้อยที่สุด ยืนยันว่า รธน.ประชาธิปไตยต้องร่างและเห็นชอบโดยประชาชนผ่านตัวแทนอันชอบธรรมของพวกเขาเท่านั้น
การที่พรรคเพื่อไทย ทีมกฎหมายของพรรค และแกนนำนปช.บางคนออกอาการ "กระสัน" อย่างเหลือเกินที่จะเข้าร่วมกระบวนการร่างรธน.ใหม่ "เด้งรับ" เข้าไปอภิปรายเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ อย่างกระตือรือร้น จึงสะท้อนถึง "ฝันหวาน" ของตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช.บางคนที่มีต่อ "ซุปเปอร์ดีล" งมงายว่า สปช.มี "ความเป็นอิสระจริงใจ" " ในการร่างรธน.ใหม่ ฝันว่า จะสามารถผลักดันเนื้อหาประชาธิปไตยเข้าไปในรธน.ใหม่ได้จริง
คนเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากรัฐประหาร 2549 และเหตุการณ์มากมายหลังจากนั้นเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะพวกเขาโง่ แต่เป็นเพราะคนพวกนี้ก็ไม่เคยเข้าใจเนื้อแท้ สันดานและจุดมุ่งหมายของเผด็จการ จึงยังมีความเพ้อฝัน "แบบเปียก ๆ ว่า ที่เกี้ยเซี้ยล้มเหลวมาหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะเผด็จการหลอกลวงแล้วหักหลัง แต่เป็นเพราะพวกตนยัง "มีข้อเสนอที่ไม่ดีพอ" คนพวกนี้เชื่อว่า หนทางคือ ต้องแสวงหาให้เจอ "ข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมจนฝ่ายนั้นปฏิเสธไม่ได้" เมื่อนั้น การเกี้ยเซีย "ซุปเปอร์ดีล" ก็จะสำเร็จ แล้วทั้งฝ่ายนั้นและฝ่ายตนก็จะสมประโยชน์แบบ "วิน-วิน" ในที่สุด
ปีกประชาธิปไตยจะตกอยู่ในฐานะโดดเดี่ยวในกรณีการร่างรธน.ใหม่ ซึ่งก็เช่นเดียวกับการต้านเผด็จการที่พวกเขาตกอยู่ในสภาพโดดเดี่ยวมาโดยตลอดตั้งแต่รปห.เป็นต้นมา
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar