เรื่องราวชีวิตของ "ครอบครัวใหญ่" ต่างคนต่างความคิด ไม่อาจเข้าใจกันได้....
by ysostupid
5 ธันวาคม 2014
ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ อากงเป็นลูกคนโต เตี่ยก็เป็นลูกคนโต ผมก็เป็นลูกคนโต พอมาถึงเจนเนอเรชั่นผม ผมจึงเป็นพี่ใหญ่ที่สุด ไม่มีพี่สาวหรือพี่ชายแม้แต่ลูกผู้พี่ มีแต่ลูกผู้น้อง -
น้องๆเคยบอกผมว่า น่าจะจัดให้มีการพบปะสังสรรในระหว่างพี่น้อง ความหมายคืออยากให้ลูกๆของพี่น้องทั้งหมดมาได้รู้จักสนิทชิดชอบกัน ผมบอกกับน้องๆว่า ถึงเวลาก็คงได้พบปะกันบ่อยๆเอง -
แล้วก็มาถึงงานศพพ่อ เป็นงานศพที่ในศาลามีลูกหลานของผู้ตายมากเป็นประวัตการ เพราะเตี่ยมีเมียที่ออกหน้าออกตาสี่คน ทั้งหมดรวมกันแล้วเตี่ยมีลูก 21 คน แล้วลูก 21 คนนี้ต่างก็มีหลานให้เตี่ยอีกคนละ 2 ถึง 4 คน -
วันกงเต็กจึงเป็นวันที่โกลาหลที่สุด ผมซึ่งเป็นลูกคนโตเป็นผู้ถือกระถางธูป ยืนชนกับหางแถวที่เป็นหลานเล็กที่สุดแบบงูกินหาง โดยเป็นการจัดแถวแบบซิกแซก แบบเดียวกับการเข้าแถวซื้อตั๋วหนังท็อบฮิตที่คนรอชมภาพยนต์มากเป็นประวติการ -
เรื่องตลกแต่เป็นเรื่องจริงก็เกิดขึ้นในงานศพเตี่ย น้องชายคนเล็กที่เกิดจากแม่ใหญ่คือแม่เดียวกับผมเจอเข้ากับเพื่อนสาวสมัยนักเรียนคนหนึ่ง เธอมายืนเก้เก้กังกังหน้าศาลาศพ พอเห็นน้องชายผมก็เข้ามาทักทายกัน ถามว่ามางานศพใคร เธอว่ามางานศพพ่อ แล้วพ่อเธออยู่ศาลาไหน? ก็ศาลานี้แหละ เอ้า ศาลานี้มันงานศพพ่อเรา สืบสาวราวเรื่อง ปรากฏว่า เป็นลูกเมียคนที่สามของเตี่ย น้องชายบ่นพึมพำกับผม โชคดีที่ตอนเรียนไม่ได้จีบมันเป็นแฟน รู้สึกหน้าคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่าคุ้นยังไง -
ครับ ลูกๆของเตี่ยต่างก็ทำมาหากินมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน ฐานะส่วนใหญ่ก็ไล่ๆกัน คือมีกินมีใช้ ส่งลูกๆเรียนสูงๆกันทุกคน ไม่รวยล้นฟ้า แต่ไม่อัตคัต ใครๆก็ว่าฮวงจุ๊ยบรรพบุรุษดี แต่มีที่โดดเด่นคือน้องชายหนึ่งคนและน้องสาวอีกคนที่ฐานะค่อนไปทางเศรษฐีระดับพันๆล้าน และยังมีอาผู้หญิงคนเล็กอีกหนึ่งคนที่รวยด้วยตนเองแล้วยังรับมรดกจากพ่อสามีอีกมหาศาล ที่น่าเสียดายคือน้องชายที่เกิดจากแม่คนที่สี่ของเตี่ยซึ่งนิสัยดีมากๆ อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด เป็นที่รักของพี่ๆน้องๆทั้งที่เพิ่งมาสนิทมักคุ้นกันหลังจากงานศพเตี่ย ปลูกบ้านราคาสามร้อยล้านเสร็จก็เสียชีวิตทันที -
เมื่อลูกๆของน้องๆต่างโตขึ้น เรียนจบก็แต่งงาน สิ่งที่ผมเคยบอกว่าถึงเวลาก็ได้พบกันบ่อยๆเองก็เกิดขึ้น งานแต่งงานของหลานคนโน้น ลูกคนนี้ ทำให้พี่น้องได้พบปะสังสรรกันแบบถี่ยิบไปโดยปริยาย -
ใน generation ผม ยังไม่เห็นน้องชายคนไหนมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน ใครจะไปซุกไว้อย่างไรไม่ทราบ แต่ที่ออกหน้าออกตาอย่างเตี่ย ไม่มีครับ เตี่ยดำเนินชีวิตคนละเรื่องกับอากง อากงมีอาม่าคนเดียวทีั้งๆที่โดยฐานะแล้วจะมีเป็นสิบก็มีได้ อากงถือคุณธรรมอย่างที่สุด ช่วยเหลือเจือจานให้ญาติให้เพื่อนตั้งตัวเป็นเฒ่าแก่หลายคน ส่วนเตี่ยครบทุกอย่างครับ สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร เอาแต่ใจตัวเองไม่สนใจใคร ตอนผมยังเด็กเคยเห็นเตี่ยกระทืบนักเลงหน้าบ้านจนเสียผู้เสียคน และแล้วนาวาลำใหญ่ที่เตี่ยเป็นกัปตันต้องอัปปางลงเพราะติดฝิ่น โชคดีที่มีสำเภาใหญ่ของอากงรับเอาหลานๆแล่นเข้าสู่ฝั่งอย่างปลอดภัยกันทุกคน ส่วนเตี่ยก็ยังโชคดีที่มีกิจกรรมปั้มน้ำมันที่มอบให้เมียคนที่สี่ดูแล เลยได้เกาะเมียคนที่สี่กินภายหลังเลิกฝิ่นได้ -
แม้เตี่ยจะดุแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่รู้คือ ไม่เคยตีลูกแม้แต่คนเดียว และกตัญญูอย่างที่สุด อยู่ข้างนอกจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เข้าบ้านเจออากง ต้องหงอตัวเหลือนิดเดียว -
ที่งานบวชหลานชายคนหนึ่ง น้องสาวเศรษฐีก็ถามผมเฮีย รองเท้าเฮียที่เป็นรู มันเป็นแฟชั่นมาอย่างนี้หรือเฮียตั้งใจไปเจาะรูให้มันอูย ใครจะบ้าอยู่ดีดีไปเจาะรองเท้าให้เป็นรู ผมตอบแบบงงๆจะไปรู้หรือ เห็นเฮียชอบแต่งตัวประหลาดๆ นึกว่าติ๊ดส์จัด ไปเจาะรูให้เข้ากับดีไซน์รองเท้า เธอสัพยอกแล้วถามต่อ ทำไมมันถึงเป็นรูอย่างนั้น หรือว่าเป็นดีไซน์ของมันอย่างนี้? -
ผมจึงอธิบายว่า ที่รองเท้ามันเป็นรูอย่างนั้นเพราะโดนเล็บหัวแม่ตีนจิ้มจากด้านใน ตอนใหม่ๆ เห็นเป็นจุดดำๆ นึกว่ามีอะไรไปหยดหรือแปลื้อนถูก แต่นานๆเข้ามันก็ขยายเป็นรูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น้องสาวจึงสงสัยว่า ทำไมผมไม่ทิ้งมันไปแล้วหาซื้อคู่ใหม่ใส่แทน ทนใส่รองเท้าขาดๆอยู่ได้อย่างไร ผมก็อธิบายว่า เสียดาย มันใส่สบาย เดินเป็นวันๆก็ไม่รู้สึกเมื่อย ถึงจะไม่น่าดูแต่มันใส่สบาย พูดยังไง เธอก็ไม่ยอมเข้าใน บอกว่าไม่กลัวคนดูถูกหรือ มันไม่น่าดูเลยที่ใส่รองเท้าขาดเป็นรูอย่างนั้น -
สรุปแล้วเธอไม่เข้าใจผม การที่ผมแต่งตัวแบบสบายๆ เธอมองว่ากระจอก ขณะเดียวกันผมก็ไม่เข้าใจเธอเหมือนกัน เพียงแต่ผมเก็บความไม่เข้าใจไว้ในใจ ผมเห็นทรงผมของเธอที่เข้าใจว่าก่อนออกจากบ้านต้องไปร้านทำผมให้เขาสระเซ็ท ชุดผ้าไหมไหล่ตั้งๆ เครื่องเพชรที่ประดับอยู่ และกระเป๋า Hermes ใบละหลายแสนที่ถืออยู่ ทั้งๆที่มางานบวช จึงไม่เข้าใจว่า เธอไม่รู้สึกว่ามันหนักมากไปหรืออย่างไร? -
อีกงานหนึ่ง งานแต่งงานหลานสาว เจออาผู้หญิงเศรษฐีขี้ตระหนี่ เธอเข้ามาถามผมว่า เออ ลูกสาวเธอยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า?ใช่ ยังอยู่ที่เดิม ผมตอบ ทำไมไม่ให้ออกมาอยู่เอกชน น่าเสียดายนะ? เธอหวังดี ผมรู้ ลูกชายอาผู้หญิงเป็นแพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินอาหาร เป็นรุ่นน้องลูกสาวผมหนึ่งปี ในขณะที่ลูกสาวผมเป็นแพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญอีกโรคหนึ่ง (ขออนุญาติไม่ระบุ) -
อาผู้หญิงผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมยอมให้ลูกสาวจมปลักอยู่กับโรงพยาบาลของรัฐแถมไม่ยอมเปิดคลีนิค ผมพยายามอธิบายให้เข้าใจว่า ลูกสาวผมมีความสุขที่ได้เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ลมหายใจของเธอคือคนไข้ ที่เธอจะต้องเทียวเดินตรวจในวอร์ดผู้ป่วยในทุกๆวันทุกๆคืน เธอจึงปฏิเสธที่จะรับเชิญจาก รพ.เอกชน และไม่มีเวลาที่จะเปิดคลีนิค -
อาผู้หญิงผม เธอคงจะไม่มีวันเข้าใจ เธอภูมิใจกับรายได้ที่ลูกชายที่รับเดือนละสี่ห้าแสนจากรพ.เอกชน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่ารวยจนล้นขนาดนั้นแล้วยังจะส่งเสริมให้ลูกไปอยู่เอกชนเพื่อเงินมากๆไปทำอะไร? ต่างคนต่างความคิด และคงไม่มีวันจะเข้าใจกัน -
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar