ความ เก่า เล่าใหม่ : ห้าเหตุผลที่นายกฯยิ่งลักษณ์ควรไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากการเป็นผบ.ทบ. เพื่อประโยชน์ดีของสังคมไทยในอนาคต โดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ (และแล้วทุกอย่างก็สายไป...อนิจจา)
ภาพจาก hot.muslimthaipost.com |
ปี 2554 หลังเลือกตั้ง แล้ว ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกใหม่ๆ
อจ. ปวิน เคยเขียนแนะนำให้ยิ่งลักษณ์ ปลด ประยุทธ์
เพราะนอกจากมีส่วนร่วมกับ การสังหารประชาชนแล้ว ยังมีพฤติกรรมต่อต้านทักษิณชัดเจนช่วงก่อนเลือกตั้ง
...
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์: ห้าเหตุผลที่ยิ่งลักษณ์ควรกำจัดประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่มาเรื่อง ประชาไท
Thu, 2011-08-18ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ชี้เหตุผลทำไมนายกฯ ยิ่งลักษณ์จึงสมควรไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากการเป็นผบ.ทบ. เพื่อประโยชน์ดีของสังคมไทยในอนาคต
ปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
เขียนบทความ “It’s Time the Army Learned to Stay out of Politics for
Good” (ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะต้องเรียนรู้เพื่ออยู่นอกเกมการเมืองตลอดไป)
ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยปวินอภิปรายเหตุผลห้าประการว่า เหตุใดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จึงจำเป็นต้องกำจัดพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ออกไปจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก...
ปวิน ระบุว่า
เป็นความจริงที่ยิ่งลักษณ์พยายามอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกอง
ทัพ เมื่อพี่ชายของเธอ ผู้ซึ่งพยายามจะเข้าไปแทรกแซงทหาร ถูกทำการโค่นล้ม
อย่างไรก็ตาม ปวินมองว่า ในขณะนี้ สถานการณ์ทางการเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว
ดังจะเห็นจากความสนับสนุนจากประชาชนอย่างมหาศาลที่มีต่อยิ่งลักษณ์ช่วงหลัง
การรัฐประหารที่ผ่านมา
ซึ่งแสดงถึงความไม่พอใจของสาธารณชนต่อการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพ
ยิ่งลักษณ์ จึงจำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่
ที่รัฐบาลพลเรือนมีอำนาจควบคุมเหนือกองทัพ ในการทำเช่นนั้น
ยิ่งลักษณ์คงต้องเจอกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับเธออย่างแน่นอน
เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่เพียงทหารที่จงรักภักดีทั่วไป
และต่อต้านทักษิณ ชินวัตรอย่างเปิดเผยเท่านั้น
แต่เขายังมีบทบาทในการแทรกแซงทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งลักษณ์อาจจะพบว่า ในการทำงานร่วมมือกับคนเช่นนี้
เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็นพอสมควร คำถามจึงมีอยู่ว่า ถ้าเช่นนั้น
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมควรไล่ประยุทธ์ออกในฐานะผู้บัญชาการกองทัพบกหรือไม่
ปวินเห็นว่า มีเหตุผลห้าประการที่ยิ่งลักษณ์ควรทำเช่นนั้น
ประการแรก พลเอกประยุทธ์ ไม่เป็นกลางทางการเมือง ทั้งๆ
ที่ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก เขาไม่ควรจะเลือกข้าง
เนื่องจากการทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้สังคมไทยแบ่งขั้วมากขึ้นไปอีก
ดังจะเห็นที่จากที่ พล.อ. ประยุทธ์ ออกมาประกาศทางโทรทัศน์ต่อประชาชนไทย
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ก่อนการเลือกตั้งว่า ให้เลือก”คนดี” เข้ามาทำงาน
การประกาศดังกล่าว
ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นการโจมตีความนิยมของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งปวินมองว่า ในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.
ประยุทธ์ไม่ควรจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ ออกมาเลยเสียด้วยซ้ำ
ประการที่สอง พล.อ. ประยุทธ์ ยังคงดึงสถาบันฯ
ให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าเขาเองจะเป็นผู้ออกมาเตือนนักการเมืองว่าไม่ให้ทำเช่นนั้น
พล.อ.ประยุทธ์อ้างว่า มีความพยายามรณรงค์เรื่องการต่อต้านสถาบันฯ
อยู่ในกลุ่มการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ
โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ และยังอ้างด้วยว่า
หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้พบหลักฐานที่หมิ่นสถาบันฯ อยู่จำนวนมาก
ปวินมองว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด เช่นเดียวกับกองทัพ
ที่ใช้กฎหมายดังกล่าวเพื่อปกป้องรักษาจุดยืนทางการเมืองของตนเอง
และการที่พล.อ. ประยุทธ์ อ้างถึงกฎหมายดังกล่าวอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นนี้
จะเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการสร้างความปรองดองของรัฐบาล
ประการที่สาม ปวินมองว่า ตัว พล.อ. ประยุทธ์นั้นเล่นการเมืองมากเกินไป
ทำให้เราไม่สามารถหาความสม่ำเสมอในการกระทำและคำพูดของเขาได้มากเท่าใดนัก
ซึ่งในฐานะทหารผู้ที่ออกมาประกาศศัตรูอย่างชัดเจนในทางสาธารณะนั้น
เขาสมควรจะต้องรักษาคำพูด
โดยในขณะที่เขาออกมาเตือนคนไทยก่อนการเลือกตั้งว่า ไม่ให้เลือกพรรคเพื่อไทย
แต่ทันใดที่ผลการเลือกตั้งออกมา พล.อ.
ประยุทธ์ก็รีบไปแสดงความยินดีกับยิ่งลักษณ์ทันที เพียงไม่ถึง 24
ชั่วโมงหลังหีบเลือกตั้งปิดลง นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พล.อ.
ประยุทธ์ยังกล่าวว่า “สิ่งเดียวทีเราขอร้อง คือให้ทุกฝ่ายอย่าหมิ่นสถาบัน
หรือดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง”
แต่ดังที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ในบทความว่า พล.อ.
ประยุทธ์ต่างหากที่เป็นผู้ดึงสถาบันฯ ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง
และกล่าวหาสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางส่วนว่า ไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน
ประการที่สี่คือ พล.อ. ประยุทธ์
เป็นหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทในการปราบปรามประชาชนในเดือนเมษายนและพฤษภาคมปีที่
แล้ว โดยมีรายงานว่า เขาอาจเป็นผู้หนึ่งที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งการดังกล่าว
และจนปัจจุบัน
ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารคนใดที่ต้องออกมารับผิดชอบกับอาชญากรรมที่กระทำต่อ
ผู้ชุมนุมมือเปล่า และสารคดีของสำนักข่าวบีบีซีโดยเฟอร์กัล คีน
ที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้ ก็ยังชี้ว่า
ทหารเป็นผู้ที่มีส่วนรับรับผิดชอบกับการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมเสื้อแดงอย่าง
แน่นอน
อย่างไรก็ตาม กองทัพภายใต้การนำของพล.อ. ประยุทธ์ กลับมองว่า
เรื่องที่ต้องทำมากที่สุด คือการกำจัดศัตรูภายในประเทศ
หากแต่การสมานแผลในสังคมไทยจะไม่อาจเกิดขึ้นได้
ถ้าหากว่าเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงยังคงไม่ได้รับความยุติธรรม
และวิธีคิดดังกล่าวของกองทัพ
จะไม่ช่วยทำให้สภาพการณ์ของสังคมไทยที่ปราะบางอยู่แล้วดีขึนแม้แต่น้อย
ประการสุดท้าย ปวินชี้ว่า พล.อ. ประยุทธ์
ขาดความคิดที่เหมาะสมทางด้านการทูต จะเห็นจากการที่เขา “ประกาศสงคราม”
กับกัมพูชา และนำนโยบายต่างประเทศที่ยึดความมั่นคงเป็นศูนย์กลาง
และล้าหลังกลับมาใช้ นอกจากนี้ ทัศนคติที่ก้าวร้าวต่อกัมพูชาของพล.อ.
ประยุทธ์ ที่มีส่วนมาจากประเด็นทางการเมืองของกรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร
จะเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของรัฐบาลใหม่ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีต่อ
รัฐบาลกัมพูชา
และสร้างสันติภาพและความสงบสุขของประชาชนทั้งสองประเทศที่อยู่บริเวณชายแดน
\ถึงเวลาแล้วที่นายกฯ สตรีผู้นี้ จะปฏิบัติตนเฉกเช่นนักรบที่กล้าหาญ
และไล่ผู้ที่ทำความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของชาติผู้นี้ออกไป\"
นักวิชาการด้านการระหว่างประเทศระบุในท้ายบทความ"
ooo
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar