torsdag 14 oktober 2021

ใบตองแห้ง: มรดก ‘ซ้าย’ 6 ตุลา


ใบตองแห้ง: มรดก ‘ซ้าย’ 6 ตุลา

45 ปี 6 ตุลา ผ่านไปอย่างที่คนตุลาประชาธิปไตยตายตาหลับ มีคนรุ่นใหม่สืบทอดอุดมการณ์ ต่อสู้เพื่อเสรีภาพความเป็นธรรม ด้วยอารมณ์ร่วมในชะตากรรมเดียวกัน ศัตรูตัวเดียวกัน ทวงถามความยุติธรรมตั้งแต่ “แขวนคอเก้าอี้ฟาด” เข่นฆ่าเสื้อแดงปี 53 ถึงการจับกุมคุมขังแกนนำราษฎร

อนาคตจะเกิดอะไรไม่ทราบ เพราะ “ฝ่ายขวาไทย” ยังมีวิธีคิดปราบแล้วจบ การทหารนำการเมือง พร้อมจะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ แม้ไม่เหลือความชอบธรรม กระทั่งการใช้กฎหมาย

แต่คนรุ่นใหม่และคนรักประชาธิปไตยก็ต่อต้านอย่างกว้างขวาง เพราะอำนาจล้าหลังบีบคั้นสวนทางความคิดอิสระสมัยใหม่ จิตใจรักความเป็นธรรม “เห็นคนเท่ากัน” ที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี

สังเกตไหมว่าแถวหน้าม็อบราษฎร คือนักเรียนหญิงมัธยม เป็นผลสะท้อนกลับจากหลักสูตรคร่ำครึ ครูบ้าอำนาจ นี่คล้ายหลัง 14 ตุลา นักเรียนยุคนั้นตื่นตัวต่อต้านบังคับกล้อนผม จนต้องออกระเบียบใหม่ 2518 แต่พอเผด็จการกลับมาก็โดนลืม ยังบังคับแบบเดิมข้ามช่วงอายุคน

ขบวนการนักศึกษา 14 ตุลา-6 ตุลา ก็เหมือนคนรุ่นนี้ที่ตื่นตัวเรื่องเสรีภาพ จากอิทธิพลยุคแสวงหาของคนรุ่นใหม่ในยุโรปอเมริกา ต่อต้านสงครามเวียดนาม ต่อต้านการเหยียดผิวเหยียดเพศ ในประเทศไทยก็มีการเคลื่อนไหว “สตรี เสมอภาค สร้างสรรค์” ฟอกล้างความคิดความเชื่อ เช่น “เผาวรรณคดี” ต่อต้านวรรณคดีที่ชนชั้นนำใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ผู้หญิงเป็นสิ่งบำรุงบำเรอ ผู้หญิงเป็นฝ่ายผิดอย่างวันทอง

แน่ละ ขบวนการนักศึกษาโน้มไปทาง “ซ้าย” ซึ่งก็คือกระแสรักความเป็นธรรม ต่อต้านการกดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ที่เป็นกระแสโลกยุคนั้นเช่นกั้น นักศึกษาจึงออกไป “สามประสาน” ร่วมเคลื่อนไหวกรรมกรชาวนา

ยุคนั้นชาวนาต้องเช่านาทำแบ่งผลผลิตครึ่งต่อครึ่ง นักศึกษาสนับสนุนให้เกิดสหพันธ์ชาวนาชาวไร่ เรียกร้องจนได้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา 2517 เก็บค่าเช่าได้ไม่เกิน 1 ใน 3 เกิดการเคลื่อนไหวชาวนาอย่างกว้างขวางในภาคกลางและภาคเหนือ เพื่อตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมาย ต่อต้านเหมืองแร่ปล่อยมลพิษ การรุกล้ำที่ดินของข้าราชการและนายทุน ซึ่งทำให้ผู้นำชาวนาภาคเหนือถูกฆ่าตาย 23 คน

ยุคนั้นกรรมกรถูกกดค่าแรงสวัสดิการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของสฤษดิ์ถนอม เชิญต่างชาติมาลงทุน หลัง 14 ตุลาเกิดการนัดหยุดงานเรียกร้องเป็นพันๆ ครั้ง กระทั่งรัฐบาลยอมขยับค่าแรงขั้นต่ำจาก 12 บาทก่อน 14 ตุลา มาเป็น 16 บาท 20 บาท และ 25 บาท และออก พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ในปี 2518 โดยนักศึกษาเข้าไปร่วมตั้งศูนย์ประสานงานกรรมกร เข้าไปร่วมการต่อสู้ยืดเยื้อของกรรมกรหญิงโรงงานฮาร่า จนเป็นตำนาน “มด วนิดา”

ประชาธิปไตยเบ่งบานหลัง 14 ตุลา เป็นประชาธิปไตยกินได้ ที่แลกมาด้วยการต่อสู้ด้วยชีวิตเลือดเนื้อของผู้นำกรรมกรชาวนานักศึกษาที่ถูกลอบฆ่าไปหลายคน จนท้ายที่สุด ชนชั้นนำเห็นว่าขบวนการนักศึกษาจะเป็นภัย ด้วยความกลัวจะเป็นโดมิโนตัวต่อไป จากที่สมัยนั้นเวียดนาม ลาว กัมพูชา รบชนะ ก็ปลุกความเกลียดชัง “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” สังหารหมู่ 6 ตุลา

หลังจากนั้นนักศึกษาเข้าป่า ร่วมต่อสู้กับ พคท. แต่อกหักผิดหวัง ขัดแย้งเรื่องยุทธศาสตร์ ความเป็นประชาธิปไตย ต่อมาอุดมการณ์สังคมนิยมล่มสลาย เผด็จการพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่ระบอบในอุดมการณ์

แต่ปัจจุบันเป็นตลกร้าย สลิ่มไทยนิยมจีน ชื่นชอบเผด็จการพรรคเดียว เชียร์ให้ปราบม็อบคนรุ่นใหม่เหมือนม็อบฮ่องกง

ไม่ตระหนักเลยว่าชั่วๆ ดีๆ พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีประสิทธิภาพ ให้บริการประชาชนได้ดีกว่ารัฐราชการอนุรักษนิยม อย่างหน้ามือหลังเท้า จีนเป็นเผด็จการแต่อย่างน้อยก็ไม่มีผู้นำโง่ จีนเป็นคอมมิวนิสต์ อย่างน้อยก็ไม่สวดมนต์

45 ปีหลัง 6 ตุลา คนรุ่นนั้นทั้งเดินทางผิดทางถูก แต่ก็พยายามสืบทอดอุดมการณ์เสรีภาพความเป็นธรรม เช่นบางส่วนก็เป็น NGO ทำงานชนบท คนจนเมือง บางส่วนก็เข้าสู่การเมือง ผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน จนมีผลงานยิ่งใหญ่เช่น “30 บาทรักษาทุกโรค” หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่มาจากไอเดียหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผลักดันผ่านคนตุลาไทยรักไทย

แม้แน่ละ บางส่วนก็หลุดเข้าไปในวังวนอำนาจผลประโยชน์ เลวร้ายที่สุดคือกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย เพราะทัศนะสับสน ปฏิเสธระบอบตัวแทนจากเลือกตั้ง มุ่งต่อต้านทุนนิยม จนหน้ามืดตามัว เห็นเผด็จการอนุรักษนิยมเป็นดอกบัว มุ่งเอาชนะโดยไม่เลือกวิธีการ

ใครตายตาไม่หลับ ก็รู้กัน 45 ปี 6 ตุลาเป็นประวัติศาสตร์ร่วม ไม่ได้ห้ามคนต่างขั้วทางการเมือง แต่ไม่ยักกล้ามาเผชิญหน้าคนรุ่นใหม่

คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นแล้ว ที่น่าภาคภูมิใจคือเขาไม่ได้เรียกร้องเพียงเพื่อเสรีภาพของตัวเอง แต่ใส่ใจความเป็นธรรม ต่อต้านความเหลื่อมล้ำ เห็นคนเท่ากัน มีอารมณ์ร่วมเจ็บช้ำเป็นหนึ่งเดียวกับคนเสื้อแดง ทั้งที่โตไม่ทัน ทั้งที่บางคนเคยหลงเชื่ออีกข้าง

คนรุ่นใหม่ก็อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบ อาจยังสับสนบนความคิดหลากหลาย แต่มีความกล้าหาญท้าทายอำนาจที่ใหญ่โตมหึมา

ไม่ใช่แค่ “เวลาอยู่ข้างเรา” แต่ความเสื่อมของอำนาจศรัทธา ความห่วยไร้ประสิทธิภาพของรัฐราชการและผู้นำ ก็อยู่ข้างเรา

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6664484

2021-10-13 06:22

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar