......................................................................
Update : คำถามที่มีคำตอบ....
ที่มาของคำถามจากบทความของคุณปูนนก
ปูนนก-ผมเริ่มมีคำถามบางคำถามเกิดขึ้นในใจว่า
"นายก
ผู้สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของไทยให้ยิ่งใหญ่ได้นั้น จะเป็นคนๆ
เดียวกับที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารประเทศแบบเผด็จการอมาตย์
ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย หรือเปล่า???"
คลิกอ่าน : เรื่องความขัดแย้งทางการปกครองระหว่างระบอบอมาตยาธิปไตยกับระบอบประชาธิปไตย.!
โดย แสงตะวัน
ในยุคปัจจุบัน ชึ่งเป็นยุคไฮเทคโนโลยี่ ยุคโลกไร้พรหมแดน การต่อสู้เรียกร้องของประเทศต่างๆชึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนี้ เกี่ยวกับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่ มีสูตรสำเร็จกำหนดตายตัวที่จะนำมาเป็นแม่แบบเพื่อใช้แก้ปํญหาให้ลุล่วงไป ได้ เพราะปัญหาความต้องการของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังไม่มีทฤษฎีหรือตำราพิชัยสงครามแบบใหม่มาให้ใช้เป็นแนวทางชี้นำ ก่อน อื่นพวกเราต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าพ่อค้านักธุรกิจนายทุนก็คือนายทุน ที่ลงทุนค้าขายเพื่อให้ได้กำไร ต่างกับผู้นำนักปฏิวัติที่ทำงานเพื่ออุดมการณ์เพื่อสังคมส่วนรวม ต่อสู้เรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้นความคิดแบบพ่อค้ากับนักปฎิวัติสองสิ่งนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี อยู่ในตัวคนเดียวกัน
เริ่ม แรกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศโดยผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยตาม รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ซึ่งระบอบการปกครองโดยแท้จริงยังคงเป็นระบอบราชาธิปไตยอยู่ไม่ใช่ระบอบ ประชาธิปไตยตามที่พวกนักวิชาการต่างๆเข้าใจและโฆษณาหลอกลวงประชาชน เมื่อทักษิณเข้ามาเป็นนายกก็บริหารประเทศอยู่ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยนี้ แต่รัฐบาลทักษิณมีหลักนโยบายที่สามารถเห็นผลงานจับต้องได้และทำให้ ประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการบริหารของรัฐบาลทักษิน ซึ่งถ้าปล่อยให้ประเทศชาติได้มีโอกาศพัฒนาต่อไปภายใต้รัฐบาลของทักษิณประเทศ ชาติก็จะดำเนินก้าวหน้าและการวิวัฒนาการทางประชาธิปไตยก็จะก้าวหน้าต่อไป แต่ระบอบราชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ขัดขวางต่อระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด ซึ่งนายกทักษิณเองเขาไม่ได้มีแนวความคิดที่เปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างระบอบราชา ธิปไตยนั้นลง แต่พวกอำมาตย์เห็นว่าถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอันตรายแก่ พวกเขา เมื่อทักษิณถูกพวกอำมาตย์โค่นล้มลงในวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙ โดยทักษิณเองก็ยังจะพยายามประณีประนอมกับพวกอำมาตย์มาตลอดเวลา จนถึงทุกวันนี้ ทักษิณก็ยังไม่ยอมที่จะคิดเปลี่ยนแปลงระบอบราชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตย ประชาชนส่วนมากของประเทศคิดเอาเองว่าทักษิณจะเป็นผู้ที่จะนำประเทศชาติ และประชาชนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ซึ่ง เเป็นความคิดและความหวังของประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของทักษิณคือต้องการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อ จะดำเนินไปสู่การรักษาอำนาจและธุระกิจของกลุ่มทุนของพวกเขา ฉนั้นประชาชนจะมาเรียกร้องให้ทักษิณเปลี่ยนแนวคิดจากนายทุนมาเป็นผู้นำของ การปฎิวัตินั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่ ทักษิณเป็นผู้นำของการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้ายิ่งใหญ่ ได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบเผด็จการราชาธิปไตยไปสู่ระบอบ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จึงเป็นหน้าที่ของ "ประชาชนไทยทุกคน " ต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย ไม่ใช่ให้ทักษิณเป็นผู้ชี้นำคนเดียว.
บทต่อท้าย:
ประชาชน จงร่วมจับมือกัน แน่วแน่ มั่นคง เดินหน้าอย่างมีสติ ไม่ประมาท มุ่งมั่นฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายต่างๆ เพื่อปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกจากระบอบอำมาตย์เผด็จการทรราชราชา ธิปไตยให้ได้ โดยศึกษาเหตุการณ์ในอดีตนำมาใช้เป็นบทเรียน ในการต่อสู้ต้องมีการเตรียมพร้อม รอจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม มีการรณรงค์จัดตั้งองค์กร ที่มีระเบียบ มีวินัย มีทฤษฎีชี้นำที่ถูกต้อง มีขบวนการนำและสร้างแนวร่วมขยายออกไปให้กว้างขวาง มีระบอบป้องกันที่รัดกุม
เมื่อ ถึงเวลา ลุกขึ้นพร้อมๆกัน แล้ววันนั้นฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาธิปไตยจะเป็นของประชาชนไทย อย่านั่งงอมืองอเท้ารอให้คนอื่นทำอยากได้อะไรก็ต้องทำเอง ประชาธิปไตยไม่ได้มาโดยการร้องขอ แต่ได้มาจากการโค่นล้มระบอบเผด็จการอันเน่าเฟะนั้นลงไปแล้วสร้างสังคมใหม่ ขึ้นมาแทนคือสังคมที่มีความยุติธรรมมาตรฐานเดียว คนในสังคมมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ต้องไปนั่งกราบใหว้ใคร ไม่ต้องเป็นฝุ่นใต้ตีนของใครอีกต่อไป .... ถ้าประชาชนร่วมกันออกมาต่อสู้ชัยชนะก็จะเป็นของประชาชนเจ้าของประเทศอย่าง แน่นอน.... ประชาชนจงเจริญ.....!!!
..........................................
ตอบ :คำถามของคุณปูนนก
โดย แสงตะวัน
ในยุคปัจจุบัน ชึ่งเป็นยุคไฮเทคโนโลยี่ ยุคโลกไร้พรหมแดน การต่อสู้เรียกร้องของประเทศต่างๆชึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนี้ เกี่ยวกับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่ มีสูตรสำเร็จกำหนดตายตัวที่จะนำมาเป็นแม่แบบเพื่อใช้แก้ปํญหาให้ลุล่วงไป ได้ เพราะปัญหาความต้องการของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังไม่มีทฤษฎีหรือตำราพิชัยสงครามแบบใหม่มาให้ใช้เป็นแนวทางชี้นำ ก่อน อื่นพวกเราต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าพ่อค้านักธุรกิจนายทุนก็คือนายทุน ที่ลงทุนค้าขายเพื่อให้ได้กำไร ต่างกับผู้นำนักปฏิวัติที่ทำงานเพื่ออุดมการณ์เพื่อสังคมส่วนรวม ต่อสู้เรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้นความคิดแบบพ่อค้ากับนักปฎิวัติสองสิ่งนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี อยู่ในตัวคนเดียวกัน
เริ่ม แรกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศโดยผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยตาม รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ซึ่งระบอบการปกครองโดยแท้จริงยังคงเป็นระบอบราชาธิปไตยอยู่ไม่ใช่ระบอบ ประชาธิปไตยตามที่พวกนักวิชาการต่างๆเข้าใจและโฆษณาหลอกลวงประชาชน เมื่อทักษิณเข้ามาเป็นนายกก็บริหารประเทศอยู่ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยนี้ แต่รัฐบาลทักษิณมีหลักนโยบายที่สามารถเห็นผลงานจับต้องได้และทำให้ ประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการบริหารของรัฐบาลทักษิน ซึ่งถ้าปล่อยให้ประเทศชาติได้มีโอกาศพัฒนาต่อไปภายใต้รัฐบาลของทักษิณประเทศ ชาติก็จะดำเนินก้าวหน้าและการวิวัฒนาการทางประชาธิปไตยก็จะก้าวหน้าต่อไป แต่ระบอบราชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ขัดขวางต่อระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด ซึ่งนายกทักษิณเองเขาไม่ได้มีแนวความคิดที่เปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างระบอบราชา ธิปไตยนั้นลง แต่พวกอำมาตย์เห็นว่าถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอันตรายแก่ พวกเขา เมื่อทักษิณถูกพวกอำมาตย์โค่นล้มลงในวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙ โดยทักษิณเองก็ยังจะพยายามประณีประนอมกับพวกอำมาตย์มาตลอดเวลา จนถึงทุกวันนี้ ทักษิณก็ยังไม่ยอมที่จะคิดเปลี่ยนแปลงระบอบราชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตย ประชาชนส่วนมากของประเทศคิดเอาเองว่าทักษิณจะเป็นผู้ที่จะนำประเทศชาติ และประชาชนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ซึ่ง เเป็นความคิดและความหวังของประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของทักษิณคือต้องการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อ จะดำเนินไปสู่การรักษาอำนาจและธุระกิจของกลุ่มทุนของพวกเขา ฉนั้นประชาชนจะมาเรียกร้องให้ทักษิณเปลี่ยนแนวคิดจากนายทุนมาเป็นผู้นำของ การปฎิวัตินั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่ ทักษิณเป็นผู้นำของการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้ายิ่งใหญ่ ได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบเผด็จการราชาธิปไตยไปสู่ระบอบ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จึงเป็นหน้าที่ของ "ประชาชนไทยทุกคน " ต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย ไม่ใช่ให้ทักษิณเป็นผู้ชี้นำคนเดียว.
บทต่อท้าย:
ประชาชน จงร่วมจับมือกัน แน่วแน่ มั่นคง เดินหน้าอย่างมีสติ ไม่ประมาท มุ่งมั่นฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายต่างๆ เพื่อปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกจากระบอบอำมาตย์เผด็จการทรราชราชา ธิปไตยให้ได้ โดยศึกษาเหตุการณ์ในอดีตนำมาใช้เป็นบทเรียน ในการต่อสู้ต้องมีการเตรียมพร้อม รอจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม มีการรณรงค์จัดตั้งองค์กร ที่มีระเบียบ มีวินัย มีทฤษฎีชี้นำที่ถูกต้อง มีขบวนการนำและสร้างแนวร่วมขยายออกไปให้กว้างขวาง มีระบอบป้องกันที่รัดกุม
เมื่อ ถึงเวลา ลุกขึ้นพร้อมๆกัน แล้ววันนั้นฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาธิปไตยจะเป็นของประชาชนไทย อย่านั่งงอมืองอเท้ารอให้คนอื่นทำอยากได้อะไรก็ต้องทำเอง ประชาธิปไตยไม่ได้มาโดยการร้องขอ แต่ได้มาจากการโค่นล้มระบอบเผด็จการอันเน่าเฟะนั้นลงไปแล้วสร้างสังคมใหม่ ขึ้นมาแทนคือสังคมที่มีความยุติธรรมมาตรฐานเดียว คนในสังคมมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ต้องไปนั่งกราบใหว้ใคร ไม่ต้องเป็นฝุ่นใต้ตีนของใครอีกต่อไป .... ถ้าประชาชนร่วมกันออกมาต่อสู้ชัยชนะก็จะเป็นของประชาชนเจ้าของประเทศอย่าง แน่นอน.... ประชาชนจงเจริญ.....!!!
( หมายเหตุ-อัพเดท ให้พี่น้องประชาชนไทยเพื่อนรวมชาติได้อ่าน คิด
พิจารณาไตร่ตรอง ด้วยเหตุและผลบนพื้นฐานของความเป็นจริง
จะได้เข้าใจไม่สับสนรู้ทันกลเกมการเมือง"การแย่งชิงอำนาจของคู่กรณีทุกฝ่าย"
สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมา
ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ด้วยความปรารถนาดี)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar