พล.อ.ประยุทธ์ ชี้หุ้นตกเป็นไปตามกลไกตลาด ปัจจัยภายนอก ผสม ‘ข่าวลือส่งเดช’ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ แจงแบงก์ชาติ กระทรวงคลัง หลังตลาดปรับตัวลดลงแรง ขณะที่สมาคมโบรกมองหุ้นร่วงปัจจัยเหนือควบคุม
15 ธ.ค. 2557 หลังจากวันนี้ตลาดหุ้นปิดตลาดลบ 36.46 จุด ดัชนี 1,478 จุด มูลค่าซื้อขาย 1 แสนล้าน โดยลงอย่างหนักในช่วงบ่ายกว่า 130 จุด โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นไปตามกลไกตลาด และปัจจัยภายนอก รวมทั้ง ข่าวลือส่งเดช แต่ขณะนี้ได้รับรายงานว่าปรับตัวมาสู่ภาวะที่ค่อนข้างปกติแล้ว
“ขอให้ติดตามรอฟังข่าวดีจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่จะปรับโครงสร้างพลังงานให้เป็นไปตามกลไกจริง ไม่บิดเบือนเหมือนในอดีต โดยในวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) จะลดราคาน้ำมันเบนซิน ลิตรละ 2 บาท และน้ำมันดีเซล ลิตรละ 1 บาท เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน ตั้งแต่รัฐบาลและ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันในภาพรวมลดลงแล้วเกือบ 10 บาท/ลิตร แต่กองทุนน้ำมันฯ ยังคงต้องมีอยู่ เพื่ออุดหนุนกรณีตลาดโลกมีความผันผวนเรื่องราคาน้ำมัน รวมถึงเอาไว้สนับสนุนการพัฒนาพลังงานทดแทนต่างๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ แจงแบงก์ชาติ กระทรวงคลัง หลังตลาดปรับตัวลดลงแรง
เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากภาวะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากในวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการชี้แจงกับกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ ถึงสาเหตุซึ่งประเมินว่าน่าจะเป็นผลจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงส่งผลให้ให้บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจด้านพลังงานได้รับปัจจัยลบจนปรับตัวลดลง ขณะนี้ยังพบว่ามีหุ้นบางกลุ่ม เช่น อสังหาฯ ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน จึงส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ในภาพรวมได้รับแรงกดดัน และแกว่งตัวในแดนลบ
"เราได้ชี้แจงให้ทั้งกระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ ทราบแล้วในวันนี้ ว่าสาเหตุที่น่าจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง น่าจะเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบของตลาดโลก ส่วนเรื่องข่าวลือต่าง ๆ ก็ได้มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ก็อยากให้นักลงทุนระมัดระวัง ในการรับฟังข่าวต่าง ๆ"
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลงโดยตลอดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จะพบได้ว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจับัน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงปรับตัวเป็นบวกประมาณ 13-14% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีพอสมควร ดังนั้น หากนักลงทุนคัดเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนในระยะยาวก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่
สมาคมโบรกมองหุ้นร่วงปัจจัยเหนือควบคุม
ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย หรือ บล. มองว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ที่ปรับตัวลงเร็วและแรงมากกว่า 130 จุด เป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ล่าสุดที่ปรับตัวลงไปกว่า 300 จุด รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงไปเป็นต่ำ กว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ ในระดับที่เหมาะสมได้หลังจากราคาเริ่มนิ่ง
ภัทธีรา ยังเห็นว่า ทิศทางตลาดหุ้นในช่วงต่อจากนี้ยังไม่มีความแน่นอน โดยในส่วนของสมาคมคงไม่จำเป็นต้องเรียกหารือกัน เพราะไม่สามารถเข้าไปแทรกแทรงกลไกตลาดได้ เพียงแนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูงมาก
เรียบเรียงจาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, Money Channel และสำนักข่าวไทย
15 ธ.ค. 2557 หลังจากวันนี้ตลาดหุ้นปิดตลาดลบ 36.46 จุด ดัชนี 1,478 จุด มูลค่าซื้อขาย 1 แสนล้าน โดยลงอย่างหนักในช่วงบ่ายกว่า 130 จุด โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เป็นไปตามกลไกตลาด และปัจจัยภายนอก รวมทั้ง ข่าวลือส่งเดช แต่ขณะนี้ได้รับรายงานว่าปรับตัวมาสู่ภาวะที่ค่อนข้างปกติแล้ว
“ขอให้ติดตามรอฟังข่าวดีจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่จะปรับโครงสร้างพลังงานให้เป็นไปตามกลไกจริง ไม่บิดเบือนเหมือนในอดีต โดยในวันพรุ่งนี้ (16 ธ.ค.) จะลดราคาน้ำมันเบนซิน ลิตรละ 2 บาท และน้ำมันดีเซล ลิตรละ 1 บาท เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน ตั้งแต่รัฐบาลและ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันในภาพรวมลดลงแล้วเกือบ 10 บาท/ลิตร แต่กองทุนน้ำมันฯ ยังคงต้องมีอยู่ เพื่ออุดหนุนกรณีตลาดโลกมีความผันผวนเรื่องราคาน้ำมัน รวมถึงเอาไว้สนับสนุนการพัฒนาพลังงานทดแทนต่างๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากภาวะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากในวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการชี้แจงกับกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ ถึงสาเหตุซึ่งประเมินว่าน่าจะเป็นผลจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงส่งผลให้ให้บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจด้านพลังงานได้รับปัจจัยลบจนปรับตัวลดลง ขณะนี้ยังพบว่ามีหุ้นบางกลุ่ม เช่น อสังหาฯ ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน จึงส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ในภาพรวมได้รับแรงกดดัน และแกว่งตัวในแดนลบ
"เราได้ชี้แจงให้ทั้งกระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ ทราบแล้วในวันนี้ ว่าสาเหตุที่น่าจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง น่าจะเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบของตลาดโลก ส่วนเรื่องข่าวลือต่าง ๆ ก็ได้มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ก็อยากให้นักลงทุนระมัดระวัง ในการรับฟังข่าวต่าง ๆ"
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลงโดยตลอดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จะพบได้ว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจับัน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังคงปรับตัวเป็นบวกประมาณ 13-14% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีพอสมควร ดังนั้น หากนักลงทุนคัดเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนในระยะยาวก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่
สมาคมโบรกมองหุ้นร่วงปัจจัยเหนือควบคุม
ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย หรือ บล. มองว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ที่ปรับตัวลงเร็วและแรงมากกว่า 130 จุด เป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ล่าสุดที่ปรับตัวลงไปกว่า 300 จุด รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงไปเป็นต่ำ กว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ ในระดับที่เหมาะสมได้หลังจากราคาเริ่มนิ่ง
ภัทธีรา ยังเห็นว่า ทิศทางตลาดหุ้นในช่วงต่อจากนี้ยังไม่มีความแน่นอน โดยในส่วนของสมาคมคงไม่จำเป็นต้องเรียกหารือกัน เพราะไม่สามารถเข้าไปแทรกแทรงกลไกตลาดได้ เพียงแนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูงมาก
เรียบเรียงจาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์, Money Channel และสำนักข่าวไทย
........................................................................................................
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชื่อดังได้ออกมาแสดงทัศนะชี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะร่วงตกอย่างหนักอย่างแน่นอน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเร็ว ๆ นี้ และเป็นไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง
โดยนายมาร์ค สปิตซ์นาเกล ผู้บริหารกองทุน"Marc Faber" ผู้เคยมองว่า โลกจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจการเงินเมื่อปี 2008 ได้อย่างถูกต้อง และสามารถหากำไรจากวิกฤตดังกล่าวเป็นมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ระบุว่า เขาเชื่อว่า ตลาดหุ้นโลกจะต้องดิ่งร่วงอย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้น และหากเกิดขึ้นเร็ว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใด ๆ ทั้งสิ้น และว่า ขณะนี้ โลกได้มาถึงจุดฟองสบู่ทางการเงินโลกขนาดใหญ่ใกล้แตกตัวแล้ว โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจดิ่งร่วงกว่า 50 เปอร์เซนต์
นอกจากนี้ นายมาร์ค ยังได้กล่าวโจมตีนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ และนโยบายการใช้ดอกเบี้ยต่ำของเฟด ซี่งเขามองว่า เป็นมาตรการลงโทษผู้หารายได้ และประชาชนผู้เก็บออม ซึ่งถูกบีบให้ต้องนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่อยู่ภายใต้ภาวะเสี่ยง
รายงานระบุด้วยว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ พ่อมดการเงินโลก ก็ยังเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์วิกฤตเศรษกิจโลกครั้งใหม่นี้ด้วย โดยดัชนีเตือนภัยทางเศรษฐกิจของเขา หรือ"The Warren Buffet Indicator"ชี้ว่า ภาวะตลาดหุ้นล่มอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และกองทุนของเขาได้แห่ขายหุ้นทิ้งอย่างมากด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์บอกว่า หากวิกฤตดังกล่าวเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางเลือกที่ผู้คนจะต้องทำก็คือ รีบเทขายหุ้นทิ้งให้หมด และแปรสภาพหุ้นเป็นเงิน หรือไม่ก็รอเสี่ยงให้หุ้นรูดดิ่งจนกลายเป็นสินทรัพย์ที่ไร้ค่า
อย่างไรก็ตาม ด้านนายฌอน ไฮแมน ผู้ก่อตั้งกองทุน"Absolute Profits"มองต่างมุม โดยมองว่า ที่ผ่านมา มีหุ้นบางกลุ่มที่มีผลประการที่ดี และการเทขายหุ้นทิ้ง จะทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วนโดยดัชนีเตือนภัยทางเศรษฐกิจ และว่า เขาได้ออกแบบระบบเตือนภัยทางเศรษฐกิจเพื่อเตือนนักลงทุน โดยหากตลาดหุ้นเริ่มดิ่งร่วง ระบบของเขาจะออกสัญญาณเตือนนักลงทุนให้เทขายหุ้นทิ้ง
ทั้งนี้ ในปี 2013 นายไฮแมนได้พยากรณ์ได้อย่างถูกต้องว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งทะลุหลัก 15,000 จุด แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเกิดภาวะการเทขายหุ้นทิ้งที่สร้างความตื่นตระหนักให้แก่นักลงทุนก็ตาม
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar