ศาสนาประจำชาติของไทยคือ
“ลัทธิกษัตริย์”
ไม่ใช่พุทธศาสนา
ใจ
อึ๊งภากรณ์
ศาสนาประจำชาติที่ชนชั้นปกครองไทยพยายามยัดเยียดให้เรานับถือคือ
“ลัทธิบูชากษัตริย์” ไม่ใช่พุทธศาสนาแต่อย่างใด
ในสังคมเผด็จการล้าหลังของพวกคริสต์หรืออิสลาม
ในอดีตหรือปัจจุบัน ชนชั้นปกครองมักจะอ้าง “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” ในการกดขี่ประชาชนและการปราบปรามคนที่ถูกป้ายร้ายว่า “นอกรีต”คนที่คิดต่างนั้นเอง ในสเปนสมัยยุคกลาง
มีการตั้งองค์กร “สอบสวน” เพื่อทรมาน
ปราบปราม และกดดันคำสารภาพผิดจากคนที่คิดต่าง
ตอนนั้นกษัตริย์สเปนใช้ศาสนาคริสต์แบบเผด็จการ เพื่อกวาดล้างชาวมุสลิม “มัวร์”
ที่เคยครองสเปนและนำความเจริญศิวิไลซ์มาสู่ส่วนนั้นของยุโรป นอกจากนี้ชาวยิว
และคนที่ไม่ยอมก้มหัวให้กษัตริย์ล้าหลัง ก็ถูกกวาดล้างไปด้วยอย่างโหดร้ายทารุน ใครไม่เปลี่ยนความคิดก็จะถูกฆ่าหรือขับไล่ออกจากประเทศ
การใช้
“คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” ของพวกเผด็จการคริสต์
หรือโดยพวกมุสลิมล้าหลังในซาอุ หรือองค์กรไอซิล อาศัยการอ้างว่า “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์”
มาจากพระเจ้าและเถียงด้วยหรือวิจารณ์ไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์” ไม่ได้เขียนโดยพระเจ้า
ผมเองมองว่าพระเจ้าไม่มีจริงด้วยซ้ำ คัมภีร์ต่างๆ
เขียนขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ธรรมดาทั้งสิ้น
และที่สำคัญที่สุดคือคนอ่านสามารถตีความแตกต่างกันได้
ซึ่งเป็นประโยชน์กับการใช้เป็นเครื่องมือปราบปรามคนที่คิดต่าง
และเพื่อแสวงหาความชอบธรรมของพวกเผด็จการป่าเถื่อน
อย่างไรก็ตาม
“คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์”
สามารถถูกตีความเข้าข้างคนที่ถูกกดขี่ เพื่อให้ความหวังกับคนที่ไร้ความหวังได้
เพราะศาสนาเป็น “หัวใจในโลกที่ไร้หัวใจ” พร้อมกับเป็นเครื่องมือที่ชนชั้นปกครองใช้เพื่อกดขี่เรา
กษัตริย์ภูมิพลเป็นเสมือน
“คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์”
ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของชนชั้นปกครองไทย พวกนี้คุมเขาอยู่ตลอด โดยเฉพาะทหาร
ข้าราชการชั้นสูง และนักการเมืองนายทุน เพราะภูมิพลถูกปั้นขึ้นมาเป็น “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ตั้งแต่สมัยสงครามเย็นภายใต้เผด็จการสฤษดิ์
แต่ชนชั้นปกครองปั้นภูมิพลขึ้นมาแล้วเล่นละครกราบไหว้ภูมิพล
เหมือนกับว่าเกิดบนสวรรค์
กษัตริย์ภูมิพลถูกแต่งเป็นอัจฉริยะมนุษย์กึ่งพระเจ้าที่รู้ทุกอย่างและมีความสามารถรอบด้าน
ซึ่งล้วนแต่เป็นนิยายทั้งสิ้น ในความเป็นจริงนายภูมิพลมีความสามารถปานกลาง
ไม่มีอะไรพิเศษ และไม่เคยมีความกล้าหาญที่จะขัดกับเจ้านายแท้ในสังคมที่คุมและสร้างเขาขึ้นมาแต่แรก
ลัทธิกษัตริย์ไทยถูกใช้เพื่อปราบคนคิดต่าง
โดยมีองค์กหลายองค์กรที่ “สอบสวน” และ “ค้นหา” คนนอกรีต และกฏหมาย 112
คือกฏหมายปราบคนที่อยากเห็นรัฐไทยใหม่ที่มีเสรีภาพและความเท่าเทียม
และการขังลืมนักโทษ 112 เป็นการใช้ความรุนแรงในเชิงการทรมานจิตใจ
การกดดันให้นักโทษ “สารภาพผิด”
เพื่อลดโทษ ก็เป็นวิธี “พิสูจน์” ว่ามีคนคอย
“ทำลายความดีงาม” ของสังคมจริง
คำพูดกำกวมของนายภูมิพล
ตามสคริพท์ที่เจ้านายร่างให้ ก็เป็นวิธีปล่อยให้ชนชั้นปกครองตีความ “คัมภีร์” เพื่อเข้าข้างตนเองและให้ความชอบธรรมกับตนเองเสมอ
และถ้าใครกล้าเถียงก็จะโดน 112 ทันที
ศาสนาประจำชาติของชนชั้นปกครองไทย
พยายามทำให้ลัทธิกษัตริย์กับลัทธิชาตินิยมไปด้วยกันหรือเป็นสิ่งเดียวกันด้วย
ลัทธิกษัตริย์มันปกป้องฐานะพิเศษของอภิสิทธิ์ชนที่จะปกครองชาติและปกครองพลเมืองส่วนใหญ่
โดยใช้อำนาจนอกระบบประชาธิปไตย
พุทธศาสนาในรูปแบบที่นับถือกันในไทย
เป็นศาสนาที่เน้นความเชื่อและการกระทำของปัจเจกในการสร้างบุญ หรือในการลดความทุกข์
และมักมีการผสมเรื่องผีสางนางไม้หรือศาสนาฮินดูเข้าไปด้วย
เนื่องจากผู้ปกครองไทยแต่เดิมไม่อยากให้องค์กรศาสนาพุทธกลายเป็นคู่แข่ง
ก็มีการลดบทบาททางการเมืองของสงฆ์
ซึ่งต่างจากบทบาทพระสงฆ์ในขบวนการกู้ชาติของพม่าหรือลาว
ดังนั้นพุทธศาสนาไม่ได้ถูกใช้เป็นศาสนาประจำชาติเพื่อกดขี่ปราบปรามประชาชนในยุคนี้
เขาใช้ลัทธิกษัตริย์แทน
เราไม่ควรเข้าใจผิดว่าเมื่อภูมิพลตายลัทธิกษัตริย์จะตายไปด้วย
มันไม่ใช่ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องแต่งเพื่อปราบประชาชน
ดังนั้นจะเอาคนที่มีความสามารถปานกลาง หรือคนที่เกือบจะไม่มีความสามารถเลย
มาดำรงตำแหน่งได้เสมอ
ถ้าเราจะปลดแอกสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตย
เราจำเป็นต้องรื้อถอนลัทธิกษัตริย์ ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ และโค่นอำนาจของกองทัพ
--
Giles Ji Ungpakorn
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar