บีบีซีไทย - BBC Thai
นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดการเยือนฟิลิปปินส์ พอใจ 70 ปีความสัมพันธ์ใกล้ชิดของสองชาติ ทั้งชวนภาคเอกชนฟิลิปปินส์ขยายการลงทุนในไทย
สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดการเยือนฟิลิปปินส์แล้ว โดยได้ร่วมแถลงข่าวกับนายเบนิกโน อาคีโน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถึงผลการหารือทวิภาคีว่า ทั้งสองฝ่ายพอใจกับสถานะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและครอบคลุมรอบด้าน รวมทั้งเห็นพ้องกันว่า ในโอกาสที่ไทยกับฟิลิปปินส์ย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ของความสัมพันธ์ และการเป็นประชาคมอาเซียนในปีนี้ ท...ั้งสองประเทศจะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ และความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียน
“ทีมประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในฟิลิปปินส์ ได้แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ และประสงค์ขยายการลงทุนในฟิลิปปินส์ ซึ่งผมยินดีให้การสนับสนุนการลงทุนในฟิลิปปินส์ และขอรับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในโอกาสนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนภาคเอกชนฟิลิปปินส์ขยายการลงทุนในไทย และร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในสาขาที่สนใจ และได้แจ้งให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ทราบเกี่ยวกับพัฒนาการทางสถานการณ์การเมืองของไทย และการมุ่งการปฏิรูปประเทศภายใต้วิสัยทัศน์ 5 ปี ซึ่งขณะนี้ไทยกลับมามีเสถียรภาพและความมั่นคงแล้ว และจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559
นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความเสียใจต่อชาวฟิลิปปินส์ ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ในเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และว่า ขณะนี้ ทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
-ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์เข้าพบนายกรัฐมนตรี หวังความสัมพันธ์สองประเทศแน่นแฟ้นทุกมิติ
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย หวังกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน รวมถึงโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย พร้อมหารือแนวทางดูแลแรงงานข้ามชาติจากเมียนมาร์
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการพูดคุยว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว...่าการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย – เมียนมาร์ จะประสบความสำเร็จและช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ แสดงความขอบคุณที่ไทยอยู่เคียงข้างเมียนมาร์ในช่วงที่ประสบกับความยากลำบาก ตลอดจน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความยินดีที่ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดในทุกมิติและทุกระดับ โดยไทยยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมืออันใกล้ชิดกับเมียนมาร์อย่างต่อเนื่อง และจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่สามารถเชื่อมโยงกับเมียนมาร์และประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง โครงการทวาย ซึ่งทางฝ่ายเมียนมาร์กล่าวว่า ต้องการสนับสนุนให้โครงการนี้เกิดขึ้นโดยเร็วเช่นกัน เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
ในส่วนของความร่วมมือด้านแรงงาน รัฐบาลไทยจะเร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงาน เพื่อที่รัฐบาลไทยจะได้ดูแลแรงงานเหล่านี้ได้อย่างทั่วถึงและเพื่อป้องกันการโดนเอารัดเอาเปรียบ ขณะที่ทางเมียนมาร์รับที่จะไปเร่งรัดหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิสูจน์สัญชาติให้ดำเนินงานให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรองรับสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนด้วย พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดทำสายด่วน (hotline) ระหว่างผู้นำในระดับต่างๆ เพื่อให้ไทยและเมียนมาร์สามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ในตอนท้าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาร์ได้กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงความเชื่อว่า ภายใต้การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศและมีความสงบเรียบร้อย
คลิกอ่าน-Visa mer
นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดการเยือนฟิลิปปินส์ พอใจ 70 ปีความสัมพันธ์ใกล้ชิดของสองชาติ ทั้งชวนภาคเอกชนฟิลิปปินส์ขยายการลงทุนในไทย
สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดการเยือนฟิลิปปินส์แล้ว โดยได้ร่วมแถลงข่าวกับนายเบนิกโน อาคีโน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถึงผลการหารือทวิภาคีว่า ทั้งสองฝ่ายพอใจกับสถานะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและครอบคลุมรอบด้าน รวมทั้งเห็นพ้องกันว่า ในโอกาสที่ไทยกับฟิลิปปินส์ย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ของความสัมพันธ์ และการเป็นประชาคมอาเซียนในปีนี้ ท...ั้งสองประเทศจะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ และความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียน
สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดการเยือนฟิลิปปินส์แล้ว โดยได้ร่วมแถลงข่าวกับนายเบนิกโน อาคีโน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ถึงผลการหารือทวิภาคีว่า ทั้งสองฝ่ายพอใจกับสถานะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและครอบคลุมรอบด้าน รวมทั้งเห็นพ้องกันว่า ในโอกาสที่ไทยกับฟิลิปปินส์ย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ของความสัมพันธ์ และการเป็นประชาคมอาเซียนในปีนี้ ท...ั้งสองประเทศจะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ และความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียน
“ทีมประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในฟิลิปปินส์ ได้แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ และประสงค์ขยายการลงทุนในฟิลิปปินส์ ซึ่งผมยินดีให้การสนับสนุนการลงทุนในฟิลิปปินส์ และขอรับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในโอกาสนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนภาคเอกชนฟิลิปปินส์ขยายการลงทุนในไทย และร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในสาขาที่สนใจ และได้แจ้งให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ทราบเกี่ยวกับพัฒนาการทางสถานการณ์การเมืองของไทย และการมุ่งการปฏิรูปประเทศภายใต้วิสัยทัศน์ 5 ปี ซึ่งขณะนี้ไทยกลับมามีเสถียรภาพและความมั่นคงแล้ว และจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559
นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความเสียใจต่อชาวฟิลิปปินส์ ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ในเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และว่า ขณะนี้ ทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนภาคเอกชนฟิลิปปินส์ขยายการลงทุนในไทย และร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในสาขาที่สนใจ และได้แจ้งให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ทราบเกี่ยวกับพัฒนาการทางสถานการณ์การเมืองของไทย และการมุ่งการปฏิรูปประเทศภายใต้วิสัยทัศน์ 5 ปี ซึ่งขณะนี้ไทยกลับมามีเสถียรภาพและความมั่นคงแล้ว และจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559
นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความเสียใจต่อชาวฟิลิปปินส์ ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ในเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และว่า ขณะนี้ ทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
-ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์เข้าพบนายกรัฐมนตรี หวังความสัมพันธ์สองประเทศแน่นแฟ้นทุกมิติ
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย หวังกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน รวมถึงโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย พร้อมหารือแนวทางดูแลแรงงานข้ามชาติจากเมียนมาร์
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการพูดคุยว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว...่าการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย – เมียนมาร์ จะประสบความสำเร็จและช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ แสดงความขอบคุณที่ไทยอยู่เคียงข้างเมียนมาร์ในช่วงที่ประสบกับความยากลำบาก ตลอดจน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาร์ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย หวังกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเร่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน รวมถึงโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย พร้อมหารือแนวทางดูแลแรงงานข้ามชาติจากเมียนมาร์
พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการพูดคุยว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว...่าการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย – เมียนมาร์ จะประสบความสำเร็จและช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพทั้งสองให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ แสดงความขอบคุณที่ไทยอยู่เคียงข้างเมียนมาร์ในช่วงที่ประสบกับความยากลำบาก ตลอดจน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความยินดีที่ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดในทุกมิติและทุกระดับ โดยไทยยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมืออันใกล้ชิดกับเมียนมาร์อย่างต่อเนื่อง และจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่สามารถเชื่อมโยงกับเมียนมาร์และประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง โครงการทวาย ซึ่งทางฝ่ายเมียนมาร์กล่าวว่า ต้องการสนับสนุนให้โครงการนี้เกิดขึ้นโดยเร็วเช่นกัน เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
ในส่วนของความร่วมมือด้านแรงงาน รัฐบาลไทยจะเร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงาน เพื่อที่รัฐบาลไทยจะได้ดูแลแรงงานเหล่านี้ได้อย่างทั่วถึงและเพื่อป้องกันการโดนเอารัดเอาเปรียบ ขณะที่ทางเมียนมาร์รับที่จะไปเร่งรัดหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิสูจน์สัญชาติให้ดำเนินงานให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรองรับสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนด้วย พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดทำสายด่วน (hotline) ระหว่างผู้นำในระดับต่างๆ เพื่อให้ไทยและเมียนมาร์สามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ในตอนท้าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาร์ได้กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงความเชื่อว่า ภายใต้การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศและมีความสงบเรียบร้อย
คลิกอ่าน-Visa merในส่วนของความร่วมมือด้านแรงงาน รัฐบาลไทยจะเร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนแรงงาน เพื่อที่รัฐบาลไทยจะได้ดูแลแรงงานเหล่านี้ได้อย่างทั่วถึงและเพื่อป้องกันการโดนเอารัดเอาเปรียบ ขณะที่ทางเมียนมาร์รับที่จะไปเร่งรัดหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิสูจน์สัญชาติให้ดำเนินงานให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรองรับสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนด้วย พร้อมทั้งเสนอให้มีการจัดทำสายด่วน (hotline) ระหว่างผู้นำในระดับต่างๆ เพื่อให้ไทยและเมียนมาร์สามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ในตอนท้าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาร์ได้กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงความเชื่อว่า ภายใต้การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศและมีความสงบเรียบร้อย
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar