söndag 30 augusti 2015

สถาบันกษัตริย์กับความมั่นคงของชาติ


สถาบันกษัตริย์กับความมั่นคงของชาติ
โดย  แสงตะวัน

พวกชนชั้นศักดินาและทหารเผด็จการมักจะอ้างอยู่เสมอว่าการใช้ ม. ๑๑๒ ก็ดี การใช้ ม. ๔๔ ก็ดีเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ
โดยอ้างเหตุผลว่าความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์คือความมั่นคงของชาติ  ก่อนอื่นเราต้องคำนึงถึงการให้นิยามของคำว่า “ชาติ” เสียก่อนว่ามีความหมายถึงอะไร  “ ชาติ “ หมายถึงเขตแดน หรือ ( territory ) ที่มีคนหลายเชื้อชาติหลายชนเผ่าอาศัยอยู่รวมกันเป็นสังคมของชุมชน  มีรัฐบาลที่มาจากประชาชน  โดยประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของอำนาจนั้น  ซึ่งผู้เขืยนหมายถึงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยไม่ใช่เหมือนระบอบเผด็จการแบบประเทศไทย   โดยธรรมชาติของสังคมมนุษยชาติ ตั้งแต่เกิดมีชุมชนขึ้นมาในโลก อำนาจการปกครองสูงสุดเป็นของปวงชน   แต่ในประเทศไทยอำนาจสูงสุดของปวงชนถูกกษัตริย์ภูมิพลแย่งชิงเอาไปตั้งแต่  วันที่ ๙ มิถุนา พ.ศ. ๒๔๘๙ โดยการฆ่าพีชายของตนเองรัชกาลที่ ๘ 
เมื่อกษัตริย์ภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๙ ได้สนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจตลอดมาจนถึงเวลานี้มีการยึดอำนาจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน รวมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ ๒๒ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา



ดังนั้นถ้าจะอ้างถึงคำพูดของ Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ



สถาบันกษัตริย์


สถาบันกษัตริย์คือโครงสร้างส่วนบนของสังคมเป็นเพียงสถาบันส่วนหนึ่งของสังคมไม่ใช่
 “ ชาติ “  เพราะถ้าไม่มีชาติก็ไม่มีกษัตริย์ แต่ถ้าไม่มีกษัตริย์ “ ชาติ “ ก็อยุ่ได้  ดังนั้นชาติไม่จำเป็นต้องมีกษัตริย์ เหมือนกับหลายๆประเทศทั่วโลกที่ไม่มีกษัตริย์ประเทศเหล่านั้นก็พัฒนาเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ประชาชนมีความเสมอภาค มีสิทธิเสรีภาพ มีประชาธิปไตย มีการกินดีอยู่ดี มีสวัสดิการสังคมที่ดีรับประกันให้คนในสังคมตั้งแต่เกิดมาจนตาย  มีหลักประกันความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา มีบ้านอยู่อาศัย ไม่มีการกดขี่ห่มเหงเอารัดเอาเปรียบกันเหมือนในระบอบเผด็จการภูมิพลและครอบครัว


ฉะนั้นสถาบันกษัตริย์จึงไม่ใช่ “ ชาติ “ แต่เป็นเพียงสถาบันกาฝากที่ประชาชนต้องเสียเงินภาษีเลี้ยงดูเพิ่มขึ้นทุกปีๆ  ปีนี้หมื่นเจ็ดพันล้านบาทไม่รวมค่าบริจาคและวิธีการรีดไถอื่นๆอีก จนกลายเป็นกษัตริย์ทีร่ำรวยที่สุดในโลก
นอกจากนี้อำนาจการปกครองทุกอย่างไปรวมศูนย์อยู่ที่กษัตริย์  ศาล ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พรรคการเมือง สื่อสารมวลชน  ไปจนถึง สถาบันสงฆ์ และองค์กรอิสระต่างๆ  มาถึงยุคปลายรัชกาลที่ ๙ ชึ่งเป็นรัชกาลปัจจุบัน   ประชาชนไทยได้รับรู้ได้สัมผัสได้ลิ้มรสของความโหดเหี้ยมอำมหิตของกษัตริย์ภูมิพล  รวมถึงการโกหกหลอกลวงการตีสองหน้า อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจแต่ละครั้งและสั่งฆ่านักศึกษาประชาชนมาอย่างมากมายมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะการสังหารหมู่ประชาชนในใจกลางเมืองหลวง เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายนและ๑๙พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมากถึง ๙๑ ศพ บาดเจ็บและหายสาบสูญเป็นจำนวนหลายพันคน เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาชนชาวไทยส่วนมากจึงสิ้นศรัทธาไม่ต้องการให้มีระบอบการปกครองที่มีกษัตริย์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญอีกต่อไป  จึงทำให้สถาบันกษัตริย์สั่นคลอนอ่อนแอลง  อีกทั้งประกอบกับอาการเจ็บป่วยหนักของกษัตริย์และราชินีที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้


ในสภาพเช่นนี้พวกลิ่วล้อบริวารของกษัตริย์ที่เกาะทำมาหากินอยู่กับกษัตริย์ กลัวว่าตนเองจะเสียผลประโยชน์  จึงใช้กฎหมายครอบจักรวาล ทั้ง ม. ๑๑๒ และ ม. ๔๔ อย่างไม่มีขอบเขตโดยอ้างว่าเป็น     " ความมั่นคงของชาติ " เพื่อกดหัวประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคพวกตน.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar