นกน้อยในกรงทอง
ณ ราชสำนักกลางเทือกเขาแอลป์ของราชินีสุทิดา
อย่างไรก็ตามหากคุณไม่ยินดีสมัครสมาชิก คุณก็ยังกดติดตามเพื่อรับข่าวสารฟรีได้เช่นกัน ขอขอบพระคุณสำหรับการสนับสนุนครับ
ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลนับพันเมตร ข้างทะเลสาบขนาดย่อมและโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ที่สูงตระหง่าน เป็นที่ตั้งของเมืองแองเกิลเบิร์กแห่งสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยจับจิตจับใจ ในฤดูหนาวซึ่งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เมืองนี้ก็มีพายุหิมะหอบพาหิมะมาเยี่ยมเยือนอยู่ตลอด ขณะที่ในช่วงฤดูร้อน ก็มีคนเลี้ยงวัวพาเหล่าวัวโคขึ้นเดินไปบนทุ่งหญ้าบนเขาสูงเพื่อกินหญ้าหาอาหาร ท่ามกลางยอดเขาหิมะบริเวณนั้นที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย
ประชากรถาวรที่อาศัยอยู่เมืองนี้มีอยู่แค่ไม่กี่พันคน แต่เมืองแองเกิลเบิร์ก หรือที่แปลว่าภูเขาแห่งนางสวรรค์ (Angel’s Mountain) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวปีนเขาและเล่นสกีที่เป็นที่นิยมมากๆ
เมื่อสี่ปีก่อน เมืองนี้ได้ต้อนรับแขกสุดเซอร์ไพรซ์จากราชอาณาจักรไกลโพ้นข้ามทวีปไปกว่าห้าพันไมล์ แขกร่วม 60 ชีวิตนี้มีตั้งแต่คนรับใช้ แพทย์ คนขับรถ พ่อครัวแม่ครัว เลขานุการ คนพาสุนัขเดินเล่น นักดนตรี ไปจนถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
พวกเขาย้ายเข้ามาอาศัยที่โรงแรมหรูสูง 7 ชั้น ขนาด 60 ห้อง ชื่อ โรงแรมวัลเดกก์ โรงแรมนี้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2505 บนเนินเหนือเมืองแองเกิลเบิร์ก ซึ่งพร้อมด้วยวิวมุมกว้างของเทือกเขาแอลป์เมื่อมองจากระเบียงและสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่นที่หันไปทางทิศใต้ แขกเหล่านั้นยึดจองชั้นล่างสุดทั้งชั้นพร้อมกับแปลงให้เป็นครัวเพื่อประกอบอาหารของพวกเขาเอง รวมถึงจองห้องประชุมอย่างถาวรเพื่อการรวมตัวพบปะสังสรรค์ระหว่างวัน
สุทิดา ติดใจ อดีตพนักงานต้อนรับการบินไทย จอมพลหญิงแห่งกองทัพไทย และนางมเหสีของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ คือแขกที่มายึดครองแองเกิลเบิร์กเป็นบ้านของเธอ
อย่างไรก็ตามเมื่อตอนครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่โรงแรมวัลเดกก์ เธอยังไม่ได้เป็นสมาชิกราชวงศ์ด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของเธอกับวชิราลงกรณ์เป็นความลับต่อประชาชนชาวไทยเป็นเวลาหลายปี และราชสำนักก็ไม่เคยกล่าวถึงเธอ
แต่สำหรับชาวเมืองแองเกิลเบิร์ก มันชัดเจนกับพวกเขามากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีสถานะพิเศษ ด้วยเพราะเธอรายล้อมไปด้วยข้าราชบริพารจำนวนมาก รวมถึงวิธีการที่คนรอบตัวหมอบคลานเข้าหา หรือถวายคำนับเป็นพิเศษเมื่อเธอปรากฏตัว พฤติการณ์เหล่านี้เป็นที่สนใจอย่างมากในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยึดถือความเท่าเทียมมาอย่างยาวนาน ประชาชนชาวสวิสฯ นั้นยึดถือความเสมอภาคไม่ก้มหัวให้ใครอย่างภูมิใจและเคร่งครัด
สถานะพิเศษของสุทิดานั้นชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าแขกที่มาเยือนเธอนั้นยิ่งมีสถานะสูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก วชิราลงกรณ์นั่นเอง
กษัตริย์ไทยองค์นี้ชอบไปเยี่ยมเยือนเมืองพร้อมข้าราชบริพารจำนวนมากเกินจำเป็น เข้าพักที่โรงแรมวัลเดกก์ด้วยจำนวนที่เกินกว่าโรงแรมจะรับได้ และชอบปั่นจักรยานในชุดเปิดเผยเนื้อหนังสุดๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในรสนิยมอันเป็นที่รู้กันของเขา ข้าราชบริพารของเขาก็พาสุนัขพุดเดิลเดินเล่นบนถนนเมืองแองเกิลเบิร์ก รวมถึงตัวเขาพร้อมด้วยสุทิดาก็ไปช็อปปิ้งเป็นบางเวลา จับจ่ายซื้อเครื่องประดับจำนวนมาก แน่นอนว่าพฤติกรรมนี้ก็เป็นนิสัยที่ผู้คนคุ้นเคยกันดี
เมื่อสองปีก่อน ไม่กี่วันก่อนวันพิธีขึ้นครองราชย์ของวชิราลงกรณ์ เขาก็ได้แต่งงานกับสุทิดาที่กรุงเทพอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มีสถานะเป็นพระราชินีของประเทศไทย แต่สุดท้ายเธอก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่โรงแรมวัลเดกก์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่ดี
เป็นเวลาหลายปีอยู่ที่ผมพยายามสืบค้นข้อมูลชีวิตความเป็นอยู่ของวชิราลงกรณ์ในแคว้นบาวาเรีย เยอรมนี ที่ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในรีสอร์ตในเทือกเขาแอลป์ เช่นกันกับวิถีชีวิตของสุทิดาในแองเกิลเบิร์ก
แน่นอนว่ามันยากมากๆ ที่จะแทรกซึมเข้าไปรับรู้โลกลึกลับของราชวงศ์ไทยที่อาศัยในยุโรป เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังรู้ว่าตนเองจะโดนลงโทษอย่างรุนแรง รวมถึงอาจถูกทุบตีและทรมานถ้าหากถูกจับได้ว่าติดต่อสื่อสารกับนักข่าว พนักงานของโรงแรมต่างถูกสั่งให้เลี่ยงสื่อมวลชนทุกวิถีทาง และถูกบังคับให้เซ็นสัญญาลับที่ป่าเถื่อน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไทยทั้งที่เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ต่างได้รับคำสั่งให้จับตามองนักข่าวและช่างภาพ รวมถึงมีข้อมูลทะเบียนรถของนักข่าวจำนวนไม่น้อยอยู่ในมือ มีครั้งหนึ่งที่นักข่าวหนังสือพิมพ์สวิสสองคนจากซูริคเดินทางเพื่อจะไปทำข่าวที่แองเกิลเบิร์กเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2563 ทีมรักษาความปลอดภัยของไทยรับรู้การมาถึงเมืองของพวกเขาได้ภายใน 30 นาทีที่พวกเขาเหยียบเท้าเข้ามาในเมือง และนั่นเร็วกว่าที่พวกเขาจะเดินทางไปถึงโรงแรมที่หมายซะอีก แม้กระทั่งผู้คนในเมืองเองก็ไม่อยากจะพูดถึงเหล่าสมาชิกราชวงศ์เหล่านี้
แต่ว่าไม่นานมานี้ผมได้พูดคุยกับแหล่งข่าวทางตรงที่รู้ข้อมูลชีวิตของสุทิดาในแองเกิลเบิร์ก บางคนมีเครือข่ายรู้จักข้าราชบริพารของเธอโดยตรง และมีบางคนคนที่ได้รับข้อมูลมาจากวิธีอื่น เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา ผมไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของพวกเขาได้มากไปกว่านี้ แต่ผมได้ยืนยันตัวตนของพวกเขา รวมถึงยืนยันเครือข่ายและวิธีเข้าถึงข้อมูลของพระราชินีและคนรอบข้างได้ว่าเป็นของจริง
พวกเขาเลือกติดต่อกับผมด้วยเจตนาว่าพวกเขาเคารพนับถือสุทิดา และต่างก็หวาดกลัวกับสิ่งที่สุทิดาต้องพบเจอเนื่องจากวชิราลงกรณ์ อย่างไรก็ตามตัวสุทิดาเองนั้นไม่รับทราบว่าพวกเขาพูดคุยกับผม รวมถึงไม่ได้รับรู้รับทราบการเปิดเผยข้อมูลนี้แต่อย่างใด ซึ่งข้อมูลที่พวกเขาส่งให้นี้ทำให้เราได้รู้ข้อมูลเบื้องลึกของราชสำนักของพระราชินีในสวิตเซอร์แลนด์เป็นครั้งแรก
ต่อจากนี้เป็นเรื่องราวว่าหญิงสาวจากหาดใหญ่นั้นกลายมาเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและจากนั้นก็ผันตัวมาเป็นราชินีได้อย่างไร รวมถึงว่าแต่สุดท้ายทำไมเธอกลับมาติดอยู่ในกรงทอง ล้อมรอบด้วยทัศนียภาพสวยงามแต่ช่างห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน ว้าเหว่ ถูกจับตามองทุกย่างก้าว ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวและเสื่อมเกียรติ
สุทิดา ติดใจ หรือนุ้ย เกิดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปี 2521 เธอเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนทางภาคใต้ของประเทศไทย เธอเรียนมัธยมที่โรงเรียนในตัวเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จากนั้นจึงเข้ามาเรียนจนจบปริญญาตรีด้านนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเมื่อปี 2543
หลังจากเรียนจบ นุ้ยได้ไปเป็นพนักงานบนเครื่องบินสายการบินเจแปนแอร์ไลน์JALจากนั้นก็ย้ายมาอยู่การบินไทยในปี2546ผู้จัดการสายการบินในตอนนั้นชื่นชอบหน้าตาและภาพลักษณ์ของเธอมาก จนถึงขนาดตั้งให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์ ใส่ชุดเครื่องแบบและแต่งหน้าเต็มแน่น โพสท่าพนมมือไหว้ แล้วนำไปใช้ในงานโฆษณาสายการบิน รวมถึงนำมาทำเป็นภาพสแตนด์เท่าตัวจริงเอามาวางตั้งไว้หน้าห้องรับรองลูกค้าสายการบินไทยชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งทั่วโลก
อ้างอิงจากแหล่งข่าวภายใน ผู้ช่วยของวชิราลงกรณ์ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นมกุฏราชกุมารเห็นภาพโฆษณานี้ระหว่างที่เดินทาง จึงแนะนำวชิราลงกรณ์ว่าอยากให้เขาได้พบกับนุ้ย แน่นอน หนึ่งในวิธีเจริญก้าวหน้าและได้รับความไว้วางใจจากกษัตริย์คนนี้ ก็คือการแนะนำผู้หญิงใหม่ๆ ที่ถูกใจเขานั่นเอง
ในประเทศไทยช่วงนั้น วชิราลงกรณ์ก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีเกี่ยวกับความบ้าผู้หญิงและความโหดร้ายของเขาอยู่แล้ว
วชิราลงกรณ์หย่ากับโสมสวลี ลูกพี่ลูกน้องและภรรยาคนแรกของเขาเมื่อปี 2521 จากนั้นก็ไปแต่งงานกับยุวธิดา ผลประเสริฐ หรือเบนซ์ อดีตดาราหญิง ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 5 คนในช่วงสิบปีถัดมา แต่ในปี 2536 เขาก็พบกับผู้หญิงคนใหม่ ศรีรัศมิ์ สุวะดี อดีตหญิงบริการกลางคืนที่ธนบุรีคาเฟ่ เธอกลายเป็นคนโปรดของเขาอย่างรวดเร็ว วชิราลงกรณ์จึงขับไล่ยุวธิดาและลูกชายสี่คนออกนอกประเทศในปี 2539 และก็แต่งงานกับศรีรัศมิ์อย่างเงียบๆ ในปี 2544 ทั้งคู่มีลูกด้วยกันหนึ่งคนก็คือทีปังกรในปี 2548
ในทุกการแต่งงานของวชิราลงกรณ์ เขามีข้อกำหนดว่าภรรยาของเขาต้องให้เขามีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่นมากเท่าที่เขาอยากจะมี ในอดีคช่วงศตวรรษก่อนหน้า กษัตริย์ไทยสามารถตั้งฮาเร็มที่ประกอบไปด้วยพระราชินีและสนมจำนวนมากได้ วชิราลงกรณ์เชื่อว่าเขาก็มีสิทธิ์ทำอย่างกษัตริย์องค์ก่อนๆ แบบนั้นได้เช่นกัน
นอกจากนี้วชิราลงกรณ์ยังขึ้นชื่อเรื่องเป็นนักล่าผู้หญิง เขาสามารถสั่งให้นำตัวผู้หญิงเข้าไปหาเขาได้เสมอไม่ว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะเต็มใจหรือไม่ เหยื่อนักล่าจำนวนมากก็มาจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินการบินไทยหรือไม่ก็เจ้าหน้าที่หญิงในกองทัพอากาศที่เขาได้เจอระหว่างที่เขาเดินทางประกอบกรณียกิจในฐานะนักบิน
หลังจากที่เขาได้รับทราบเรื่องสุทิดา วชิราลงกรณ์ก็สั่งการให้สุทิดามาร่วมทีมลูกเรือในระหว่างการบินการกุศลกรุงเทพ – เชียงใหม่ที่เขาเป็นนักบินเองในวันที่ 5 มกราคม 2550 โดยที่ศรีรัศมิ์และลูกของเขาเองก็เป็นผู้โดยสารในเที่ยวบินนั้นด้วย
นั่นเป็นครั้งแรกที่วชิราลงกรณ์ได้พบกับสุทิดา ในตอนนั้นถึงแม้ว่าศรีรัศมิ์จะตามใจเขาให้เขามีนางบำเรอได้เท่าที่เขาต้องการ แต่ ณ จุดนั้น เขาได้เบื่อศรีรัศมิ์ไปแล้ว ความสนใจของเขาจึงพุ่งไปที่สุทิดาอย่างรวดเร็ว
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 วชิราลงกรณ์ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่แคว้นบาวาเรีย เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นั่นตั้งแต่นั้นมา แน่นอนว่าเขาพาสุทิดาไปด้วย
มีเหตุผลหลายอย่างที่คาดการณ์ว่าทำไมเขาถึงย้ายไปอยู่เยอรมนี หนึ่งในเหตุผลนั้นคือมีหลักฐานเหตุการณ์ที่น่าเชื่อถือได้ว่าวชิราลงกรณ์ได้รับเชื้อ HIV ในช่วงประมาณปี 2540 รวมถึงทีปังกร ลูกชายของเขาก็มีอาการผิดปกติด้านพัฒนาการที่คาดว่าจะเป็นออทิสซึ่ม เขามองหาวิธีการทดลองและการรักษาทางเลือกสำหรับตัวเขาและลูกชายของเขาที่คลินิควิลล่า เมดิก้า ซึ่งเป็นคลินิคของคนไทยที่อยู่ที่เยอรมนี
นอกจากนี้แล้ว เขายังอยากจะหนีจากสายตาไม่ยอมรับและจับผิดจากภูมิพลและสิริกิติ์ พ่อแม่ของเขา รวมถึงชิ่งตัวเองจากศรีรัศมิ์เพื่อที่เขาจะได้ใช้เวลากับสุทิดามากขึ้น ด้วยการไปตั้งรกรากที่อื่นไกลๆ จากประเทศไทย จะได้ใช้ชีวิต แสดงออกรสนิยมแต่งตัวกึ่งนู้ดในที่สาธารณะได้สะดวก รวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมราชพิธีที่น่ารำคาญต่างๆ ในกรุงเทพ
ในตอนแรกวชิราลงกรณ์ตั้งฐานทัพของเค้าเองอยู่กับสุทิดาและฟูฟู สุนัขพุดเดิลตัวโปรดของเขาที่โรงแรมเคมปินสกี้ที่สนามบินมิวนิค โดยเขาได้เช่าเพนเฮ้าส์เหมาชั้นถาวรในฝั่งหนึ่งของอาคารโรงแรม
แน่นอนว่าที่นี่เป็นที่อยู่ที่สะดวกเหมาะสมกับเขามาก เพราะว่าโรงแรมในเครือเคมปินสกี้นั้นเป็นของราชวงศ์เองที่บริหารจัดการผ่านสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และงานอดิเรกของเขานอกเหนือจากการล่าผู้หญิงแล้วก็คือการขับเครื่องบิน นายกษิตย์ ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเคยคุยกับอีริก จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริการะหว่างมื้ออาหารในปี 2552 ว่าโลกของวชิราลงกรณ์นั้นหมุนรอบ “ความรักในการบินและผู้หญิง” เขาเอาเครื่องบินโบอิ้ง 737 พระที่นั่งส่วนตัวของเขาจอดไว้ที่สนามบินมิวนิค วันไหนเขาเบื่อๆ เขาก็แค่ก้าวเท้าออกจากห้องโรงแรมเคมปินสกี้และก็บินเล่นรอบยุโรปได้ภายในไม่กี่นาที
หลังจากที่แยกกัน วชิราลงกรณ์ก็แทบไม่พบกับศรีรัศมิ์อีกเลย แม้แต่ตอนที่เขาต้องกลับไทยไปทำกรณียกิจ เขาก็ไปพักอยู่กับนางสนมคนอื่นอยู่ที่ห้องสวีทส่วนตัวที่สนามบินดอนเมือง แหล่งข่าวลับอเมริกาเคยบรรยายชีวิตของวชิราลงกรณ์ไว้ในปี 2552 ว่า”
วชิราลงกรณ์ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขา (อาจถึง 75%) ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอยู่ในยุโรป (ส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านพักตากอากาศในสปาการแพทย์ ห่างจากมิวนิค 20 กิโลเมตร) อยู่กับเมียน้อยและฟูฟู สุนัขพุดเดิลสีขาวตัวโปรด เป็นไปได้ว่าวชิราลงกรณ์เจ็บป่วยจากอาการเกี่ยวกับเลือด (แหล่งข่าวหลายแหล่งบอกไปในทิศทางต่างๆ ว่าเขาติด HIV บ้าง เป็นตับอักเสบชนิด C บ้าง เป็นมะเร็งเลือดประเภทหายากบ้าง รวมถึงอาการต่างๆ รวมกันที่ทำให้ต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ) ส่วนศรีรัศมิ์ ภรรยาคนที่สามและคนปัจจุบันของเขาพร้อมกับอทิตยาทรกิติคุณ ลูกชายวัยสี่ขวบของเขาที่รู้จักในนามองค์ที ได้ย้ายไปอยู่ที่วังสุโขทัยในกรุงเทพ แต่เมื่อวชิราลงกรณ์เดินทางกลับกรุงเทพ เขาพักอาศัยอยู่กับเมียน้อยคนที่สองที่ห้องรับรองวีไอพีกองทัพอากาศที่กองบิน 6 สนามบินดอนเมือง (หมายเหตุ: เมียน้อยทั้งสองคนเป็นพนักงานต้อนรับการบินไทย ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ฟ้าชายเปลี่ยนจากการขับเครื่องบิน F5s ไปขับเครื่องบินโบอิ้งและแอร์บัสของการบินไทย” มีน้อยคนที่จะได้อยู่วงในใกล้ชิดกับฟ้าชายได้ในระยะยาว เนื่องจากความโหดร้ายรุนแรงและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเขา
ในตอนนั้นประชาชนไทยไม่เคยได้รับรู้เลยว่าฟ้าชายของพวกเขาไม่ได้อยู่ในประเทศ โฆษณาชวนเชื่อโดยสำนักพระราชวังยังคงแสร้งว่าสมาชิกราชวงศ์ทั้งหลายยังอยู่ในไทยและทำกรณียกิจต่างๆ เพื่อประเทศ ทั้งที่จริงแล้ววชิราลงกรณ์นั้นหมดเวลาไปกับการขับเครื่องบินเล่น เสพย์สังวาส กินและเที่ยวช็อปปิ้งอยู่ในเยอรมนี
ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี วชิราลงกรณ์นั้นหมดเวลาไปหลายชั่วโมงกับการบินเล่นด้วยโบอิ้ง 737 ของเขา ทริปกินเที่ยวช็อปของเขานั้นเป็นที่เลื่องลือในบาวาเรียและกระฉ่อนไปทั่ว ก่อนเขาจะไปถึงห้าง ข้าราชบริพารจะต้องไปที่ห้างก่อนเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยรวมถึงความสะอาดของห้องน้ำ จากนั้นวชิราลงกรณ์ก็จะเดินทางมาถึงพร้อมด้วยข้าราชบริพารจำนวนมากเพื่อที่จะซื้อของที่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีความเจาะจงอะไร อย่างไรก็ตาม เขาดูสนใจรูปปั้นกระเบื้องเป็นพิเศษ และหลายครั้งที่เขาซื้อรูปปั้นพวกนี้นับร้อยตัวพร้อมกัน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับข้าราชบริพาร ค่าเครื่องบิน ค่าเที่ยวช็อปปิ้งของเขาในยุโรปนี้ใช้เงินจำนวนมหาศาล
เมื่อเดือนกันยายน ปี 2552 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Wochenblatt ได้ตีพิมพ์ภาพของวชิราลงกรณ์กับสุทิดาในงานเทศกาลในเมืองไฟรซิ่งใกล้กับสนามบินมิวนิค บอดี้การ์ดในรูปภาพนั้นคือพี่ชายของศรีรัศมิ์ ภรรยาของเขาที่ถูกทิ้งอยู่ที่ประเทศไทย
ในตอนนั้นวชิราลงกรณ์พยายามจะเก็บงำพฤติกรรมและกิจกรรมของเขาเป็นความลับเพราะเขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เขาทำตัวแปลกประหลาดแบบนี้ จนถึงขั้นว่าอาจจะเปลี่ยนแผนที่จะให้เขาขึ้นครองราชย์ต่อ แต่ในที่สุดเขาก็ทำตัวเปิดเผยมากขึ้นหลังจากที่สิริกิติ์เกิดอาการเส้นเลือดในสมองอุดตันในปี 2555 หมดสิทธิ์บงการชีวิตเขาอีกต่อไป รวมถึงภูมิพลที่แก่ชราและทุพพลภาพขึ้นไปอีก
ในที่สุดเมื่อปี 2557 วชิราลงกรณ์ก็หย่ากับศรีรัศมิ์อย่างเป็นทางการและกักบริเวณเธอไว้ที่บ้านในราชบุรี รวมถึงสั่งจำคุกญาติของเธอจำนวนไม่น้อย ในจำนวนของคนที่ถูกจองจำนั้นรวมถึงพ่อแม่ของเธอ พี่น้องของเธอทั้งสี่คน รวมไปถึงพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางซึ่งเป็นลุงของศรีรัศมิ์ และเคยเป็นผู้ที่ดูแลเครือข่ายอาชญากรรมในนามของวชิราลงกรณ์เอง
อย่างไรก็ตาม การสิ้นยุคของศรีรัศมิ์นั้นไม่ได้ทำให้ตำแหน่งของสุทิดามั่นคงขึ้นแต่อย่างใด เพราะว่าความป่วยไข้ของพ่อแม่ของวชิราลงกรณ์นั้นทำให้พวกเขาคุมวชิราลงกรณ์ไม่ได้อีกต่อไป ก่อนหน้านี้นั้นเขาเป็นแค่คนเจ้าชู้ แต่ตอนนี้เขาพร้อมที่จะเริ่มสร้างฮาเร็มของตัวเองเยี่ยงบูรพกษัตริย์แล้ว ที่แย่ไปกว่านั้น ตอนนี้เขาติดใจผู้หญิงใหม่คนหนึ่ง นิรมล อุ่นพรม หรือก้อย อดีตพยาบาลที่กลายมาเป็นคนโปรดของเขาอย่างรวดเร็ว
ในช่วงปี 2558 วชิราลงกรณ์ได้ซื้อคฤหาสน์ใกล้มิวนิคไว้สองที่ ที่แรกคือวิลล่าสโตลเบิร์กมูลค่ากว่า 12 ล้านยูโร (ประมาณ 450 ล้านบาท) ที่ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบสตาร์นเบิร์กในเมืองตุตซิ่ง อีกที่หนึ่งคือคฤหาสน์ใกล้เมืองเฟลดาฟิง มูลค่าประมาณ 5.1 ล้านยูโร (ประมาณ 190 ล้านบาท) แต่ทว่าวชิราลงกรณ์นั้นไม่เคยไปพักอยู่ที่สองบ้านพักนี้เลย เป็นทีปังกรเองที่อยู่ที่เฟลดาฟิงกับผู้ดูแลของเขา ส่วนคฤหาสน์ที่ตุตซิ่งนั้นแทบจะถูกปล่อยร้าง
ไม่ได้มีเหตุผลที่แน่ชัดเท่าไหร่ว่าทำไมวชิราลงกรณ์ถึงอยากอยู่ในโรงแรมที่ราคาแพงมากกว่าคฤหาสน์ แหล่งข่าวในพระราชสำนักบอกว่ามีโหรเคยทำนายกับเขาไว้ว่าถ้าเขาอยู่ที่บ้านพักถาวรนอกประเทศ เขาจะต้องสูญเสียบัลลังก์ ซึ่งทฤษฎีนี้ก็เป็นไปได้ซะด้วย พ่อแม่ของเขาอาจจะเป็นคนเตี๊ยมกับโหรไว้เองว่าให้บอกกับวชิราลงกรณ์แบบนี้ แต่อีกทฤษฎีนึงก็เป็นไปได้ว่า ไม่น่าจะมีบ้านหรือตึกไหนที่จะใหญ่พอจะเป็นที่พักให้กับข้าราชบริพารและผู้ติดตามของเขาได้ทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องต่อเติมอาคาร
วชิราลงกรณ์ได้ก้าวขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 10 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 หลังจากการสวรรคตของภูมิพล แต่การตัดสินใจของเขาก็ทำให้รัฐบาลทหารที่รับหน้าอยู่ต้องลำบาก เขาบอกว่าเขาต้องการไว้ทุกข์ให้กับพ่อของเขาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่อยกลับมาทำกรณียกิจต่างๆ และก็บินกลับเยอรมนีทันที
ด้วยความที่ตอนนี้ไม่มีใครที่จะคอยควบคุมเขาได้ เขาก็เริ่มใช้ชีวิตแฟนตาซีแบบที่เขาฝันถึงมานานแล้ว
วชิราลงกรณ์และข้าราชบริพารของเขาสละจากโรงแรมที่สนามบินมิวนิค ที่ซึ่งตอนนี้ถูกรีแบรนด์เป็นโรงแรมฮิลตัน แล้วย้ายไปที่โรงแรมโซนเนนไบเคิลในเมืองการ์มิช-พาร์เทนเคอเช่นในแคว้นบาวาเรีย เยอรมนี
เจ้าของโรงแรมนี้คือดาร์วิช บิน อิสมาอิล อัล-บาลุชชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศโอมาน โรงแรมนี้ดั้งเดิมเป็นบ้านของตระกูลบาเดอร์ ตระกูลเศรษฐีเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน ก่อนที่จะถูกทำเป็นโรงแรมในปี 2433 ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โรงแรมนี้ได้เปิดใช้เป็นโรงพยาบาลทหารนาซี เมืองการ์มิช-พาร์เทนเคอเช่นนั้นห่างจากมิวนิคลงมาทางทิศใต้แค่เพียงหนึ่งชั่วโมงทางถนน และเป็นเมืองที่โด่งดังจากรีสอร์ทในเทือกเขาแอลป์ มีที่ตั้งใกล้กับสถานที่เล่นสกีที่ขึ้นชื่อเช่นภูเขาซุกสปิตช์และสกีรีสอร์ตการ์มิชคลาสสิค
วชิราลงกรณ์แปลงโรงแรมให้กลายเป็นราชวังเริงสำราญส่วนตัวของเขาเอง ที่ชั้นสี่ของโรงแรมนั้นถูกเหมาชั้นและเปลี่ยนเป็นที่พำนักของเขา ทั้งชั้นนั้นถูกตกแต่งและจัดวางทรัพย์สมบัติรวมถึงวัตถุโบราณที่เขาเอามาจากไทย พนักงานโรงแรมยังถูกห้ามไม่ให้เข้ามาในโซนส่วนตัวนั้นอย่างเด็ดขาด จะเข้าได้ก็แต่นางสนมและคนรับใช้คนสนิทเท่านั้น
ห้องสวีทใหญ่ห้องหนึ่งถูกตั้งชื่อว่า “ห้องสุขสำราญ” ห้องนั้นก็คือห้องที่วชิราลงกรณ์ใช้เวลาไปกับนางสนมในฮาเร็มของเขา เขาจัดระบบหมวดหมู่สมาชิกฮาเร็มเยี่ยงระบบทหาร ไปจนกระทั่งตั้งชื่อหน่วยว่า SAS ซึ่งล้อมาจาก Special Air Service (หน่วยพิเศษทางอากาศ) ที่เป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพบริติช
ผู้หญิงในฮาเร็มของวชิราลงกรณ์แต่ละคนจะได้รับชื่อพระราชทานพิเศษเพื่อบ่งบอกว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อเขา ก้อยซึ่งเป็นเสมือนสมาชิกกิตติมศักดิ์ของฮาเร็มก็ได้ชื่อใหม่ว่าสินีนาฏ วงศ์วชิรภักดิ์ และนางบำเรอคนอื่นๆ ในฮาเร็มได้รับนามสกุลสิริวชิรภักดิ์
นอกจากนี้ ผู้หญิงทุกคนนั้นยังได้รับสร้อยพร้อมจี้รูปหัวใจไว้สวมใส่เพื่อเป็นสัญลักษณ์การเป็นสมาชิกฮาเร็มอีกด้วย ไม่นานนักนางบำเรอในกลุ่มนี้ก็มีมากกว่า 20 คน
ไม่แปลกใจนักที่สุทิดาจะไม่พอใจเรื่องเหล่านี้ เธอไม่ได้อยากเป็นแค่หนึ่งในหญิงสาวธรรมดาในฮาเร็มของวชิราลงกรณ์ที่ในโซนเนนไบเคิล ตัววชิราลงกรณ์เองก็ไม่ได้ต้องการมีเธออยู่คอยป้วนเปี้ยนขัดขวางความสุขของเขาเช่นกัน
ในที่สุด สุทิดาก็ถูกส่งให้ไปอยู่ที่อื่นแยกไปจากวชิราลงกรณ์ เธอโดนย้ายไปอยู่ที่แองเกิลเบิร์กแล้ววชิราลงกรณ์ค่อยไปเยี่ยมหาเธอเป็นบางครั้งบางคราว สุทิดาเริ่มถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว ตกที่นั่งเดียวกับศรีรัศมิ์เมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
แหล่งข่าวภายในราชสำนักของสุทิดาที่แองเกิลเบิร์กบอกว่าชั้น 7 หรือชั้นบนสุดของโรงแรมวัลเดกก์ถูกเช่าเหมาชั้นให้สุทิดาและคนรับใช้คนสนิทเท่านั้น รวมถึงเป็นที่ให้วชิราลงกรณ์มาพักด้วย ขณะที่ข้าราชบริพารในตำแหน่งสูงๆ คนอื่นจะอาศัยอยู่ที่ชั้น 6 และพนักงานโรงแรมถูกสั่งห้ามไม่ให้ย่างกรายขึ้นไปที่ 7 เป็นอันขาด
แหล่งข่าวยังบอกอีกว่าสุทิดานั้นใจดีกับเจ้าหน้าที่ของเธอ และเป็นมิตรกับผู้คนที่เธอพบที่แองเกิลเบิร์ก เธอมักใช้เวลาลงมาพูดคุยสังสรรค์กับเจ้าหน้าที่อยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งถูกจองไว้ให้กลุ่มคนไทยเหล่านี้ได้พบปะกัน แหล่งข่าววงในคนหนึ่งบอกว่า
ตอนพระราชินีอยู่ที่แองเกิลเบิร์ก เธอจะมีคนอยู่กับเธอด้วยประมาณ 60 คน ฉันบอกได้ว่าพระราชินีเป็นคนติดดิน และรับรู้ได้ว่าเธอชอบพูดคุยกับ ”คนธรรมดา” ทั่วไป และเธอก็ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ของเธอต้องเจอปัญหา ซึ่งสถานการณ์ทุกอย่างก็ปกติดีตราบใดที่เธออยู่ที่นี่โดยไม่มีวชิราลงกรณ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่วชิราลงกรณ์มาเยือน เมื่อนั้นสถานการณ์จะกลายเป็นความกระอักกระอ่วนไม่สบายใจ
แหล่งข่าวบอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่วชิราลงกรณ์มา เขาจะพาข้าราชบริพารกว่า 90 คนมาด้วย นั่นแปลว่าจำนวนคนไทยที่โรงแรมจะเพิ่มขึ้นเป็น 150 คนทันที
ถึงแม้แองเกิลเบิร์กนั้นจะอยู่ห่างจากการ์มิช-พาร์เทนเคอเช่นลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้เพียงแค่ระยะเวลาขับรถประมาณสี่ชั่วโมงครึ่ง แต่วชิราลงกรณ์นั้นไม่เคยจะขับรถมา เขาจะขับเครื่องบิน 737 ลำโปรดของเขาจากมิวนิคไปที่ซูริค จากนั้นถึงจะนั่งรถและเคลื่อนขบวนเสด็จขนาดใหญ่ประมาณชั่วโมงหนึ่งลงมาที่แองเกิลเบิร์ก
วชิราลงกรณ์ไม่เคยพยายามจะปกปิดพฤติกรรมของเขาแม้แต่น้อย เขาพกฮาเร็มของเขามาด้วยเสมอและก็ยึดครองชั้น 7 ของโรงแรมจนหมด
ในวันทั่วๆ ไปเวลาวชิราลงกรณ์มาอยู่ที่โรงแรมวัลเดกก์ เขาจะตื่นนอนประมาณสี่โมงเย็นมากินข้าวกับสุทิดา
เขาตื่นสี่โมงเย็น กินข้าวด้วยกัน แล้วก็ไล่สุทิดาไปที่อื่นหลังจากกินข้าวเสร็จ
สุทิดาถูกขับออกจากชั้น 7 เพื่อที่วชิราลงกรณ์จะได้เสพสุขอยู่กับฮาเร็มของเขา ระหว่างนั้นสุทิดาก็จะมาอยู่กับบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ชั้นล่าง
เขาไม่ค่อยจะอยู่กับพระราชินีนัก เขาชอบอยู่ที่ชั้น 7 กับสาวๆ ของเค้า ขณะที่พระราชินีจะไปทำอย่างอื่นอยู่ที่ชั้นล่างพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของเธอ
หลังจากนั้นกลางดึกประมาณตีสองตีสามวชิราลงกรณ์ถึงจะเรียกสุทิดาขึ้นมาเจออีกครั้ง กินข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อ แล้วก็แยกย้ายไปนอน
บางวันที่วชิราลงกรณ์นึกอยากออกไปปั่นจักรยานหรือเล่นสกีเขาจะตื่นเช้าขึ้นหน่อย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งานอดิเรกใหม่ของวชิราลงกรณ์ที่มาแทนที่การขับเครื่องบินก็คือการปั่นจักรยาน แน่นอนว่าเขาทำกิจกรรมเหล่านี้ก็เมื่อว่างเว้นจากการกินและมีเซ็กส์ อ้างอิงจากบทความในนิตยสาร The Economist ที่ตีพิมพ์การใช้ชีวิตของเขาในยุโรป
คนวงในคนหนึ่งสรุปกิจกรรมชีวิตวชิราลงกรณ์อย่างสั้นๆ ไว้ว่า “กิน ขี่ ปี้” เขาทำแค่สามอย่างนี้แหละ
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นสวิสชื่อลูเซินเนอร์ ไซติ้ง เคยเผยแพร่ภาพวชิราลงกรณ์ปั่นจักรยานในเมืองลูเซิร์นเมื่อปี 2019 พร้อมด้วยข้าราชบริพารหมอบคลานคุกเข่าอยู่ข้างๆ เขา ในภาพมีผู้หญิงอยู่กับเขาด้วยหนึ่งคนแต่ไม่ชัดเจนว่านั่นเป็นสุทิดาหรือว่าเป็นคนอื่นจากในฮาเร็ม
เวลาวชิราลงกรณ์มาที่แองเกิลเบิร์ก เขานำพาบรรยากาศแห่งความกลัวมาด้วย เขาขึ้นชื่อในเรื่องความโหดร้ายกับใครก็ตามที่ทำให้เขาไม่พอใจอยู่แล้ว และลูกสมุนเค้าก็พร้อมจะเฆี่ยนตีหรือทรมานเจ้าหน้าที่ทางวังในเรื่องความผิดแม้เพียงเล็กน้อย การลงโทษพวกนี้มักจะมีการบันทึกภาพหรือคลิปไว้ด้วย เพราะว่าวชิราลงกรณ์ก็ชอบดูเพื่อความบันเทิง
วชิราลงกรณ์มีเครือข่ายกาคาบข่าวอยู่ในหมู่ข้าราชบริพารที่รับใช้สุทิดาในแองเกิลเบิร์ก พวกเขาคอยคาบข่าวไปแจ้งวชิราลงกรณ์เสมอว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่นั่น
หนึ่งในเรื่องประหลาดของการเป็นสมาชิกราชวงศ์ไทยคือคุณแทบจะไม่เคยได้อยู่คนเดียวเลย ตั้งแต่ตื่นไปจนถึงเวลานอน คุณจะถูกรายล้อมด้วยผู้คนเสมอ ไม่ยากนักที่วชิราลงกรณ์จะมอบหมายคนของเขาให้อยู่ในหมู่นางรับใช้ของสุทิดา คอยรายงานทุกอย่างที่เธอทำ ทุกคนที่เธอพูดคุยด้วย หรือแม้แต่ว่าเธอพูดอะไรบ้าง
จากแหล่งข่าววงในเดียวกัน เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2020 มีผู้ชายสองคนถูกลงโทษ เสียงกรีดร้องโหยหวนของพวกเขาถูกกระจายผ่านวิทยุสื่อสารที่วางไว้ข้างปากพวกเขาระหว่างการทรมานเพื่อเป็นการตักเตือนและข่มขู่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่รับใช้สุทิดาอยู่ในแองเกิลเบิร์ก ซึ่งใช้วิทยุสื่อสารเป็นอุปกรณ์ติดต่อ
ดูเหมือนว่าเขาจะชอบลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพระราชินีเวลาที่เขามาเยี่ยมที่นี่ เพราะว่าเขามีกาคาบข่าวคอยบอกเขาตลอดว่ามีใครที่ฝ่าฝืนข้อห้ามอะไรบ้าง เมื่อหน้าร้อนปีก่อน เจ้าหน้าที่ชายสองคนโดนลงโทษด้วยข้อหาว่าพวกเขาเอานาฬิกาข้อมือไปขาย พวกเขาโดนทุบตีจนน่วมไปหมด และคนอื่นก็ต้องฟังเสียงกรีดร้องทรมานของเขาผ่านวิทยุสื่อสาร แล้ววันรุ่งขึ้นพวกเขาก็ถูกส่งไปมิวนิคเพื่อบินกลับไปเข้าคุกที่ไทยเลย
ที่โรงแรมวัลเดกก์นี้ นอกจากเหล่าข้าราชบริพารแล้ว ยังมีอดีตสมาชิกฮาเร็มของวชิราลงกรณ์พร้อมกับลูกชายของเขาพักอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งเด็กชายคนนั้นตอนนี้อายุประมาณสามขวบแล้ว
แหล่งข่าวให้การว่าเป็นที่รู้กันในหมู่ข้าราชบริพารของสุทิดาในแองเกิลเบิร์กว่าพ่อของเด็กคนนั้นคือวชิราลงกรณ์ ซึ่งแม่ของเด็กนั้นถูกส่งมาที่โรงแรมวัลเดกก์หลังจากที่ตั้งท้อง
แหล่งข่าวหนึ่งยังบอกว่า “คำอธิบายของทางการบอกว่าเธอตั้งท้องกับทหารคนนึง” แต่ทุกคนรู้ความจริงว่าวชิราลงกรณ์เป็นพ่อของเด็กคนนั้นเอง ที่ทราบมาคือเด็กชายคนนั้นไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษอะไร และเวลาที่เขามาพักที่โรงแรม วชิราลงกรณ์ก็ไม่ได้ออกตัวว่าพิศวาสอะไรเด็กคนนี้เป็นพิเศษ
แหล่งข่าวที่รู้เรื่องนี้โดยตรงยังบอกว่า วชิราลงกรณ์นั้นเคยทำหมันเมื่อตอนประมาณช่วงปี 2533 หลังจากที่มีลูกกับยุวธิดาเป็นคนที่ห้า แต่ทว่าเขาก็ผ่าตัดแก้หมันในช่วงทศวรรษถัดมาเพื่อที่จะมีลูกกับศรีรัศมิ์ เมื่อพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ของเค้าแล้ว มีคนคาดการณ์ว่าวชิราลงกรณ์น่าจะมีลูกลับๆ อยู่อีกหลายคน ความลับนี้ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของการสืบสันตติวงศ์
ในตลอดปีนั้นวชิราลงกรณ์ไม่ได้มาแองเกิลเบิร์กบ่อยนัก ซึ่งช่วงที่เค้าไม่อยู่นั้นบรรยากาศโดยรวมในหมู่คนที่นั่นก็ดีขึ้นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามสุทิดานั้นก็ยังแทบไม่เคยมีอิสระเลย
สุทิดาถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปที่ไหน วชิราลงกรณ์จะรับรู้ความเคลื่อนไหวเสมอ ดังนั้นเรียกได้ว่าเธอถูกจำกัดชีวิตอยู่แต่ในโรงแรม เป็นนักโทษที่อยู่ในคุกแสนสวย เมื่อใดก็ตามที่เธอเริ่มจะสนิทกับใครมากเกินไป พวกเขาเหล่านั้นก็ยิ่งเสี่ยงที่จะถูกลงโทษ เธออยู่ในตำแหน่งพิเศษที่ถึงแม้ว่าเธอจะรายล้อมไปด้วยผู้คนหลายสิบและแทบไม่เคยต้องอยู่คนเดียว แต่เธอก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน
ในยุคของภูมิพลกับสิริกิติ์นั้น สองคนนี้ก็แยกกันอยู่มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2520 แยกจนสิริกิติ์สามารถตั้งราชสำนักของตัวเองจนมีอำนาจและอิทธิพลมากขึ้นได้ แต่ในกรณีสุทิดา การแยกกันอยู่นี้ไม่ได้ทำให้เธอมีอำนาจแต่อย่างใด
หลักประกันเดียวที่เธอมีตอนนี้ก็คือตำแหน่งพระราชินี วชิราลงกรณ์ยังหย่ากับเธอไม่ได้เพราะจะนำพาความละอายมาสู่เขา แถมจะยังพาราชวงศ์เข้าสู่ข่าวอื้อฉาวครั้งใหม่ สุทิดาต้องพยายามอย่างมากที่จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้ตัวเองและเจ้าหน้าที่ของเธอ รวมถึงต้องคอยเตะสกัดก้อย ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ทะเยอทะยานจะขึ้นตำแหน่งราชินีแทนเธอให้ได้
เพียงแค่สามเดือนหลังจากที่วชิราลงกรณ์แต่งงานกับสุทิดา เขาก็หักหน้าเธอต่อสาธารณชนอย่างรุนแรงด้วยการแต่งตั้งก้อยขึ้นสู่ตำแหน่งสนมพิเศษ “เจ้าคุณพระ” อย่างเป็นทางการในวันเกิดของเขาเองเมื่อ 28 กรกฎาคม 2562 สุทิดาต้องเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งนี้โดยทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งและมองก้อยหมอบคลานเข้ามากราบเท้าวชิราลงกรณ์ในพิธี
การที่เขามีทั้งภรรยา มีนางสนมคนโปรด และมีสาวๆ ในฮาเร็มอีกนับสิบคนนั้นนำมาซึ่งการแข่งขันและความขัดแย้ง จนแม้แต่ลูกสาวของวชิราลงกรณ์ ทั้งพัชรกิติยาภาและสิริวัณณวรีก็เข้าร่วมดราม่านี้ด้วย
ในช่วงที่เขากลับกรุงเทพเมื่อตุลาคม 2562 ความตึงเครียดก็เกิดระเบิดขึ้น และหลังจากการถกเถียงต่อสู้รุนแรงในวัง วชิราลงกรณ์ก็ปลดสินีนาฏออกจากตำแหน่ง ถอดฐานันดรศักดิ์ ยศทหารทั้งหมด เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา แล้วสั่งจำคุกเธอไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางที่แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ในพระบรมราชโองการประกาศปลดนั้นกล่าวหาเธอไว้ว่า “ทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง” “ขาดความกตัญญู ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” ความขัดแย้งครั้งนี้ลามไปทำให้ต้องเลื่อนพิธีพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งนายวิศณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พยายามออกมาแก้ต่างว่าเป็นปัญหาจากน้ำทะเลหนุนสูง
ประมาณกลางปีก่อน แหล่งข่าวทางวังเริ่มแง้มออกมาว่าวชิราลงกรณ์กำลังจะให้อภัยโทษก้อย เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อนมีจดหมายส่งมาที่ผมและปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ที่ญี่ปุ่น ในซองจดหมายนั้นแนบเมมโมรี่การ์ดที่บันทึกรูปกว่า 1443 รูปจากมือถือไอโฟนสามเครื่องที่ก้อยเคยใช้ในช่วงปี 2555 – 2557 รูปส่วนมากนั้นเป็นรูปวาบหวิวติดเรท สำหรับแหล่งที่มาว่าใครส่งมานั้นยังเป็นปริศนา แต่เป็นไปได้อย่างสูงว่ารูปพวกนี้หลุดออกมาและพยายามเผยแพร่โดยศัตรูของก้อยที่ต้องการทำลายการกอบกู้ชื่อเสียงของเธอ
แต่ในที่สุด ก้อยก็ถูกปล่อยตัวเมื่อปลายเดือนสิงหาคมและถูกส่งขึ้นเครื่องบินไปบาวาเรียทันทีด้วยเครื่องโบอิ้ง 737 ส่วนตัวของวชิราลงกรณ์เอง เขาถึงกับแต่งตัวครอปท็อปไปรับก้อยถึงสนามบินด้วยตัวเองอีกด้วย
คู่แข่งของสุทิดาคืนสนามแล้ว
หลังจากที่ใช้เวลาในช่วงล็อคดาวน์เนื่องจากการระบาดของโคโรน่าไวรัสอยู่ที่โรงแรมแกรนด์โฮเทลโซนเนนไบเคิลและโรงแรมวัลเดกก์แล้ว นอกเหนือจากทริปกลับไทยสั้นๆ ไม่กี่ทริปในช่วงปี ในที่สุดวชิราลงกรณ์ สุทิดา ก้อย นางสนม และข้าราชบริพารทั้งหลายในยุโรปก็ต้องเดินทางกลับไทยในระยะยาวขึ้นเมื่อประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
มีเจ้าหน้าที่คนไทยไม่กี่คนที่ถูกสั่งให้ยังอยู่ที่โรงแรมทั้งสองเพื่อปกป้องทรัพย์สมบัติที่เก็บไว้ทั้งสองที่ นอกจากพวกนี้แล้ว คนอื่นๆ ก็บินจากสนามบินซูริคในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 และถึงไทยในเช้าวันรุ่งขึ้น
วชิราลงกรณ์และสุทิดาคิดว่าตัวเองจะได้กลับยุโรปประมาณพฤศจิกายน แต่ว่าเกิดการประท้วงสำคัญของม็อบคณะราษฎรที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ขึ้นเมื่อปลายปีก่อนพอดี ทำให้วชิราลงกรณ์ต้องเปลี่ยนแผน ถึงเขาจะไม่พอใจอย่างมาก แต่นั่นก็ทำให้เขาต้องติดอยู่ในไทยตั้งแต่นั้นมา
ความตึงเครียดชิงดีชิงเด่นกลับมาอีกครั้งเมื่อสุทิดากับสินีนาฎพร้อมด้วยนางบำเรอในฮาเร็มต้องมาอยู่ในที่เดียวกันเป็นเวลาหลายเดือน และสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้ว่าวชิราลงกรณ์จะออกงานกรณียกิจต่างๆ พร้อมด้วยทั้งสองคน แต่กลับดูน่ากระอักกระอ่วนมากกว่า
สุทิดานั้นงดออกสื่อสาธารณชนเป็นเวลาหลายเดือนตั้งแต่ช่วงธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งสร้างความกังวลถึงความปลอดภัยของเธอ
แหล่งข่าวระดับสูงในวังบอกว่าวชิราลงกรณ์กำลังวางแผนจะอวยยศให้ก้อยได้เป็นราชินีเทียบเท่าสุทิดา ซึ่งจะเป็นการรื้อฟื้นวัฒนธรรมการแต่งตั้งหลายเมียของกษัตริย์ไทยในอดีตที่หายไปหลังจากสิ้นรัชกาลที่6 กลับมาอีกครั้ง แผนของเขาถูกค้านอย่างรุนแรงจากลูกสาวของเขาเอง ผู้ซึ่งรู้ว่าลำดับชั้นในราชวงศ์ของพวกเธอจะถูกแซงถ้าหากก้อยถูกยกขึ้นมาเป็นพระราชินี แน่นอนว่าวชิราลงกรณ์ก็ยังไม่กล้าพอที่จะดำเนินการตามแผนนี้
แต่ว่าสัญญาณความไม่ปกติและไม่ลงรอยกันในรั้ววังยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง วชิราลงกรณ์ได้เผยแพร่รูปวาดประหลาดบนกระดาษโน้ตที่มีตราราชวงศ์คู่ของเขากับก้อย ในรูปแสดงตัวเค้าเองใช้ชีวิตคู่เยี่ยงสามีภรรยาร่วมกับก้อยอย่างหวานชื่น และไม่มีวี่แววของสุทิดาอยู่ในรูปนั้นเลย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Royal World Thailand รายงานว่ามีคำสั่งห้ามพสกนิกรที่เข้าเฝ้าหรือรับเสด็จระหว่างที่เค้าออกงานชูรูปภาพที่มีรูปเขาคู่กับพระราชินี รวมถึงห้ามถือป้ายไฟ LED เรารักพระราชินีด้วย ป้าย LED นี้เป็นที่นิยมในหมู่คนรักเจ้าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ แต่เหมือนก้อยจะไม่พอใจที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในป้ายไฟหรือสโลแกนเชียร์ของแฟนคลับราชวงศ์พวกนี้ ก็เลยสั่งห้ามไปให้หมดเลย
กลับมาที่แองเกิลเบิร์ก ตอนนี้โรงแรมวัลเดกก์กำลังปิดอยู่และจะเปิดให้แขกนักท่องเที่ยวได้เข้าพักอีกครั้งวันที่ 21 พฤษภาคม การท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์นั้นกำลังฟื้นตัวหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสกำลังคลี่คลายลงในยุโรป และแองเกิลเบิร์กก็กำลังคาดหวังจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น
ที่สองชั้นบนสุดของโรงแรมวัลเดกก์นั้น รวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของโรงรถยังถูกจองไว้ให้สุทิดาและข้าราชบริพารของเธอไปตลอดปีนี้ ตามแผนเดิมเธอควรจะได้กลับไปที่โรงแรมตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดแล้ววชิราลงกรณ์กับสุทิดาจะได้กลับไปยุโรปอีกเมื่อไหร่
สำหรับช่วงนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่คนไทยแค่ 5 คนที่ยังอาศัยอยู่ที่โรงแรม คอยดูแลทรัพย์สมบัติ สัมภาระ และยานพาหนะที่ถูกทิ้งไว้ที่นั่น รวมถึงอยู่คอยทำความสะอาดชั้น 7 ที่เช่าเหมาชั้นไว้
แหล่งข่าวจากทั้งในแองเกิลเบิร์กและกรุงเทพบอกตรงกันว่าสุทิดาน่าจะกลับไปที่สวิตเซอร์แลนด์ในสักช่วงของหน้าร้อนนี้
ถึงแม้ว่าชีวิตของเธอส่วนใหญ่ที่นั่นจะดูหม่นหมอง ขาดไร้ซึ่งเสรีภาพและต้องอยู่กับความกลัวความเกรี้ยวกราดของวชิราลงกรณ์อยู่ตลอดเวลา แต่มันน่าจะยังดีกว่าอยู่ในศึกสงครามภายในและความสิ้นหวังอยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ “ภูเขาแห่งนางสวรรค์” นั้นอาจจะได้ต้อนรับพระราชินีกลับไปในไม่ช้า
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar