“วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่มีให้ฉีด” พูดอีกก็ถูกอีก แต่ถูกอิฐด้วย
เพจดัง (ที่โดนหาว่า bully สลิ่ม) บอกว่าลองหาคำอื่นมาแทนวัคซีนสิ “รถเมล์ที่ดีที่สุดคือรถเมล์ที่มีให้ขึ้น”“ฟุตปาธที่ดีที่สุดคือฟุตปาธที่มีให้เดิน” ฯลฯ จะพบว่ามันลดทอนความเป็นมนุษย์ ความเป็นประชาชนผู้เสียภาษี ให้ ด้อยค่าไร้อำนาจ ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งที่ดีกว่า
ถ้าบอกว่า “นายกฯ ที่ดีที่สุดคือนายกฯ ที่มี” คงร้องยี้ลั่นประเทศ นายกฯ ที่ไม่มีให้เลือก เพราะถูกล็อกโดย 250 ส.ว.
แหงละ หมอพูดถูก ประชาชนควรรีบลงทะเบียนฉีดวัคซีน คนที่มีโอกาสฉีดควรรีบฉีด แม้จะมีข่าวคนแพ้วัคซีน แต่น้อยมาก เมื่อเทียบกับโอกาสติดโควิดซึ่งอาจป่วยหนักถึงตาย
ขนาดธนาธรก็ยังเรียกร้องให้รีบฉีดวัคซีน แต่จุลเจิมกลับสงสัย แฝงเจตนาร้าย อยากให้คนแพ้วัคซีนเยอะๆ จะได้ด่ารัฐบาล (อ้าว จุลเจิมไม่เชื่อมั่นวัคซีนเรอะ)
หมอควรเข้าใจ ความไม่เชื่อมั่นวัคซีนสืบเนื่องจากความไม่เชื่อมั่นรัฐบาล ที่ผิดพลาด ล้มเหลว ในการควบคุมโควิดรอบสาม แถมยังจัดหาวัคซีนล่าช้า รวมทั้งวัคซีนที่ใช้วันนี้ คือซิโนแวค ถูกตั้งข้อกังขา ยังไม่ผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลก ผลศึกษายังไม่ได้รับการตีพิมพ์ (เพิ่งจะมีรายงานข่าวบลูมเบิร์ก ว่าได้ผลดีกว่าที่คาดในอินโดนีเซีย บราซิล) ในเมืองไทยก็มีบุคลากรทางการแพทย์แพ้ มีอาการคล้ายอัมพฤกษ์
ซึ่งพอมีข่าว ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นคือ บุคลากรทางการแพทย์ถูกตำหนิ “เครียดเองหรือเปล่า” พอมีคนโพสต์ผิดพลาด DES ก็จัดหนัก ข้อหาเฟกนิวส์
มันทำให้ประชาชนมองว่ารัฐบาลใช้อำนาจปิดปาก ขณะที่หน่วยงานรัฐอย่างราชทัณฑ์ กลับปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ตั้งนาน
ผอ.สถาบันวัคซีนอ้างว่า ผู้รู้ทางโซเชี่ยลทำให้ประชาชนสับสน จนกลัววัคซีน เลยไม่กล้าฉีด พูดราวกับประเทศไทยอยู่หลังเขา ไม่รู้ข่าววิทยาการที่ชาวโลกเขาเผยแพร่กัน ต้องเชื่อหมอ 3 มหาวิทยาลัยเท่านั้น วัคซีนยี่ห้อไหนก็เหมือนกัน ประเทศอื่นซื้อหลายยี่ห้อ ก็เพื่อให้ครอบคลุม ของเราซื้อยี่ห้อเดียวก็พอ (แต่พอเกิดรอบสองรอบสามค่อยตาลีตาเหลือกสั่งเพิ่ม)
ย้ำอีกครั้ง รัฐบาลจองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ตั้งแต่กรกฎาฯ 63 ได้วัคซีน มิถุนายน 64 จำนวน 26 ล้านโดสฉีดประชาชน 13 ล้านคน
อย่าเพิ่งสนใจยี่ห้อไหน ใครผลิต แต่ถามว่าประมาทไหม คิดว่าตัวเองเก่ง จองแค่นั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็รอบตัวประยุทธ์ไปหมด หรือเตือนแล้วไม่ฟัง
จนเกิดรอบสอง จึงตื่นตูมสั่งแอสตร้าเพิ่ม 35 ล้านโดส ซิโนแวค 2 ล้านโดส โดยที่ได้มาก่อนคือซิโนแวค ซึ่งหากบอกว่าการสั่งจองแอสตร้า “แทงม้าตัวเดียว” ซิโนแวคก็คือ “มวยแทน”
กระทั่งระบาดรอบสามร้ายแรงกว่า พร้อมกับข่าวแอสตร้าเกิดผลข้างเคียงหลอดเลือดอุดตันในยุโรป แม้น้อยมาก (แต่ถึงตาย) ทำให้ตระหนักว่าแม้แอสตร้ามีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องมีวัคซีนอื่นเป็นทางเลือก รัฐบาลจึงเจรจาไฟเซอร์ พร้อมกับเปิดทางเอกชนสั่งโมเดอร์นา (แบบยึกยักไปมากว่าจะลงเอย)
ผู้บริหาร สธ. หมอผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่ออกมาพูด จึงควรจะบอกประชาชนตรงๆ ว่าจนวันนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่รับรองซิโนแวค แต่ผลพิสูจน์ในประเทศอื่นๆ ช่วยลดป่วยรุนแรงลดการตาย (แม้ยังมีข้อสงสัยเรื่องไม่ลดการแพร่เชื้อ) แต่ก็ดีกว่าไม่มีวัคซีน
ไม่ใช่ออกมาแก้ต่างแบบ WHO ไม่รับรองไม่เป็นไร อย.ไทยเชื่อถือได้ หรือพอมีข่าวไฟเซอร์แฉว่าเจรจาประเทศปานกลางประเทศยากจนลดราคาให้ไม่มีใครซื้อ ก็ร้อนท้อง อ้างว่าเราเจรจาอยู่ตลอดจนซื้อแล้วนี่ไง
หมอควรบอกตรงๆ ว่า “กำขี้ดีกว่ากำตด” ตอนนี้เรามีแค่นี้ก็ต้องฉีด ไม่ต้องยกยอปอปั้น เพราะข่าวที่ฟังจากทั้งโลก ถ้าจะจัดอันดับความเชื่อถือ ซิโนแวคก็ต่ำสุด อย่ากลัวว่าพูดความจริงแล้วประชาชนจะไม่ฉีด อย่าใช้ความคิด “หมอเป็นบิดา” รู้ดีกว่าตัดสินใจแทน
สำหรับประชาชน ก็ต้องเรียกร้องกันให้ฉีด โดยขอให้ท่องไว้ว่า เมื่อไม่มีทางเลือก เราก็ต้องจำเป็นต้องฉีดเพื่อรักษาชีวิตหรือป้องกันการเจ็บป่วย ไม่ให้เป็นภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่พวกเขาต้องทำงานหนัก จากความผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาล ฉีดไปก็ด่าไป ฉีดแล้วไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร ภาษีเราทั้งนั้น อย่ามาติดป้ายทวงบุญคุณโดยท่านผู้นำ ท่านผู้ว่าฯ
ไม่ต่างอะไรกับนายกฯ ที่เลือกไม่ได้ “นายกฯ ที่มี” ต้องให้ประชาชนด่า จึงแก้ปัญหา จากสั่งวัคซีน 26 ล้านโดส มาสั่ง 150 ล้านโดส แล้วจะให้ประชาชนแซ่ซ้อง?
ความไม่เชื่อมั่นที่สำคัญคือ ประชาชนมองว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อกลบความล้มเหลว ฟื้นศรัทธา ด้วยวิธีโกหกปกปิดไม่พูดความจริง ให้หมอช่วยพูดแต่สิ่งดีๆ
จนในที่สุด หมอก็เสียความเชื่อมั่นไปด้วย
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6396926
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar