• กุลธิดา สามะพุทธิ
  • ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
พระคม อภิวโร

ที่มาของภาพ, Facebook/วัดป่าธรรมคีรี

คำบรรยายภาพ,

พระคม อภิวโร ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ นามว่า "พระวชิรญาณโกศล" เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2564

ไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์พระคม อภิวโร เป็นพระราชาคณะ นามว่า "พระวชิรญาณโกศล" พระหนุ่มแห่งวัดป่าธรรมคีรี จ.นครราชสีมา ก็ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องที่คนจำนวนมากอยากรู้ นั่นคือพระพลานามัยของในหลวง

วันที่ 20 พ.ค. เฟซบุ๊กของ พล.อ. ม.จ.จุลเจิม ยุคล นายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ได้เผยแพร่ข้อความที่พระคมเล่าให้คณะศิษย์ฟังหลังจากเดินทางกลับจากเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระบรมมหาราชวังเมื่อวันที่ 19 พ.ค.

โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวมีใจความว่า พระคมเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่าในหลวงทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ที่วังอัมพรเพื่อถวายงานในวาระต่าง ๆ มาตั้งแต่เดือน ม.ค. และท่านเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ในหลวงทรงอาราธนาให้พำนักในพระบรมมหาราชวัง เพื่อบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติบูชาถวายพระแก้วมรกต ช่วงหนึ่งได้ถวายงานส่วนพระองค์ต่อเนื่องเป็นเวลา 12 วัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะสงฆ์จำนวน 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ประจำวันพระ หลังจากนั้นทรงอาราธนาพระคมเจริญกัมมัฏฐานเป็นการส่วนพระองค์

พระคมเปิดเผยว่าในหลวงทรงสนพระราชหฤทัยในการปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง ทรงมีพระวิริยะในการเจริญกรรมฐานเป็นเวลานานทุกวัน และยังทรงติดตามข่าวสถานการณ์บ้านเมืองเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือให้ทันท่วงที โดยเฉพาะวิกฤตโควิด-19

คำบอกเล่าของพระคมทำให้หลายคนคลายความกังวลเกี่ยวกับพระพลานามัยของในหลวง แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ใครคือพระคม อภิวโร ที่ได้เข้าเฝ้าถวายงานใกล้ชิดและเป็นผู้นำเรื่องราวในวังมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ

บีบีซีไทยติดต่อวัดป่าธรรมคีรีเพื่อขอทราบประวัติและขอสัมภาษณ์พระคม แต่ได้รับแจ้งจากพระมหาวุฒิมา เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรีว่าพระคม ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานคณะสงฆ์ของวัด ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลใด ๆ

อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก ช่องยูทิวบ์ของวัดป่าธรรมคีรี รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของพระคมในรายการ "บันทึกสถานการณ์" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ทำให้รู้จักพระคมในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้

ศิษย์เก่าวัดบวรฯ-ม.เกษตร

เพจเฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรี ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 8 หมื่นคนระบุว่าพระคมเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายล้วนในเขตพระนคร กรุงเทพฯ นอกจากเป็นนักเรียนทุนสมเด็จพระสังฆราชแล้ว พระคมยังเป็นอดีตนักเรียนยอดเยี่ยมคนแรก สามเณรฤดูร้อนรุ่นแรก ประธานนักเรียนและเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนวัดบวรนิเวศอีกด้วย

เพจนี้อ้างคำบอกเล่าของพระคมถึงชีวิตสมัยเป็นเด็กมัธยมวัดบวรฯ ว่า "สมัยนั้นพวกเราได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรมากมาย ท่านเสด็จมาทรงอบรมนักเรียนตามวาระต่าง ๆ หรือหากไม่มีพระกรณียกิจนอกวัด ก็จะทรงเรียกพวกเราไปสอน กลุ่มเด็กวัดในยุคนั้นมีบุญมากที่ได้รับใช้พระองค์ท่าน เราได้ใส่บาตรพระองค์ท่านทุกเช้า...ยุคนั้นเราก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง อยากทำบุญกับพระองค์ท่าน จึงประหยัดมาก อดออม หรือบางทีก็ต้องอดข้าวเพื่อซื้ออาหารมาใส่บาตรถวายทุกวัน เป็นความสุขของเด็กน้อยที่อิ่มในใจมาจนถึงทุกวันนี้"

วัดป่าธรรมคีรียังได้เผยแพร่คำพูดของอาจารย์วัดบวรนิเวศที่กล่าวกับพระคมว่า "…ท่านคม สมัยก่อนเป็นลูกศิษย์ที่สร้างชื่อเสียง ทำประโยชน์ให้โรงเรียนมาก ทำความดี ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ พวกครูรักมาก"

หลังจบชั้นมัธยมปลาย พระคมเข้าเรียนต่อที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU61

เดือน ต.ค. 2563 เฟซบุ๊กเพจ KU Together ได้เผยแพร่วิดีโอสัมภาษณ์พระคมเกี่ยวกับชีวิตสมัยเป็นนิสิตซึ่งพระคมเล่าว่าแม้จะเรียนที่นี่เพียง 2 ปีแล้วตัดสินใจลาออกไปบวช แต่ช่วงเวลา 2 ปีที่เป็นนิสิตวนศาสตร์นั้น "ได้หล่อหลอมให้เป็นพระที่มีความเด็ดเดี่ยว อาจหาญ มีจิตที่พร้อมจะสู้กับสิ่งยาก"

พระคมกล่าวถึงความทรงจำที่มีต่อคณะวนศาสตร์ว่าเป็น "คณะที่รับน้องหนักและโหดที่สุดของไทย...ผ่านการรับน้องทุกอย่าง ระบบโซตัสของวนศาสตร์ ส่งผลให้คนกเฬวรากคนขี้เกียจกลายเป็นคนมีระเบียบวินัย"

บวช

พระคมสนใจและศรัทธาในคำสอนและแนวทางการฝึกภาวนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี และอุบาสิกาจันดี โลหิตดี น้องสาวของหลวงตามหาบัว มาตั้งแต่ชั้นมัธยม

ในบทความเรื่อง "สายธารธรรมจาก 'คุณแม่จันดี โลหิตดี' ถึงพระอาจารย์คม อภิวโร" เผยแพร่บนเว็บไซต์คมชัดลึกเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2556 พระคมเล่าว่าช่วงที่เป็นนักเรียนเขามักเดินทางไปฟังหลวงตามหาบัวเทศนาธรรมที่สวนแสงธรรม ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์ในความดูแลของวัดป่าบ้านตาด เป็นประจำ

ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเริ่มสนใจเรื่องการภาวนาและเป็นช่วงที่หลวงตามหาบัวประกาศตั้ง "กองทุนผ้าป่าช่วยชาติ" ช่วงปี 2541 หลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เขาจึงเดินทางขึ้นล่องกรุงเทพฯ กับอุดรธานีเป็นประจำ จนวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปแนะนำตัวและเล่าถึงการฝึกภาวนาให้อุบาสิกาจันดีฟัง

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ,

พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ.เมืองอุดรธานี ละสังขารเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2554 สิริรวมอายุ 97 ปี

อุบาสิกาจันดีเป็นผู้ชี้แนะแนวทางการฝึกภาวนาให้เขานับแต่นั้นมา แต่ตอนนั้นครอบครัวของพระคมอยากให้เรียนหนังสือมากกว่า วันหนึ่งอุบาสิกาจันดีจึงได้เชิญพ่อและแม่ของเขาไปพบ

"คุณพ่อคุณแม่ก็เลยยกอาตมาให้เป็นสิทธิขาดของคุณแม่จันดีนับแต่นั้น" พระคมเล่าไว้ในบทความชิ้นเดียวกัน "ในที่สุดคุณแม่จันดีก็บอกว่าถึงเวลาที่จะบวชได้แล้ว แล้วท่านก็มอบเงินให้เป็นเครื่องบวช ใส่ซองให้เรียบร้อย ท่านบอกให้ไปบวชใกล้บ้าน ให้พ่อกับแม่ได้บุญ"

พระคมพูดถึงการบวชของเขาอีกครั้งในการให้สัมภาษณ์กับวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. โดยกล่าวว่าเหตุที่เขาออกมาพูดถึงการปฏิบัติธรรมและการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 10 นั้น เพราะเห็นว่า "สิ่งดี ๆ บางทีไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะมาพูด เพราะพูดแล้วกลัวว่าจะมีแรงต่อต้าน ทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตน ทำให้คนที่เขาไม่ชอบหาเรื่องทำอะไรไม่ดีต่าง ๆ นานาให้เป็นอันตราย...แต่สำหรับอาตมาภาพ ปฏิบัติมาจนถึงป่านนี้ สละทุกอย่างออกมาทั้งที่มีความพร้อม คือในครอบครัวไม่ได้ขัดสนยากจนอะไรเลย ตัวเองก็ไม่ได้เดือดร้อนที่จะต้องมาบวช แต่มาบวชเพราะความรักความเทิดทูนศรัทธาในธรรมะของพระพุทธเจ้าจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าจะต้องกลัวสูญเสียอะไร"

วัดป่าธรรมคีรี

พระอุดมธีรคุณ เจ้าคณะอำเภอปากช่อง (ธรรมยุต) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการก่อตั้งวัดป่าธรรมคีรีกับบีบีซีไทยว่า ช่วงที่พระคมบวชและศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวังน้อย ได้เดินทางมาที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อหาที่สงบในการปฏิบัติธรรมและตั้งที่พักสงฆ์ธรรมคีรีขึ้น จากนั้นจึงเริ่มมีลูกศิษย์และผู้ศรัทธาร่วมบริจาคทุนทรัพย์เพื่อสร้างวัดป่าธรรมคีรี

วันที่ 12 ก.พ. 2556 ข่าวในพระราชสำนักรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิตติคุณทรงเป็นประธานในพิธีเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐมธรรมคีรีที่พักสงฆ์ธรรมคีรี ซึ่งพระคมร่วมกับศิษย์สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระประธานของวัด

"ในการสร้างวัดนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชศรัทธาถวายเงินเป็นทุนเริ่มต้น 1 แสนบาท พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิตตคุณยังเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อหาทุนสมทบสำหรับการสร้างวัดป่าธรรมคีรี หลังจากนี้จะมีการสร้างอาคารเพื่อเก็บรักษาฟันซี่ที่สมบูรณ์ที่สุดของหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ที่นางจันดี โลหิตดี น้องสาวของหลวงตามมหาบัว บรรจุไว้ที่เจดีย์ทองคำฝังเพชรแล้วนำมาถวายแด่พระอาจารย์คม เพื่อให้ทุกคนได้สักการะ" ข่าวพระราชสำนักระบุ

พระคม อภิวโร

ที่มาของภาพ, Facebook/วัดป่าธรรมคีรี

คำบรรยายภาพ,

พระคมและพระสงฆ์จากวัดป่าธรรมคีรีนำเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายให้ชาวบ้านใน ต.ซับน้ำเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อเดือน เม.ย. 2564

วันที่ 13 ส.ค. 2559 เพจเฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรีได้โพสต์ข้อความที่ระบุว่าเป็นพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ต่อพระคมเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2555 ว่า "ดิฉันขออนุญาตร่วมทำบุญสร้างวัดกับท่านอาจารย์คมได้ไหมเจ้าคะ" พร้อมกับเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ทรงนมัสการพระคมที่พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

"พระลูกชาย" ของสันติ-อรุณี ภิรมย์ภักดี

นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา เพจเฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรีได้โพสต์ภาพและเรื่องราวงานบุญ คำสอน บันทึกเสียงเทศนา และกิจนิมนต์ของพระคมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับจำนวนลูกศิษย์และผู้ศรัทธาที่ดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ โดยจำนวนไม่น้อยเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงในราชสกุล นักธุรกิจใหญ่ ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง และดารานักแสดง

แต่บุคคลที่ได้รับการกล่าวถึงบ่อยที่สุดน่าจะเป็นนายสันติและนางอรุณี ภิรมย์ภักดี หรือที่พระคมเรียกว่า "คุณพ่อสันติ-คุณแม่อรุณี" และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งมักจะเป็นเจ้าภาพทำบุญหรือนิมนต์พระคมไปแสดงธรรมในวาระต่าง ๆ อยู่เสมอ

สำหรับครอบครัวภิรมย์ภักดีนั้น เฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรีเคยโพสต์ข้อความไว้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2563 ว่า

"นับตั้งแต่คุณพ่อสันติ-คุณแม่อรุณี ภิรมย์ภักดี ขอพระอาจารย์คม อภิวโร เป็นพระลูกชาย คุณพ่อสันติ-คุณแม่อรุณีกราบถวายดูแลพระอาจารย์คมอย่างดี มีความเคารพรักในพระอาจารย์คมมาก เป็นความเกี่ยวข้องผูกพันที่ลึกซึ้งภายในใจ พระอาจารย์คมจึงเป็น 'พระลูกชาย' ของ 'พ่อตุ่ม' และ 'แม่หญิง' ตลอดมา"

สันติและอรุณี ภิรมย์ภักดี

ที่มาของภาพ, Facebook/วัดป่าธรรมคีรี

คำบรรยายภาพ,

เฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรีเผยแพร่ภาพนี้เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 พร้อมคำบรรยายว่า "คุณพ่อสันติ - คุณแม่อรุณี ภิรมย์ภักดี เดินทางมากราบสนทนาธรรมกับพระอาจารย์คม อภิวโร ที่วัดป่าธรรมคีรี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา"

นอกจากนี้ยังได้อ้างคำพูดของนายสันติที่กล่าวกับพระคมว่า "ผมและครอบครัวรู้สึกมีความผูกพันกับท่านมาก ยกตัวอย่างลูกชายคนที่สอง ต๊อด (คุณปิติ ภิรมย์ภักดี) เขาบอกเลยว่า ท่านเป็นน้องชายเขา เขาสัมผัสได้ว่าเราเคยเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านเคยเป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัว เเละเป็นน้องที่พี่ต๊อดเคยเเกล้งเคยเเหย่เอาไว้มากด้วย ไม่รู้ว่ามาพบกันชาตินี้ท่านจะมาเอาคืนด้วยการบังคับพี่ชายให้มาฝึกกรรมฐานมาก ๆ ก็อาจจะเป็นได้"

ขณะที่พระคมเคยกล่าวถึงทั้งสองคนนี้ว่า "เป็นโยมพ่อโยมแม่ที่มีความรักพระลูกชายอย่างยิ่ง"

บัญชีเฟซบุ๊กของทางวัดไม่ได้บอกอายุของพระคมไว้ แต่หากนับจากคำบอกเล่าของนายสันติที่บอกว่านายปิติ ลูกชายเขา (เกิด 3 ก.ย. 2522) นับญาติให้พระคมเป็น "น้องชาย" แล้ว อายุของพระคมคงน้อยกว่านายปิติที่จะครบ 42 ปี เต็มในวันที่ 3 ก.ย. 2564

พล.อ.สุรยุทธ์ถวายลูกชายเป็น "ลูกในทางธรรม"

พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับการสร้างวัดธรรมคีรีตั้งแต่เริ่มต้น เห็นได้จากเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2556 วัดป่าธรรมคีรีได้แจ้งข่าวว่า พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ พ.อ.หญิงท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ "มีจิตมหากุศลรับเป็นประธานฝ่ายฆราวาสทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างศาลาชันตาฆร ณ วัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา"

เดือน ก.ย. 2560 ยังปรากฎภาพประธานองคมนตรีถวายพระแก้วใสควอตซ์แกะสลักหน้าตัก 5.9 นิ้ว แด่พระคมอีกด้วย

อีกเหตุการณ์ที่พิสูจน์ถึงความศรัทธาของครอบครัวจุลานนท์ต่อพระคมและวัดป่าธรรมคีรีคือการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ "น้อมถวาย พ.อ.นนท์ จุลานนท์ เป็นลูกในทางธรรมของ พระอาจารย์คม อภิวโร และเป็นลูกศิษย์วัดป่าธรรมคีรี" ตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อน

"คุณนนท์มีจิตศรัทธาตั้งใจมาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์คมอย่างต่อเนื่อง โดยมาเป็นประจำทุกเดือน บางเดือนมาหลายครั้งตามแต่จะมีโอกาสอำนวย เมื่อกลับจากวัดป่าธรรมคีรีแล้ว คุณนนท์ตั้งใจฝึกสติ สวดมนต์ทำวัตร นั่งสมาธิภาวนา เดินจงกรมต่อที่บ้านอีกด้วย" แอดมินเพจเฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรีโพสต์เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา

ทางเพจยังระบุว่า พ.อ.นนท์เคยกล่าวกับพระคมว่า "ชีวิตผมผจญความเสี่ยงภัยมามาก เคยต้องประจำอยู่ชายแดน อาวุธปืนฝั่งเขาเล็งมาที่เราตลอดเวลา เดี๋ยวก็ตู้ม เดี๋ยวก็ปั้งทั้งวันทั้งคืน ไม่ใช่ว่าเป็นลูกคุณพ่อ (ฯพณฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์) แล้วจะสุขสบาย ต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าทั่วไป ต้องรอบคอบกว่าคนอื่น ๆ การฝึกสติอบรมปัญญาเป็นเรื่องสำคัญมาก ผมมาวัดป่าธรรมคีรีแล้วเหมือนผมได้อยู่อีกโลกหนึ่ง สงบเงียบ ร่มรื่น ตัดขาดความวุ่นวายภายนอก ทำให้ฝึกสติได้ดีมากขึ้น"

พล.อ.สุรยุทธ์ นมัสการพระคม

ที่มาของภาพ, Facebook/วัดป่าธรรมคีรี

คำบรรยายภาพ,

พล.อ.สุรยุทธ์สนทนากับพระคมระหว่างพิธีเททองหล่อพระประธานอุโบสถเจดีย์ ณ วัดป่าธรรมคีรี เมื่อ 21 มี.ค. 2564 ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

จากวัดป่าสู่ "วังอัมพร"

พระคมเปิดเผยในรายการ "บันทึกสถานการณ์" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ว่าช่วงปี 2563 มีข้าราชบริพารโทรศัพท์มาพูดคุยหลายครั้งและมักบอกว่าในหลวงฝากกราบพระอาจารย์คม

"อาตมาภาพก็คิดว่าถูกอำ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องโจ๊ก ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่มาขอประวัติอาตมา ขอประวัติวัด แล้วก็ได้ทราบจากหลาย ๆ ส่วน จากทางฝ่ายปกครอง ฝ่ายบ้านเมืองว่ามีการสอบประวัติวัด สอบประวัติอาตมาภาพในแง่มุมต่าง ๆ แล้วหลังจากนั้นก็นิมนต์มา ทรงอาราธนาให้ไปเข้าเฝ้าเพื่อถวายวิปัสนากรรมฐาน" พระคมกล่าว

เพจของ มจ. จุลเจิม ยุคล ระบุว่า ภาพพระวชิร​ญาณ​โกศล​ พร้อมพัดยศนี้​ ถ่ายที่พระบรมมหาราชวัง​ คืนวันที่​ 19​ พ.ค.2564

ที่มาของภาพ, Facebook/จุลเจิม ยุคล

คำบรรยายภาพ,

เฟซบุ๊กของ พล.อ. ม.จ. จุลเจิม ยุคล เผยแพร่ภาพนี้พร้อมคำบรรยายภาพว่า "ภาพพระวชิร​ญาณ​โกศล​ พร้อมพัดยศนี้​ ถ่ายที่พระบรมมหาราชวัง​ คืนวันที่​ 19​ พ.ค. 2564"

"เรื่องการปฏิบัติธรรมะต่าง ๆ ก็จะมีพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง มีความชำนาญ เป็นพระรูปสำคัญ ๆ ทั่วประเทศที่ได้รับการอาราธนาเข้ามาถวายงาน พระองค์ท่านทรงสืบประวัติด้วย ไม่ได้หมายความว่าพระท่านไหนที่มีชื่อเสียงแล้วจะสามารถเข้ามาถวายงานได้ ไม่ใช่ ทรงมีการสืบประวัติ การคัดกรองหลายขั้นตอนมาก ก่อนที่จะได้อาราธนาพระท่านนั้น ๆ มารับเข้าเฝ้าถวายงาน"

พระคมเล่าต่อว่าช่วงแรก ๆ ที่เข้าไปถวายงานจะจัดเป็นห้องเรียนใหญ่ที่ในหลวงทรงปฏิบัติธรรมร่วมกับข้าราชบริพาร

"ตอนหลังพอโควิดรุนแรงขึ้นเป็นช่วงวิกฤตก็ยกเลิกห้องเรียนใหญ่ไป แต่อาตมาภาพได้เข้าเฝ้าถวายงานเป็นการส่วนพระองค์แทน แปลว่าแม้จะเกิดสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม (พระเจ้าอยู่หัว) ทรงไม่ทิ้งธรรมะเลย เกิดวิกฤตอะไรขึ้นมาก็ตาม ในพระราชหฤทัยทรงตั้งมั่นด้วยธรรมะตลอด...อาตมาก็เข้าเฝ้าถวายงานพระองค์ท่านทุกวันพระ ทั้งวันพระเล็ก วันพระใหญ่ ต่อเนื่อง คือสรุปว่าอาตมาเข้าเฝ้าทุกสัปดาห์"

พระคมกล่าวต่ออีกว่า "อาตมาภาพไปถวายงานพระองค์ท่านตั้งแต่ ม.ค. นี่ก็จะครึ่งปีแล้ว หลายเดือนผ่านมาก็ได้เห็นมาโดยตลอดว่าพระองค์ท่านทรงมีความแข็งแกร่งมากทั้งทางวรกายและพระราชหฤทัย ประสงค์จะศึกษาอะไรก็ตาม ทรงมุ่งมั่นจะศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงแก่นในเรื่องนั้น ๆ เพียงแต่ว่าโดยพระอัธยาศัย ท่านทรงโปรดจะทำอะไรเงียบ ๆ ทำอะไรปิดทองหลังพระอยู่เบื้องหลัง ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับพระองค์ท่านจึงน้อย แล้วก็อาจจะทำให้คนทั้งหลาย ไม่ทราบ ไม่เข้าใจหรือเกิดความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยไปต่างนานาตามธรรมดาของมนุษย์เรา"

อันที่จริง ก่อนที่ชื่อพระคม อภิวโร จะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการเปิดเผยถึงการเข้าเฝ้าถวายงานด้านวิปัสนากรรมฐาน ชื่อของพระคมปรากฏอยู่ในข่าวที่ส่งต่อกันในวงการสงฆ์มาแล้ว เมื่อราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ 11 รูป ซึ่งพระคมเป็นหนึ่งในนั้น

"พระคม อภิวโร วัดป่าธรรมคีรี จังหวัดนครราชสีมา เป็นพระราชาคณะมีนามว่า พระวชิรญาณโกศล" ประกาศซึ่งลงวันที่ 7 พ.ค. ระบุ

จาก "ครูบาคม" "พระอาจารย์คม" ถึง "พระวชิรญาณโกศล" บทบาทของพระคม อภิวโร ต่อไปหลังจากนี้นับว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง