“คุณนิโคลเป็นคนที่มีน้ำใจและเป็นที่คนรักคนไทย รักประเทศไทยมาก ตอนที่พักอยู่กับเรา ก็เข้าร่วมชั้นเรียนทำอาหารไทยกับเรา และร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับพนักงานของเราตลอด” พนักงาน รร. ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต เล่าถึงช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวสาวชาวสวิสอยู่ในภูเก็ต
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์: ผลกระทบหลังเหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวชาวสวิสผู้ “มีน้ำใจ-รักประเทศไทย”
ทางการไทยและสวิสต่างแสดงความเสียใจต่อเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวสาวชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่เกาะภูเก็ต
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของไทย "ต้องด่างพร้อย และกระทบกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แน่นอน"
น.ส.นิโคล โซเวน ไวสคอป นักท่องเที่ยวชาวสวิส เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อ 13 ก.ค. โดยไม่มีใครคาดคิดว่านี่จะเป็นทริปสุดท้ายในชีวิตเธอ
ผ่านไป 3 สัปดาห์ ร่างของเธอถูกพบที่น้ำตกแห่งหนึ่งใน อ.เมืองภูเก็ต เมื่อ 5 ส.ค. ห่างจากที่พักของเธอไม่ถึง 2 กม. ส่งผลให้ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องบินจากเมืองหลวงมาภูเก็ตเพื่อร่วมประชุมหาแนวทางสืบสวนสอบสวนหาเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญ ในวันนี้ (6 ส.ค.)
พล.ต.อ. สุวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้เราเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการฆาตกรรม แต่ "เร็วไปที่จะสรุปสาเหตุ" เนื่องจากช่วงนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ
ผบ.ตร. เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย และจะเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวให้ได้ รวมทั้งจะต้องพูดคุยทบทวนกับหลายภาคส่วนที่มาร่วมดูแลในโครงการนี้ เพราะในแต่ละพื้นที่ การดูแลจะไม่เหมือนกันทั้งพื้นที่ในเมือง นอกเมือง และพื้นที่ธรรมชาติ
ผ่านมากว่า 24 ชั่วโมงหลังพบศพ เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสาวชาวสวิส
พยาน หลักฐาน และข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของ ตร.
เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 5 ส.ค. หลังตำรวจ สภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติในลำธารน้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน, แพทย์จาก รพ.วชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
สื่อระดับชาติหลายสำนักล้วนรายงานข่าวนี้ สรุปได้ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นสาวผมทอง ถูกคนร้ายใช้ผ้ายางสีดำคลุมร่าง แล้วใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ทับศีรษะไว้ ไม่ให้ศพโผล่เหนือน้ำเพื่ออำพรางคดี สภาพท่อนล่างเปลือยเปล่า
ตำรวจได้เก็บหลักฐานต่าง ๆ ที่พบไปตรวจสอบ อาทิ กางเกงยีนส์, กางเกงชั้นใน, รองเท้ากีฬา, กระเป๋าเป้ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ตามร่างกายไม่พบร่องรอยบาดแผลใด ๆ เพราะศพน่าจะเสียชีวิตและแช่อยู่ในน้ำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน จึงส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยผลน่าจะออกภายในวันที่ 6 ส.ค.
จากวัตถุพยานที่พบ และการสอบสวนพยานบุคคล พล.ต.ท. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ. 8) ให้ความเห็นกับรายการ "เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์" ทางสถานีโทรทัศน์ MCOT ช่อง 31 และเว็บไซด์ "คมชัดลึก"ดังนี้
- สภาพศพที่มีผ้าใบคลุม: วิเคราะห์ได้ว่าต้องมีผู้นำผ้าใบมาคลุม อาจจะมีการทำให้ผู้เสียชีวิตตายโดยผิดธรรมชาติ หรือมีผู้ทำให้เสียชีวิต
- สภาพศพเปลือยท่อนร่าง: พอสันนิษฐานได้ว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้ประทุษร้ายต่อทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตายยังอยู่ครบ
- ผู้เสียชีวิตถูกข่มขืนหรือไม่: ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์
- ใครเป็นผู้กระทำ: อยู่ระหว่างการสืบสวนและรวบรวมข้อมูล
- ผู้ก่อเหตุนำศพมาทิ้ง หรือเสียชีวิตตรงจุดนั้น: อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล
- ร่องรอยของบุคคลอื่นในที่เกิดเหตุหรือไม่: ยังไม่พบร่องรอยของบุคคลอื่น ต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง โดยจะหาเบาะแสเพิ่มเติมในกลุ่มแรงงานต่างด้าว บุคคลพ้นโทษ
- ข้อมูลจากพยานบุคคล: ผู้เสียชีวิตใช้การเดินเท้าอย่างเดียว โดยระยะห่างจาก รร. ที่พักถึงน้ำตกประมาณ 2 กม. (ถนนลาดยาง 1.6 กม. และเส้นทางธรรมชาติ 0.4 กม.) เป็นลำธารน้ำตก ปริมาณน้ำไม่เยอะ
ข้อมูลบางส่วนของผู้เคราะห์ร้าย
ในระหว่างตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนามบัตร 10 ใบ ระบุชื่อ น.ส.นิโคล โซเวน ไวสคอป (Miss Nicole Sauvain-Weisskopf) อายุ 57 ปี เดินทางเข้าไทยโดยใช้หนังสือเดินทางประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ไทยรัฐรายงานว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า หญิงผู้เคราะห์ร้ายรายนี้มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพิธีการทูตของสมัชชาสหพันธรัฐเยอรมนี และเลขาธิการสมาคมอดีตสมาชิกรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามบีบีซีไทยได้ติดต่อไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์สถานทูตเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ได้รับแจ้งว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเยอรมนี เนื่องจากผู้เสียชีวิตถือสัญชาติสวิส
เธอเดินทางมาเที่ยวเกาะภูเก็ตเพียงลำพัง ตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
13 ก.ค. เดินทางเข้าไทย
13-26 ก.ค. ท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต (พัก รร. แห่งหนึ่งใน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง)
27-31 ก.ค. ไปเที่ยวและพักผ่อนใน จ.กระบี่ (พัก รร. แห่งหนึ่งใน ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่)
31 ก.ค. กลับมาภูเก็ต (พัก รร. แห่งหนึ่งใน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต)
3 ส.ค. หายออกไปจากที่พัก
5 ส.ค. พบศพที่น้ำตกโตนยน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ความเสียใจจากรัฐบาลไทย
หลังได้รับรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวสัญชาติสวิส รัฐมนตรีไทยอย่างน้อย 2 คนติดต่อโดยตรงถึงเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ต่อสายตรงถึงตัวทูต ส่วนนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ส่งจดหมายไป และรับปากว่าจะประสานกับสถานทูตอย่างใกล้ชิดเพื่อรายงานความคืบหน้าทางคดี
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงข้อความจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาลไทย ว่า นายกฯ กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดให้ได้โดยเร็ว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการเพิ่มความเข้มงวดดูแลนักท่องเที่ยวตามโครงการภูเก็ตแซนดบ็อกซ์ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งประสานหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อยกระดับมาตรการด้านสาธารณสฺขและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมขอให้คนไทยช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังประกาศเร่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยมีวงเงินเยียวยาสูงสุด 1 ล้านบาท และพร้อมดูแลญาติของผู้เสียชีวิตที่จะเข้ามาประเทศไทยด้วย
ท่าทีของสวิส
นางแอนเดรีย โกทาส แทมมาทิน กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวในช่วงการแถลงข่าวของจังหวัดถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า "ดิฉันเสียใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่บริสุทธิ์คนนี้ ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเธอ
"ดิฉันเสียใจที่เห็นว่าคนชั่วช้า สามารถทำอะไรแบบนั้นในประเทศที่รู้จักกันดีในด้านความเป็นมิตรและความเมตตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งที่น่าเศร้ากับชุมชนชาวภูเก็ต" กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประจำจังหวัดภูเก็ตระบุ
ผลกระทบต่อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬายอมรับว่าเหตุที่เกิดขึ้น "ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของไทยต้องด่างพร้อย และกระทบกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แน่นอน" จึงขอความร่วมมือฝ่ายความมั่นคงและทุกฝ่ายยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นในพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และขยายผลไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วย
ขณะที่นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต กล่าวกับบีบีซีไทยว่ายังไม่สามารถวิเคราะได้ว่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หรือไม่
"พวกเรากำลังสังเกตการณ์เหตุการณ์กันอยู่ ตอนนี้ในต่างประเทศก็เพิ่งเป็นเวลาเช้า เราต้องดูสถานการณ์อีกนิดว่าจะกระทบหรือไม่ ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ ผมจะยังไม่บอกว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวยังปกติอยู่หรือไม่ปกติ เราต้องขอเวลาดูอีกวันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ตอนนี้มัน too soon to say (เร็วไปที่จะพูด)" นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตกล่าว
จ.ภูเก็ต ได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม เข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
นับจากเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อ 1 ก.ค. จนถึงวันนี้ (6 ส.ค.) มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาในในโครงการแล้ว 16,408 คน พบนักท่องเที่ยวของโครงการติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 47 คน โดยแต่ละวันจะมีเที่ยวบินจากต่างประเทศเข้ามาใน จ. ภูเก็ต 2-4 เที่ยวบิน และมียอดจองห้องพักตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ไปจนถึงวันสิ้นสุดของโครงการในเดือน ก.ย. อยู่ที่ 334,376 รูมไนท์
ผู้แทนจาก รร. ดุสิตธานีลากูน่าภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมที่ น.ส.นิโคล โซเวน ไวสคอป พักในช่วง 14 วันแรก บอกกับผู้สื่อข่าวในที่ประชุมของ จ.ภูเก็ตว่าด้วยเรื่องความคืบหน้าของคดีที่จัดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 6 ส.ค. ว่า นักท่องเที่ยวสาวรายนี้เป็นคนที่น่ารักและรักประเทศไทยมาก เธอเคยมาท่องเที่ยวในไทย 3 ครั้ง ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ เธอได้ไปเที่ยวที่ จ.กระบี่ ก่อนกลับมาพักที่ภูเก็ตต่อ
"คุณนิโคลเป็นคนที่มีน้ำใจและเป็นที่คนรักคนไทย รักประเทศไทยมาก ตอนที่พักอยู่กับเรา ก็เข้าร่วมชั้นเรียนทำอาหารไทยกับเรา และร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับพนักงานของเราตลอด ทางเราขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มีความสุขและความปลอดภัยมากที่สุดในขณะที่นักท่องเที่ยวพักอยู่ที่ประเทศไทย" ตัวแทนจาก รร.ดุสิตธานีกล่าวระหว่างแถลงข่าว
ด้านนายปิยพงษ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต บอกกับบีบีซีไทยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีผลกระทบต่อโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และเหตุดังกล่าวจะเป็นบทเรียนให้จังหวัดได้ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว
"มาถึงตอนนี้ก็ต้องพูดว่ายังไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำอย่างแรกก็คือการแสดงความเสียใจกับครอบครัวและประเทศต้นทางของผู้เสียชีวิต แต่ในส่วนภาพรวมของโครงการเองผมว่าก็ยังไม่ได้กระทบอะไร" นายปิยพงษ์กล่าว
"ตอนนี้ที่เราต้องทำก็คือทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมั่นใจในความปลอดภัยของประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วเรามีระบบที่ดีอยู่พอสมควร แต่จุดที่เกิดเหตุเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยไปกัน ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย" รองผู้ว่าฯ ภูเก็ตกล่าวและย้ำว่า ทางจังหวัดจะสื่อสารให้กับนักท่องเที่ยวรู้ถึงจุดที่นักท่องเที่ยวไม่นิยมเที่ยวกัน และออกคำแนะนำว่าอย่าไปโดยลำพัง
ย้อนรอยคดีสำคัญในแหล่งท่องเที่ยวในรอบ 10 ปี
คดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวชาวสวิส ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของไทย เพราะในรอบ 10 ปีมานี้ มีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ และชาวเยอรมัน ต้องเอาชีวิตมาทิ้งระหว่างเดินทางมาเที่ยวไทย โดยมี 3 คดีสำคัญ ดังนี้
2557 คดีฆาตกรรม มิลเลอร์-วิทเธอริดจ์ บนเกาะเต่า
คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเมื่อเดือน ก.ย. 2557 กลายเป็นคดีที่ทำให้ชื่อเกาะเต่าปรากฏทั้งในสื่อทั้งไทยและสื่อต่างประเทศ และถูกพูดถึงในอีกมุมหนึ่ง นอกเหนือจากความงดงามที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสวรรค์ของนักท่องเที่ยว
15 ก.ย. 2557 ตำรวจได้รับแจ้งพบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คน บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ทราบในภายหลังว่าผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษชื่อ นายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ อายุ 23 ปี สภาพศพของฝ่ายชายถูกทุบด้วยของแข็งบริเวณท้ายทอย ส่วนฝ่ายหญิงถูกตีด้วยของแข็งที่ใบหน้าและอยู่ในสภาพเปลือย
ผ่านไป 17 วัน มีรายงานการจับกุมนายวิน ซอ ตุน อายุ 21 ปี และนายซอลิน อายุ 21 ปี แรงงานชาวเมียนมาซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านอาหารบนเกาะเต่า โดยตำรวจระบุว่าชาวเมียนมาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงชั้นศาล จำเลยให้การว่าถูกทำร้ายระหว่างสอบสวนให้ยอมสารภาพ แต่ท้ายที่สุดศาลจังหวัดเกาะสมุยตัดสินประหารชีวิตจำเลยทั้งคู่ ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีฆาตกรรมนายมิลเลอร์ และฆาตกรรมและข่มขืน น.ส.วิทเธอริดจ์ รวมทั้งพ่วงความผิดข้อหาลักทรัพย์และเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
การต่อสู้ในชั้นศาลเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง ด้วยประเด็นสงสัยถึงกระบวนการจับกุมและการสอบสวนที่ไม่ชอบ แต่ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 2 คน
ต่อมา 24 ต.ค. 2562 จำเลยทั้ง 2 คนยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย โดยในหลวง ร. 10 ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเปลี่ยนโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกแทน
2561 คดีหญิงอังกฤษวัย 19 ปี อ้างว่าถูกข่มขืนที่เกาะเต่า
ชื่อเกาะเต่ากลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง พร้อม ๆ กับคำถามถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือน หลังจากสื่ออังกฤษตีพิมพ์รายงานข่าวนักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าถูกข่มขืนบนเกาะแห่งนี้ เมื่อเดือน มิ.ย. 2561 และพยายามให้รายละเอียดเรื่องนี้กับตำรวจ แต่ไม่ได้รับความสนใจ
เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารในท้องถิ่นของเกาะที่ถูกตั้งฉายาว่าเป็น "เกาะแห่งความตาย" มองว่าข่าวที่เผยแพร่ออกไปหลายต่อหลายครั้ง เป็นความตั้งใจโจมตีและทำลายชื่อเสียงการท่องเที่ยวไทย
สำหรับเหตุเหตุที่หญิงนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 19 ปี อ้างว่าถูกมอมยา ถูกลักทรัพย์ และถูกข่มขืนบนเกาะเต่า เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย. 2561
ในเวลาต่อมา เว็บไซต์ข่าวของ PPTV HD36 รายงานว่าตำรวจได้เดินทางไปถึงประเทศอังกฤษเพื่อสอบปากคำผู้เสียหาย และยังได้พยานอีกหนึ่งชิ้น เป็นเสื้อยืดคอกลมที่ผู้เสียหายอ้างว่าใส่ในวันเกิดเหตุ และจากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่พบคราบอสุจิ แต่มีดีเอ็นเอของบุคคล 2 คน เป็นผู้หญิง 1 คน และชาย 1 คน
จากนั้นในเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน ผบ.ตร. ได้ออกแถลงการณ์ยุติการสืบสวนคดีดังกล่าว ด้วยเหตุผล 3 ประการคือ 1) ผู้เสียหายไม่สามารถชี้จุดเกิดเหตุหรือบริเวณใกล้เคียงได้หลังจากให้ดูภาพถ่ายทางอากาศ 2) ไม่สามารถอธิบายลักษณะผู้ต้องสงสัยได้อย่างเพียงพอ และ 3) ผู้เสียหายไม่สามารถเล่ารายละเอียดการประทุษกรรมหรือพฤติกรรมของคนร้ายที่กระทำความผิดได้
ต่อมานางซาราห์ (สงวนนามสกุล) แม่ของผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยผ่านทางอีเมลว่า ลูกสาวของเธอ "จะอธิบายการทำร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างไรหากถูกมอมยาและไม่ได้สติอยู่"
เธอบอกว่า ลูกสาวเธอจำได้ว่าเห็นผู้ชายไทยคนหนึ่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะเดินจากไป และมันเป็นเรื่องยากมากที่ใครสักคนจะรู้ล่วงหน้าว่าการจดจำชั่วขณะนั้นได้จะสำคัญแค่ไหน
2562 คดีข่มขืนฆ่าสาวเยอรมันบนเกาะสีชัง
คดีข่มขืนและฆาตกรรม น.ส. บีลเทอ มิเรียม นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน อายุ 27 ปี เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกตั้งคำถามในโลกออนไลน์ และมีผู้มาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของการท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะหากเป็นนักท่องเที่ยวหญิงคนเดียว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 เม.ย. 2562 เมื่อผู้ต้องหาที่ทราบชื่อในภายหลังว่านายรณกร ร่มชื่น อายุ 24 ปี ได้เข้าไปพูดคุยกับหญิงสาว แต่เธอไม่คุยด้วย จึงติดตามขึ้นไปยังบริเวณโขดหินทางขึ้นยอดเสาธงพระจุลจอมเกล้า ซึ่งเป็นสถานที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา ต่อมาผู้ตายต่อสู้ขัดขืน จึงหยิบท่อนไม้ตีท้ายทอยผู้ตาย
เธอพยายามวิ่งหลบหนีลงบันไดมาที่ด้านล่าง แต่สะดุดหกล้ม ทำให้นายรณกรวิ่งตามลงมาทัน และนำก้อนหินทุบเข้าที่ศีรษะจนนักท่องเที่ยวสาวสลบ และถูกทุบที่ศีรษะและใบหน้าอีกหลายครั้งจนเสียชีวิต จากนั้นได้ถอดกางเกงในผู้ตายออกแล้วโยนทิ้ง ส่วนศพก็อุ้มไปอำพรางคดี นำก้อนหินและใบไม้แห้งวางทับเพื่ออำพราง ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในชั้นจับกุมและสอบสวน นายรณกรให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง แต่อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจฆ่าตั้งแต่ตอนแรก แต่เพราะผู้เสียชีวิตขัดขืนและพยายามวิ่งหนีไปแจ้งตำรวจ จึงจำเป็นต้องก่อเหตุ
ท้ายสุดเมื่อขึ้นสู่ชั้นศาล รวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว ศาลคงลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว และให้ริบก้อนหินของกลาง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar