Thai E-News
สภาผ่านงบฯ กษัตริย์ท่วมท้น พรรคใหญ่ฝ่ายค้านเอาด้วย เข้าทาง 'จุลเจิม' เสนอ “ต้องล้มเลิกระบบระบอบ ๒๔๗๕...ให้พระมหากษัตริย์กำอำนาจอธิปไตย”
ขณะที่ซึ่งเป็นที่รับรู้โดยราชกิจจานุเบกษาแล้วว่า ฐานะการเงินของชาติย่ำแย่ ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลประยุทธ์และลิ่วล้อ ประเทศขาดทุนสะสมถึง ๑.๐๖๙ ล้านล้านบาท แต่งบประมาณอีลุ่ยฉุยแฉกก็ผ่านฉลุยวาระ ๓ เมื่อตีหนึ่งเศษเมื่อคืน (๒๑ ส.ค.)
จาก ส.ส.ที่เข้าโหวต ๔๕๑ คน เห็นด้วยกับงบประมาณนี้ ๒๕๗ คน ไม่เห็นด้วย ๑๘๙ คน น่าจะรวมพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด ไม่เหมือนกับการโหวตงบประมาณสำหรับสถาบันกษัตริย์ ที่ผ่านฉิว ๓๓๗ ต่อ ๔๗ โดยมี ๘ คนงดออกเสียงและไม่ยอมลงคะแนน
ส.ส.ที่ไม่เห็นด้วยกับงบประมาณสำหรับส่วนราชการในพรองค์ ๘,๗๖๑ ล้านบาทนี้ มีเพียงพรรคก้าวไกลและพรรคเสรีรวมไทย (๓ เสียง) พรรคใหญ่ฝ่ายค้านไม่สนใจเหตุผลและหลักฐานที่พรรคก้าวไกลนำเสนออย่างชัดเจนและถูกต้องว่าทำไมต้องตัดงบฯ กษัตริย์
จากที่ ส.ส.เบญจา แสงจันทร์ ทวี้ตว่างบฯ ในพระองค์ สูงขึ้นๆ ทุกปีจาก ๔,๑๙๖ ล้านในปี ๒๕๖๑ มาเป็น ๘,๗๖๑ ล้านในงบประมาณใหม่ ๒๕๖๕ เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวภายใน ๔-๕ ปี พรรคก้าวไกลพยายามขอตัดลงประมาณ ๓,๕๖๘ ล้านบาทไม่เป็นผล
เช่นเดียวกับ ส.ส.เบญจา รังสิมันต์ โรม อภิปรายในตอนหนึ่งว่า หากตัดงบประมาณสนับสนุนกษัตริย์ลงไป ๔๐.๗๒% “ไม่ได้เป็นตัวเลขที่มากเกินไป ไม่ได้ทำให้สถาบันต้องมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เหมือนคนยากจนในประเทศนี้เลยครับ”
ตามแผนภาพที่เขานำมาเสนอให้เห็นว่าตรงไหนบ้างเป็นประเด็นควรตัด เช่น ในปี ๒๕๖๑ มีการเบิกใช้งบประมาณเกินเกณฑ์ที่สภาอนุมัติ ถึง ๕๒% และในปี ๖๓ ทั้งที่งบประมาณสูงอยู่แล้วที่ ๗,๖๘๕ ล้าน ยังเยิกเกินกันอีก ๒๗%
หรือว่าเมื่อมีการรวม ๕ ส่วนราชการเกี่ยวกับวังเข้าเป็นหนึ่งเดียว เรียก ‘ส่วนราชการในพระองค์’ ควรที่จะก่อให้เกิดการประหยัด กลับเปลืองงบฯ มากกว่า โดยปี ๖๑ ถึง ๖,๓๙๑ ล้าน ขึ้นไปเป็น ๖,๘๐๐ ล้านในปีต่อมา แล้วถีบตัวสูงปรี๊ดในปีต่อมา
งบประมาณส่วนราชการในพระองค์ปี ๒๕๖๓ ถึง ๙,๘๑๔ ล้านบาท ก่อนจะลดลงไปเป็น ๘,๙๘๐ ล้านในปีนี้ และ ๘,๗๖๑ ล้านในปีหน้า แต่ทั้งสองปีนี้ก็ยังมีการจัดงบฯ กษัตริย์สูงปรี๊ดอยู่ดี แต่ละปีสูงกว่าก่อนควบรวม ๒ ถึง ๓ พันล้าน
เนื่องเพราะเกิดงบฯ ซ้ำซ้อนในหน่วยงานเก่าและใหม่ อย่างน้อยๆ ๑,๕๐๐ กว่าล้าน (ปี ๖๒) ส่วนใหญ่ ๓ พันกว่าล้าน ในปี ๖๑ ๖๓ และ ๖๕ (๓,๔๑๕ ล้าน) แม้แต่ปีนี้ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ ๓ พันกว่าร้าน (๒,๘๖๖ ล้าน) จำนวนเพิ่มงบฯ ไปลงที่ค่าใช้จ่ายต่อบุคคลากรเสียกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์
จึงเป็นด้วยเหตุแห่งการให้ความสำคัญแก่การใช้งบประมาณอย่างมือเติบของสถาบันกษัตริย์ ที่แม้กระทั่งพรรคใหญ่ฝ่ายค้านก็ยังตามแห่ด้วย ทำให้ จุลเจิม ยุคล ราชวัลลภรุ่นหลงยุคจึงได้เสิบสาน เรียกร้องให้ “ต้องล้มเลิกระบบระบอบ ๒๔๗๕”
เขาเสนอให้พระมหากษัตริย์กำอำนาจอธิปไตย และเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกครอง ด้วยการให้พระองค์ทรงแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาได้เอง มีอำนาจเคียงข้างสภาผู้แทนฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง อ้างว่าให้เป็นไปตามปณิธานพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗
โอว นี่เขาจะชักชวนกันกลับไปใช้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช จริงๆ แล้วหรือ ไหนมีข่าวลือว่าสิ้นเดือนนี้ ร.๑๐ จะเสด็จฯ กลับไปทรงประจำที่เยอรมนีอีกแล้ว หากถวายอำนาจการเมืองการปกครองให้พระองค์ จะมิขัดแย้งกับกฎหมายที่นั่นหรือ
พรรคฝ่ายค้านที่นั่น (กรีน) ยิ่งฮึ่มๆ ยื่นญัตติตั้งข้อสังเกตุ ว่าพระองค์ระเมิดข้อห้ามประมุขรัฐบาลต่างชาติ ไปทรงงานระหว่างพำนักอยู่ที่นั่น วุ่นวายไปกันใหญ่
(https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/380392850259408)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar