Thai E-News
ครอบครัวลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย แถลงครั้งแรก ครอบครัวจะดำเนินคดีทั้งอาญา แพ่ง และคดีอื่นใดกับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด "I’m back ดวงตาหนึ่งข้างที่ดับไปตลอดการ แต่ผมไม่เคยมองเห็นชัดเจนขนาดนี้มาตลอดชีวิต...เราจะแพ้ไม่ได้ครับ"
I’m back cr: ไข่แมวชีส
ดวงตาหนึ่งข้างที่ดับไปตลอดการ แต่ผมไม่เคยมองเห็นชัดเจนขนาดนี้มาตลอดชีวิต
#เผด็จการจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ
Nat Thanakitamnuay
7h ·
คำแถลงการณ์
กรณีอาการบาดเจ็บของนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (คุณลูกนัท)
ตามที่ได้ปรากฏข่าวสารเผยแพร่ทั่วไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ว่า นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (ลูกนัท)
ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้าและดวงตาจากการดำเนินการควบคุมและสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่
ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและแยกดินแดง กรุงเทพมหานคร
จนต้องเข้ารับการตรวจรักษาจากคณะแพทย์นั้น
นายธนัตถ์ฯ
และครอบครัวธนากิจอำนวย
ขอขอบคุณคณะแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
ตลอดจนญาติมิตรที่ได้กรุณาช่วยเหลือ
หรือติดตามสอบถามอาการบาดเจ็บของนายธนัตถ์ฯ
และความคืบหน้าในการตรวจรักษาด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีมาโดยตลอด ในการนี้
นายธนัตถ์ฯ และครอบครัว
ขอเรียนต่อสาธารณชนว่า
ที่ผ่านมาทางครอบครัวและคณะแพทย์ผู้รักษายังไม่เคยให้ข่าวใด ๆ
กับสื่อมวลชนหรือบุคคลที่มิใช่สมาชิกในครอบครัว ฉะนั้น
ครอบครัวธนากิจอำนวยจึงขอแถลงข้อมูลตามความเป็นจริง โดยมีรายละเอียดดังนี้
ในประการแรก นายธนัตถ์ฯ
ได้รับบาดเจ็บโดยมีบาดแผลฉีกขาดเป็นรูปครึ่งวงกลมที่บริเวณคิ้วขวา
ลักษณะเกิดจากการถูกกระแทกด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคม ลักษณะเป็นกระบอกกลม
ซึ่งคณะแพทย์ผู้ตรวจรักษาได้ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่านายธนัตถ์ฯ
มีแผลบวมช้ำที่เบ้าตาขวาและมีบาดแผลฉีกขาดที่คิ้วขวา กระจกตาขวาฉีกขาด
ลูกตาขวาแตก จอประสาทตาขวาลอก จากนั้น นายธนัตถ์ฯ
จึงได้เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บจากคณะแพทย์ด้วยการผ่าตัดแล้ว
ปัจจุบันมีอาการเบื้องต้นปลอดภัยและทรงตัว
แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เพิ่มเติมต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลามากกว่า
6 เดือน โดยแพทย์มีความเห็นว่าภายหลังการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว
ดวงตาข้างขวาของนายธนัตถ์ฯ จะไม่สามารถมองเห็นได้อีก
ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่า นายธนัตถ์ฯ ได้เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่
13 สิงหาคม 2564
ซึ่งเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
ได้บัญญัติรับรองเสรีภาพดังกล่าวไว้ โดยนายธนัตถ์ฯ
มีเจตนาที่จะแสดงความคิดเห็นและชุมนุมอย่างสงบโดยยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาแต่แรกเริ่ม
โดยตลอดการร่วมชุมนุมนายธนัตถ์ฯ
ได้แสดงออกและพยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันและหลีกเลี่ยงพฤติการณ์ใด ๆ
ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรง หรือความเสี่ยงต่อความรุนแรง ความวุ่นวาย
และความเสียหายแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ดังที่ได้ปรากฏหลักฐานเป็นที่รับทราบโดยทั่วไป
ทั้งนี้
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)
หรือเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องนั้นจะมีอำนาจหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายและดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม
แต่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยเคารพและคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพและความปลอดภัยโดยรวมของประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในระหว่างการชุมนุมนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.)
ได้เลือกใช้มาตรการในการสลายการชุมนุมหลายประการที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตหรือร่างกายของผู้เข้าร่วมชุมนุม
เช่น การยิงแก๊สน้ำตา หรือการยิงกระสุนยางเข้าใส่กลุ่มประชาชนผู้ชุมนุม
ทั้งที่การชุมนุมดังกล่าวยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือสถานการณ์การใช้ความรุนแรงถึงระดับที่จะเป็นเหตุให้รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการที่มีความรุนแรงในการสลายการชุมนุมดังกล่าว
หรือหากแม้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า
ในขณะนั้นอยู่ในสภาวะที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการยิงแก๊สน้ำตา
หรือยิงกระสุนยาง ก็ตาม
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวก็จะต้องกระทำไปตามหลักการและมาตรฐานสากล
กล่าวคือ ในการปฏิบัติการยิงแก๊สน้ำตานั้น
ต้องใช้วิธีการยิงแบบวิถีโค้งในลักษณะโพรเจกไทล์ (Projectile)
โดยต้องไม่ทำการยิงวิถีตรงหรือเล็งเข้าหาตัวบุคคลอย่างเด็ดขาด
และในส่วนของการยิงหรือใช้กระสุนยางนั้นต้องเล็งยิงไปในบริเวณที่ต่ำกว่าเอวหรือบริเวณขาเท่านั้น
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง
ต้องห้ามยิงจากที่สูงหรือมุมสูงโดยเด็ดขาด ซึ่งในกรณีของนายธนัตถ์ฯ
เกิดจากการยิงแก๊สน้ำตาที่ไม่ใช่การยิงแบบวิถีโค้ง
จนเกิดเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้นั่นเอง
ดังนั้น นายธนัตถ์ฯ
และครอบครัวจึงเห็นว่าการใช้มาตรการสลายการชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้กําลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนที่เกินจําเป็น
ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับแนวทางสากลในการจัดการและควบคุมฝูงชน
ทั้งยังเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากรวมถึงนายธนัตถ์ฯ
ได้รับบาดเจ็บอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมของประชาชน
ด้วยเหตุนี้ นายธนัตถ์ฯ
และครอบครัวจึงมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งในคดีอาญา
คดีแพ่ง และคดีอื่นใด กับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อนายธนัตถ์ฯ
เนื่องจากการใช้อำนาจหน้าที่ การปฏิบัติการ
และการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจนถึงที่สุดในทุกวิถีทาง
โดยมีเจตนาเพื่อที่จะให้เป็นบรรทัดฐานและแบบอย่างในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนตามรัฐธรรมนูญฯ
ที่บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของตน
และอยู่ร่วมกันในสังคมโดยสามารถแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้
รวมถึงเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของนายธนัตถ์ฯ
และครอบครัวตามกรอบของกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญฯ
โดยการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นนี้นายธนัตถ์ฯ
และครอบครัวมิได้มีเจตนาและมิได้มีความประสงค์ที่จะให้บุคคล กลุ่มบุคคล
หรือฝ่ายการเมืองใดนำไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง
ไม่ว่าในลักษณะหรือแง่มุมใดก็ตาม
ครอบครัวธนากิจอำนวยขอเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายธนัตถ์ฯ
ถือเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรงของครอบครัว
ซึ่งครอบครัวธนากิจอำนวยหวังว่าการดำเนินการใด ๆ ต่อจากนี้
จะช่วยไม่ให้เกิดความสูญเสียหรือความรุนแรงในลักษณะเดียวกันต่อบุคคล
หรือประชาชนที่ต้องการแสดงออกทางความคิดของตนโดยสงบและปราศจากอาวุธ
โดยขอยืนยันว่าการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฯ
ของประชาชนต้องไม่ถูกขัดขวางหรือคุกคามโดยรัฐ
รวมทั้งการใช้อำนาจหรือการปฏิบัติงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายต้องเป็นไปตามแนวทางสันติวิธีและเป็นไปตามหลักสากล
โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังหรือการทำให้เกิดความรุนแรงใด ๆ
ขอแสดงความนับถือ
ครอบครัวธนากิจอำนวย
วันที่ 19 สิงหาคม 2564
Nat Thanakitamnuay
6h ·
ยังมีอีกมากมายหลายชีวิตที่กำลังต้องทุกข์ทรมาน ยังมีอีกมากมายหลายชีวิตที่ต้องสูญเสีย ยิ่งกว่าที่ผมสูญเสีย
ชีวิตเขาเหล่านั้นจะไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก ไม่ว่าจะเพราะด้วยความสูญเสียจากการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงของรัฐ
หรือแม้แต่เพราะแค่ ”การเมืองที่แย่”
ผมอยากให้กำลังใจทั้งหมดที่ส่งมาให้ผม มุ่งไปที่คนเหล่านั้น เพื่อที่เค้าจะได้มีโอกาส ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
คนที่กำลังกรีดร้อง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
คนที่กำลังต่อสู้ เรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง
ส่วนตัวผมแล้ว ผมแค่ตาบอดข้างเดียว
ชีวิตผม จะกลับไปเป็น สุข สงบ สบาย เมื่อใหร่ก็ได้
แต่
ผมจะขอสู้เคียงข้างทุกคนเพื่อเรียกร้องความถูกต้องนี้ต่อไป
ขอให้ทุกคนสู้ด้วยความเข้มแข็ง สันติวิธี เพื่อ ชัยชนะของประชาชน
เราจะแพ้ไม่ได้ครับ III #เราคือเพื่อนกัน
รัฐบาลและระบบยุติธรรมประเทศนี้ปล่อยให้ทำกันอย่างนี้ได้ยังไง ไร้มนุษยธรรมที่สุด จับเด็กที่เห็นต่างไปให้ติดโควิดแล้วไม่รักษาให้ดี ทั้งๆเขามีโรคประจำตัว #ปล่อยเพื่อนเรา
7h ·
ด่วน!!! อาการของเพนกวินตอนนี้น่าเป็นห่วงมากๆ ในห้องที่เพนกวินอยู่สภาพแออัด (อยู่กัน 43 คน)
- ปอดมีฝ้าขาวแล้ว
- ต้องให้ออกซิเจน
- หมอจัดยาแก้หอบให้ผิด
- ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ใส่ตัวเดิมมา 3 วันแล้ว
- คนไข้ในห้องต้องทำแผลให้กวิ้นกันเองเนื่องจากเลือดออกบริเวณเข็มที่คาไว้
- แถมยุงเยอะมากๆ แต่ไม่มียากันยุงขาย
นี่คือสิ่งที่ราชทัณฑ์บอกว่าดูแลผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิดเป็นอย่างดีหรอคะ ดูแลไม่ได้ แล้วยังไม่ยอมให้ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์อีกทั้งที่ทางรพ.ตอบรับแล้วด้วย เราไม่เชื่อมั่น และเราไม่เคยเชื่อในการรักษาของรพ.ราชทัณฑ์เลย แล้วมาบอกเพนกวินว่ารออาการหนักค่อยย้ายไปรพ.ธรรมศาสตร์ นี่คือความน่ากลัวของการรักษาในแดนสนธยา
และนิวก็ไม่กินข้าวมา 4 วันแล้ว เข้าใจว่าสภาพจิตใจคงแย่มากๆ แล้ว
และล่าสุด แซม สาแมทติดเชื้อโควิท!
#ปล่อยเพื่อนเรา
#ปล่อยเพื่อนเรา...
เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak
10h ·
[แอดมินโพสต์]
อัปเดตอาการเพนกวิน 19 ส.ค. 64
เพนกวินติดเชื้อโควิด-19 จากเรือนจำชั่วคราวรังสิต ตอนนี้ถูกย้ายไปรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยทางทนายได้ยื่นเรื่องขอย้ายตัวเพนกวินและนิว สิริชัย ไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา แต่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ปฏิเสธคำร้องแม้ว่าโรงพยาบาลธรรมศาสตร์จะตอบรับแล้วก็ตาม
อาการของเพนกวินอยู่ในระดับสีเหลืองคืออาการไม่รุนแรงมากแต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นเพนกวินมีอาการไอ หอบเหนื่อย หายใจติดขัด มีไข้ อ่อนเพลีย ผลการ X-ray พบฝ้าที่ปอด เมื่อวานหมอต้องให้ออกซิเจน แม้ว่าอาการจะยังไม่รุนแรงมาก แต่เพนกวินมีโรคประจำตัวคือหอบหืดซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างมาก ต้องได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพ
จากคำบอกเล่าของเพนกวิน ในสถานพยาบาลอยู่กันค่อนข้างแออัด หมอและพยาบาลไม่สามารถเอาใจใส่ผู้ป่วยทุกคนได้เต็มที่ นักโทษดูแลกันเองเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเกิดบาดแผล ก็ถูกหมอและพยาบาลละเลยจนต้องทำแผลกันเอง แม้มันจะผิดสุขลักษณะและอาจจะส่งผลให้แผลติดเชื้อได้ก็ตาม ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวานนี้เพนกวินขอยาหอบสำหรับโรคประจำตัว แต่หมอกลับให้ยาผิดประเภท ถือเป็นโชคดีที่เพนกวินยังไม่ได้ใช้ยา และเปลี่ยนยาได้ทัน
เราไม่อาจทราบได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดพลาดหรือความจงใจ แต่เราไม่สามารถวางใจให้โรงพยาบาลราชทัณฑ์รักษาเพื่อนเราต่อไปได้ ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม - Department of Corrections ให้ความร่วมมือในการส่งตัวเพื่อนเราไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์โดยเร็วที่สุด
ขอให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนช่วยกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้รัฐเล่นสกปรกลับหลังเรา
#โควิดในเรือนจำ
#รัฐบาลฆาตกร
#ปล่อยเพื่อนเรา
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar